แดนนิรมิตเทพ - บทที่1445
คนของโลกบู๊โบราณได้มาดูแลสำนักต่อแล้ว เฉินเยว่กับเฉินกั๋วเหลียงทำได้เพียงมองคนของโลกบู๊โบราณในระยะไกล ได้แบกศพของศิษย์ร่วมสำนักของเฉินเยว่ ไปฝังไว้ด้านข้าง
“อาจารย์……….ศิษย์พี่หยุน………”
น้ำตาแห่งความเกลียดแค้นได้ไหลออกมาจากตาของเฉินเยว่
“พวกท่านวางใจเถอะ ฉันต้องแก้แค้นให้ทุกคนอย่างแน่นอน” เฉินเยว่กำหมัดแน่น สาบานอยู่ในใจ
เฉินกั๋วเหลียงก็โกรธจนหน้าบวมแดง พูดอย่างโกรธเคือง “เยว่เอ๋อร์ คนของโลกบู๊โบราณทำเกินไปแล้ว เห็นชีวิตคนเป็นผักปลา ต่อให้กฎหมายของหัวเซี่ยจะทำอะไรพวกเขาไม่ได้ ฉันก็จะทวงความยุติธรรมแทนฟ้า ทวงความยุติธรรมให้กับศิษย์ร่วมสำนักของเธอ!”
พูดจบ เฉินกั๋วเหลียงก็กระโดดลอยตัวขึ้น วินาทีต่อมา ได้หยุดลงตรงระยะที่ห่างจากพวกนักบู๊ของโลกบู๊โบราณหลายฟุต
“คุณปู่รอง………” เฉินเยว่อุทานอย่างตกใจ แต่จู่ๆเธอก็เห็นปัญหาข้อหนึ่ง คุณปู่รองเก่งแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
หรือว่าคุณปู่รองที่พูดนักพูดหนาว่าจะช่วยตัวเองทวงความยุติธรรม ที่แท้คุณปู่รองได้กลายเป็นนักบู๊ไปแล้ว!
ดูเหมือนทุกอย่างนี้ล้วนเป็นฝีมือของเฉินโม่
เพียงแต่เฉินเยว่นั้นสงสัยมาก เฉินโม่ใช้วิธีการอะไร ถึงสามารถทำให้ผู้สูงอายุอย่างเฉินกั๋วเหลียงสามารถกลายเป็นนักบู๊ที่ฝีมือไม่ธรรมดาในช่วงระยะเวลาสั้นๆ?
“แกเป็นใคร? ”คนของโลกบู๊โบราณ มองเฉินกั๋วเหลียงที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างระมัดระวัง และถามอย่างเย็นชา
เฉินกั๋วเหลียงที่อยากจะลองว่าพลังของตัวเองถึงระดับไหนแล้วมาโดยตลอด แต่ก็ไม่มีโอกาสเสียที ตอนนี้สำนักของเฉินเยว่โดนแย่ง มีโอกาสให้เขาได้ลองพอดี
“พวกแกแย่งสำนักของคนอื่น ยังกล้ามาถามว่าฉันเป็นใคร? ดูหมัดนี่!”
การจัดการปัญหาของเฉินกั๋วเหลียง เด็ดขาดอย่างมาก ชนกันซึ่งๆหน้า ไม่พูดพร่ำแต่ลงมือโดยตรง
นักบู๊สามคนนั้นคิดไม่ถึงว่าตาแก่ที่อยู่ตรงหน้าพูดว่าลงมือก็ลงมือเลย วุ่นวายเล็กน้อย อย่างไรก็ตามพวกเขาสามคนล้วนเป็นนักบู๊แดนใน แม้ว่าจะถูกเฉินกั๋วเหลียงทำร้ายอย่างไม่ทันตั้งตัว เสียโอกาสในการรุกก่อน แต่ก็โต้กลับได้ในทันที
เฉินกั๋วเหลียงคนเดียวสู้กับนักบู๊แดนในสามคน กลับสู้ได้อย่างสูสี มองจนเฉินเยว่ตกตะลึง
“ทั้งสามคนล้วนเป็นนักบู๊แดนใน คุณปู่รองคนเดียวกลับสามารถต่อสู้กับทั้งสามคนได้อย่างสูสี ความสามารถอย่างน้อยก็ต้องอยู่ในระดับแดนปรมาจารย์!”
“เป็นไปได้ไงเนี่ย? ตั้งแต่เฉินโม่ไปจากตระกูลเฉินยังไม่นานเลย? ปรมาจารย์กลายเป็นของที่หาได้ตามข้างถนนตั้งแต่เมื่อไหร่ มันไร้ค่าขนาดนั้นเลย?”
เฉินเยว่นั้นเข้าใจดี ทั้งสำนัก มีเพียงอาจารย์ของเธอเท่านั้นที่มีพลังแดนปรมาจารย์ แต่ต้องฝึกฝนเป็นเวลาหลายปีถึงจะสำเร็จได้
แต่ว่าเฉินกั๋วเหลียงถ้านับเวลาการฝึกฝนทั้งหมด ก็ไม่มีทางเกินสองเดือน แต่เขากลับกลายเป็นปรมาจารย์คนหนึ่ง!
สิ่งนี้ได้ล้มล้างความเข้าใจของเฉินเยว่ไปโดยตรง!
อันที่จริงก็ไม่สามารถโทษเฉินเยว่นั้นว่าหูตาแคบ เฉินโม่เพื่อจะโรครักษามะเร็งของเฉินกั๋วเหลียง ได้กลั่นยาให้เฉินกั๋วเหลียงด้วยตัวเอง อีกทั้งยังได้เปิดลมปราณ มันเลยทำให้พลังของเฉินกั๋วเหลียงก้าวเข้าไปถึงระดับแดนในชั้นสูงสุด
บวกกับประสบการหลายปีของเฉินกั๋วเหลียง ในด้านจิตใจก็มีความมุ่งมั่นอดทนกว่าคนหนุ่มสาว ดังนั้นการฝึกฝนจึงพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
การที่จะถึงปรมาจารย์แดนแปรภาพ จริงๆแล้วก็แค่รอให้ทุกอย่างพร้อมมันก็จะสำเร็จเอง
ในเมื่อคุณปู่รองกลายเป็นปรมาจารย์แล้ว เฉินเยว่ก็มีความมั่นใจมากขึ้น เดินออกมายืนอยู่ด้านข้าง เพื่อเชียร์และให้กำลังใจเฉินกั๋วเหลียง
นักบู๊ทั้งสามคนล้วนเป็นแดนในชั้นสูงสุด ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉินกั๋วเหลียงเลย แต่ว่าเฉินกั๋วเหลียงแม้พลังบำเพ็ญถึงจะแดนปรมาจารย์แล้ว แต่กลับไม่มีประสบการณ์การต่อสู้อย่างจริงจังมาก่อน ดังนั้นทั้งสามคนจึงสามารถสู้เสมอเฉินกั๋วหลียง
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่การต่อสู้ดำเนินไป เฉินกั๋วเหลียงก็มีความเชี่ยวชาญมากขึ้นเรื่อยๆในการควบคุมพลังในร่างกายของเขา ทั้งสามค่อยๆเสียเปรียบ และถูกเฉินกั๋วเหลียงโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว