แดนนิรมิตเทพ - บทที่1353
ในฐานะที่เป็นคนควบคุมค่ายกล ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในค่ายกล คำสนทนาของพวกหม่าฮ่วาหลง เข้าไปในหูของเอียนชิงเฉิงอย่างชัดเจน
“กล้ามาแย่งชิงน้ำชีวิต! ฮึ่ม ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”
“ซังซัง ใช้วิชาป้องกัน!”
“ค่ะ คุณหนู!” ซังซังยืนอยู่ตรงด้านหน้าของเอียนชิงเฉิง เตรียมพร้อมรับมือ
เอียนชิงเฉิงเปิดค่ายกลห้าธาตุกลับหัว มันเป็นค่ายกลที่มีอยู่ในค่ายกลรวมทิพย์โคจรมหาจักรวาล ได้เตรียมตั้งค่าการโจมตีที่ทรงพลังไว้ทันที
นอกค่ายกล สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงกะทันหันของชี่ฟ้าดิน หลิ่วหยวนตะโกนด้วยเสียงที่ไม่ดี “ข้างในยังซ่อนค่ายกลไว้อีก ค่ายกลในค่ายกล เฉินไต้ซือคนนี้สมแล้วที่เป็นรายชื่อเทพอันดับหนึ่ง!”
และพวกหม่าฮ่วาหลงที่อยู่ภายในค่ายกล เดิมทียังรู้สึกถึงทิศทางที่อยู่ข้างใน ตอนนี้มันว่างเปล่าในทันที
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? ฉันรู้สึกว่าค่ายกลนี้เหมือนจะเปลี่ยนไป?”
“ฉันก็มีความรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน เดิมฉันสามารถสัมผัสได้ถึงภาพในรัศมีสิบเมตร ตอนนี้แม้แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็สัมผัสไม่ได้แล้ว”
“แล้วจะทำไงดี? เราถูกขังไว้ในค่ายกลแล้วใช่มั้ย?”
“เฮ้ย ตอนแรกน่าจะฟังคำเตือนของคนในตระกูลหลิ่ว เราทำเรื่องที่อันตรายเกินไปแล้ว!”
สีหน้าของหม่าฮ่วาหลงดูแย่มาก ตะโกนด่า “เถียงอะไรกัน! ดูแล้วเฉินไต้ซือเพื่อจะปกป้องที่นี่ ได้เตรียมความพร้อมเอาไว้แล้ว เราที่อยากจะครอบครองน้ำชีวิต จะช้าหรือเร็วก็ต้องเผชิญกับค่ายกลนี้!”
“ตอนนี้พูดอะไรก็สายไป ยังไงก็มาช่วยกันทำลายค่ายกลนี้ก่อนดีกว่า!”
“ผู้อาวุโสหม่าพูดได้ถูกต้อง ต้องการน้ำชีวิต ก็ต้องทำลายค่ายกลนี้เสียก่อน ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน มาทำลายค่ายกลนี้!”
คิดไม่ถึงว่าการที่เอียนชิงเชิงเปิดค่ายกลห้าธาตุกลับหัว เพื่อให้พวกเขารู้สึกถึงความอันตราย แต่กลับทำให้เพราะเขาสามัคคีกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม ต่อให้พวกเขาจะสามัคคี ก็ไม่มีทางที่จะทำลายค่ายกลห้าธาตุกลับหัวที่เฉินโม่ตั้งไว้ได้ นี่มันเป็นค่ายกลระดับสูงของโลกบำเพ็ญเซียน แม้ว่าเฉินโม่ยังไม่ได้ตั้งมันออกมาทั้งหมด แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่นักบู๊บนโลกจะสามารถทำลายได้
เอียนชิงเฉิงได้ยินการสนทนาของพวกเขา ในใจก็โกรธเคือง พูดออกมาอย่างขุ่นเคือง “โลภมากนัก ตอนนี้จะให้พวกแกได้ลิ้มลองความน่ากลัวของค่ายกลห้าธาตุกลับหัวนี้!”
ในค่ายกล ทุกคนอุทานทันที “ค่ายกลห้าธาตุกลับหัว มันคือค่ายกลอะไร? ทำไมในตำราของสำนักไม่ได้มีการบันทึกเอาไว้เลย?”
เอียนชิงเฉิงสาดพลังเข้าไป ตรงหน้าของแผนผังในค่ายกล ก็สว่างขึ้นด้วยคำว่าไฟ
“เพลิงไฟ!”
เอียนชิงเฉิงตะโกนไปหนึ่งคำ ดวงไฟเป็นดวงๆก็ได้ไปรวมอยู่กลางอากาศ
หม่าฮ่วาหลงและพวกรู้สึกถึงความผิดปกติ จึงเงยหน้าขึ้นในทันที
“แย่แล้ว ไฟตกลงมาจากฟ้า!”
“มั่วจริงๆ มันคือการโจมตีของค่ายกล!”
หม่าฮ่วาหลงตะโกนพูด “ทุกคนเตรียมความพร้อมเอาไว้!”
เอียนชิงเฉินมองไฟที่เป็นดวงๆ กำลังพุ่งใส่หัวของคนที่บุกเข้ามาในค่ายกล พวกเขาถูกไฟตกใส่จนโกลาหล สภาพน่าอนาถมาก
ความสามารถของเอียนชิงเฉิงมีขีดจำกัด พลังที่สามารถใช้จู่โจมนั้นไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก และความร้ายกาจของค่ายกลห้าธาตุกลับหัวนั้นอยู่ที่การป้องกัน ดังนั้นถ้าจะอาศัยพลังของเอียนชิงเฉิงในการควบคุมค่ายกล เพื่อจะกำจัดคนเหล่านี้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
หม่าฮ่วาหลงและพวกที่หลบพ้นการจู่โจมในครั้งนี้ ก็เกิดความลำพองใจอีกครั้ง
“การโจมตีของค่ายกลนี้ก็ไม่เท่าไหร่เลยนะ? พวกแกยังมีทีเด็ดอะไรก็ปล่อยออกมาได้เลย ให้ฉันเห็นเป็นบุญตาหน่อย!” หม่าฮ่วาหลงพูดใส่ท้องฟ้าอย่างเย้ยหยัน
เอียนชิงเฉินหัวเราะอย่างเย็นชา “อย่าดีใจไปเลย เดี๋ยวพวกแกก็เจอดีแน่!”
พูดจบ เอียนชิงเฉิงได้เพิ่มพลังทิพย์ที่มากกว่าเมื่อกี้เข้าไปในแผนผังของค่ายกล
บนแผนผัง คำว่าไฟก็สว่างขึ้นอีกครั้ง
“วิชาหินอุกกาบาต!”
เอียนชิงเชิงตะโกนไปหนึ่งที และก้อนหินขนาดเท่าหินโม่ก็ร่วงลงมาจากท้องฟ้า