แดนนิรมิตเทพ - บทที่1342
เล่หรูหั่วถาม “เฉินโม่ นายมั่นใจว่าจะชนะเขามั้ย? ถึงอย่างไรตรงนี้มันก็คือประเทศต้าเหอ เราอยู่ในถิ่นของคนอื่น”
เฉินโม่พยักหน้า “สบายใจได้เลย แม้ว่ามันจะเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด แต่เขาสู้ฉันไม่ได้”
ความสามารถของยากิวยิโตะ เมื่อเทียบกับโอคาโมโตะ เมอิจิแข็งแกร่งกว่ามาก เป็นคนที่เก่งที่สุดที่เฉินโม่เคยเจอมาในชาตินี้
ถ้าหากใช้อันดับนักบู๊ของหัวเซี่ยมาแบ่งแยก ความสามารถของยากิวยิโตะ ได้เกินนักบู๊แดนเทพธรรมดาไปแล้ว
แต่ความสามารถที่แท้จริงนั้น เฉินโม่ยังไม่แน่ใจ ทำได้เพียงรอให้กลับไปถึงหัวเซี่ยก่อน แล้วถามคนของโลกฝึกบู๊ดู เพื่อเข้าใจอย่างละเอียด
“เอาล่ะ ฉันไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของเธอแล้ว ห้องนี้ฉันได้ตั้งเขตแดนความปลอดภัยเอาไว้แล้ว เธอพักผ่อนให้สบายใจเลย” เฉินโม่กล่าว
เล่หรูหั่วพยักหน้า แววตามีความเสียดาย ราวกับว่ายังมีความกลัวอยู่
เมื่อกลับมาถึงห้อง เฉินโม่ก็นั่งขัดสมาธิฝึกฝน
หลังจากศึกนั้น เฉินโม่รู้สึกว่าพลังบำเพ็ญภายในร่างกายของเขานั้นพร้อมที่จะลุยอยู่ตลอดเวลา
“การต่อสู้ครั้งนี้ ทำให้พลังทิพย์ในร่างกายของเขากระชับอีกครั้ง ฉันมั่นใจว่า คืนนี้ฉันจะยกถึงขั้นชั้นแปดแดนรวมพลัง
เฉินโม่หลับตาลง ตั้งเขตแดนความปลอดภัยไว้โดยรอบ จากนั้นก็เริ่มจู่โจมพลังของชั้นแปดแดนรวมพลัง
เดิมพลังทิพย์ในร่างกายก็ถึงจุดอิ่มตัวแล้ว หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ พลังทิพย์ของเฉินโม่ก็ได้ฟื้นฟูอีกครั้ง ครั้งนี้ก็เหมือนกับการพลิกวิกฤตเป็นโอกาส ทำให้เฉินโม่สามารถถึงชั้นแปดแดนรวมพลังอย่างสมบูรณ์แบบ
สำหรับเฉินโม่ที่เคยฝึกฝนถึงแดนดั่งเทพเมื่อชาติที่แล้ว การที่จะฝ่าฝันถึงแดนรวมพลังแต่ละชั้น มันก็แค่ทำใหม่อีกครั้งเท่านั้น ไม่ได้มีความยากอะไรเลย
หินทิพย์สามสิบหกก้อนถูกจัดวางไว้เหนือศีรษะ จัดเรียงตามกลุ่มดวงเหนือสามสิบหกดวง และได้ตั้งค่ายกลรวมทิพย์ไว้รอบตัว หลังจากที่เตรียมความพร้อมทุกอย่างแล้ว เฉินโม่ก็เริ่มฝึกฝน
พลังทิพย์ที่แข็งแกร่งได้มารวมตัวอยู่ที่ห้องของเฉินโม่ ข้างนอก บนท้องฟ้ายามค่ำคืน บนท้องฟ้าของโรงแรมพลังทิพย์กำลังโหมกระหน่ำ และมีก้อนเมฆสีดำกำลังลอยวนเหนือดาดฟ้า
โชคดีที่เป็นเวลากลางคืน ก้อนถูกคนธรรมดาเข้าใจว่าเป็นเมฆดำก่อนฝนตก เลยไม่ได้ดึงดูดความสนใจคนมากนัก
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักบู๊แดนในของประเทศต้าเหอแล้ว คลื่นพลังทิพย์ที่แข็งแกร่งนี้ไม่สามารถรอดพ้นสายตาของพวกเขาได้
โดยเฉพาะผู้ที่มีความเก่งอย่างยากิวยิโตะ
ในลานบ้าน ยากิวยิโตะรู้สึกได้ถึงพลังทิพย์ที่โหมกระหน่ำของฟ้าดิน และเฝ้ามองมันอย่างเงียบๆ
“ทิศทางนั้น น่าจะเป็นโรงแรมที่เฉินไต้ซือพักอยู่ ดูเหมือนเขาจะก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้นแล้ว”
ในแววตาของยากิวยิโตะปรากฏขึ้นด้วยการต่อสู้ที่ดุเดือด “หัวเซี่ยมีการสืบทอดมานับพันปี และมีคนเก่งจำนวนมาก ซึ่งมันเป็นไกลเกินเอื้อมของประเทศต้าเหอ!”
“เฉินไต้ซือ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าหลังจากที่คุณยกไปอีกขั้น คุณจะมีความเก่งระดับไหน!”
ยากิวยิโตะมองไปยังลูกศิษย์ที่อยู่ด้านหลังเขา พูดอย่างจริงจัง “พวกนายพาคนไปเฝ้าอยู่แถวโรงแรมที่เฉินไต้ซือพักอยู่ เฝ้าระวังอย่าให้ใครไปรบกวนเขา!”
ศิษย์ทั้งสองคนแม้จะมีความสงสัยว่าทำไมอาจารย์ต้องปกป้องศัตรูด้วย แต่เป็นเพราะเกรงกลัวยากิวยิโตะ ทั้งสองจึงไม่ได้ถาม พยักหน้ารับ
เป็นอย่างที่เฉินโม่พูดเลย ยากิวยิโตะคือนักบู๊ที่แท้จริงคนหนึ่ง หากเป็นคนอื่น เวลานี้คงเป็นโอกาสที่ดีในการโจมตีศัตรู แต่ยากิวยิโตะไม่ได้ฉวยโอกาสนี้ กลับส่งคนไปปกป้องเพื่อให้ไม่เฉินโม่โดนรบกวน
ก็ไม่แปลกเลยที่เขานั้นมีพลังที่แม้แต่เฉินโม่ยังกลัว
การฝ่าฝันในครั้งนี้ ต้องใช้พลังทิพย์ที่มากจนนักบู๊ธรรมดาทั่วไปคาดคิดไม่ถึง แม้แต่ยากิวยิโตะก็ยังสงสัย
จากกลางคืนจนกระทั่งเช้า บนท้องฟ้าเหนือดาดฟ้าของโรงแรมที่เฉินโม่พักอยู่ยังคงกระหน่ำไปด้วยชี่ฟ้าดิน
ยากิวยิโตะก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ของศาลาในลานบ้านทั้งคืน
“ตอนที่ฉันยกไปถึงแดนเทพ ก็ใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมงเอง นี่มันผ่านไปหนึ่งคืนแล้วเขายังไม่หยุดมันหมายความว่าไง? พลังบำเพ็ญของไอ้หนูคนนี้มันแข็งแกร่งขนาดไหนกันนะ?”
“หรือว่าระหว่างที่เขายกประสบกับอุปสรรค”
แม้ว่ายากิวยิโตะจะมีพลังที่แข็งแกร่ง แต่วิสัยทัศน์ของเขาน้ำจำกัดไว้แค่ขอบเขาของนักบู๊บนโลก ไม่อาจเข้าใจการพิชิตฟ้าของผู้บำเพ็ญได้เลย