แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 421 คนตายไม่อาจให้การได้ / บทที่ 422 ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบแล้ว
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 421 คนตายไม่อาจให้การได้ / บทที่ 422 ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบแล้ว
บทที่ 421 คนตายไม่อาจให้การได้
ซือหมิงหลี่รู้ดีว่าหลักฐานนี้เพียงพอที่จะทำให้สวี่อี้ถึงแก่ความตายได้
ขอแค่สวี่อี้ถูกลากออกมา “ความจริง” ถูกค้นพบ พวกเขาย่อมปลอดภัยแล้ว
สวี่อี้เป็นคนข้างกายที่ซือเยี่ยหานไว้ใจที่สุดมาโดยตลอด หลายๆ เรื่องก็มอบหมายปล่อยให้เขาไปจัดการ หากสวี่อี้ไม่อยู่แบ่งเบาข้างกาย เกรงว่าสุขภาพของซือเยี่ยหานคงจะย่ำแย่มากกว่านี้
ความจริงแล้ว คนของพันธมิตรเลือดที่สวี่อี้ติดต่อในตอนนั้น ไม่ใช่คนของพันธมิตรเลือดแต่เป็นสายลับที่สวี่อี้ลอบแทรกแซงเข้าไปพันธมิตรเลือดตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน เป็นคนของตัวเอง
เพียงแต่น่าเสียดายยังไม่ทันที่จะสืบเจอข้อมูลอะไร คนผู้นั้นก็เสียชีวิตลงอย่างไม่คาดคิดในภารกิจครั้งหนึ่ง
ใครจะรู้ว่า เพื่อหาตัวตายตัวแทน ผู้ร้ายหลังม่านตัวจริงจะรวบรวมหลักฐานทั้งหมดที่สวี่อี้กับสายลับคนนั้นออกมา ใส่ร้ายว่าเขาสมคบคิดกับคนของพันธมิตรเลือด
เวลานี้สายลับคนนั้นตายไปแล้ว คนตายไม่อาจให้การได้ ในเวลาอ่อนไหวเช่นนี้ คนพวกนั้นนำเรื่องนี้ออกมากาง ต่อให้สวี่อี้มีอีกสิบปากก็ไม่สามารถอธิบายเรื่องนี้ให้กระจ่างได้
เป็นไปตามที่คิดไว้ หลังจากเห็นหลักฐานพวกนั้น ใบหน้าของสวี่อี้พลันเปลี่ยนสี “นี่…พวกนี้คือ…”
ซือหมิงหรงจ้องเขาด้วยสายตาแหลมคม “แกกล้าบอกว่าหลักฐานพวกนี้ไม่ใช่ของจริงหรือเปล่า? แกไม่ได้ลักลอบติดต่อกับคนๆ นั้นเหรอ?”
“หลักฐานพวกนี้ผมตรวจสอบหลายรอบแล้ว ไม่มีทางที่จะเป็นหลักฐานปลอม” น้ำเสียงซือหมิงหลี่มั่นใจ
เหงื่อเย็นผุดซึมเต็มหน้าผากสวี่อี้ รู้สึกว่ามีตาข่ายไร้รูปร่างขนาดใหญ่กำลังรัดตัวเองอยู่ ฝืนตัวเองให้ใจเย็นลงแล้วเอ่ยว่า “หลักฐานพวกนี้เป็นของจริงครับ ผมเคยติดต่อกับคนคนนี้จริง แต่ที่ติดต่อกับคนคนนี้ ก็เพราะเขาเป็นสายลับที่ผมส่งไปอยู่ในพันธมิตรเลือด เป็นคนของพวกเราเอง ที่ผมติดต่อกับเขาก็เพื่อรวบรวมรายงาน!”
ซือหมิงหลี่ยิ้มเย็น “เฮอะ สายลับ? คนของเรา? ถ้าอย่างนั้นรายงานที่แกรวบรวมมาได้ล่ะ? หัวหน้าตระกูลถูกจับตัวคราวนี้ ทำไมแกถึงไม่ได้ข่าวอะไรเลย?”
สวี่อี้รีบเอ่ยว่า “สายลับคนนั้นตายไปตั้งแต่เมื่อเดือนก่อน!”
ซือหมิงหลี่พยักหน้า “เพราะฉะนั้นจะบอกว่า คนตายให้การไม่ได้ ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับสิ่งที่แกพูด อย่างนั้นสินะ?”
สวี่อี้เอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจ “ผม…แต่สิ่งที่ผมพูดทั้งหมดเป็นความจริง!”
ซือหมิงหลี่หัวเราะเบาๆ ทีหนึ่ง “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง ถ้าอย่างนั้นฉันขอถามแกหน่อย โครงการนี้ถูกปิดเป็นความลับมาตลอด นอกจากคนในแล้ว คนนอกล้วนคิดว่าการเดินทางครั้งนี้ของหัวหน้าตระกูลเป็นเพียงการเดินทางธรรมดา ทำไมพันธมิตรเลือดถึงได้เลือกลงมือในครั้งนี้?”
พันธมิตรเลือดสามารถปิดล้อมทั้งประเทศ B ได้ อย่างน้อยต้องเตรียมการมากว่าหนึ่งเดือน นี่แสดงว่าพวกเขารู้แผนการเดินทางของนายท่านล่วงหน้าหนึ่งเดือน และหนึ่งเดือนก่อนก็บังเอิญเป็นการติดต่อครั้งสุดท้ายของแกกับคนของพันธมิตรเลือดคนนั้นพอดี!”
“โครงการครั้งนี้ปิดเป็นความลับตลอดก็จริง แต่โครงการนี้ใช้เวลาเตรียมการถึงสามปี มีพนักงานเกี่ยวข้องมากมาย อาจจะเกิดปัญหาขึ้นที่ส่วนไหนก็ได้!”
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอถามแกอีกข้อ ตอนที่หัวหน้าตระกูลถูกคนของพันธมิตรเลือดปิดล้อมเอาไว้ ตอนนั้นแยกเส้นทางหนีออกเป็นสามสาย ทำไมพันธมิตรเลือดถึงสามารถหาตำแหน่งของหัวหน้าตระกูลได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว?”
“ตอนนั้นทั้งประเทศ B ได้ตกอยู่ในการควบคุมของพันธมิตรเลือดทั้งหมด การแบ่งกำลังออกเป็นสามสายก็แค่เป็นทางเลือกที่ไม่มีทางเลือกอยู่แล้ว ในความเป็นจริงไม่ว่าจะแบ่งกำลังออกเป็นกี่สาย การเคลื่อนไหวของพวกเราก็อยู่ในสายตาของพันธมิตรเลือดทุกอย่าง ที่พวกมันไม่ลงมือทันที ก็เพราะกำลังเล่นเกมแมวจับหนู ตั้งใจปั่นหัวพวกเราก็เท่านั้น!”
ซือหมิงหลี่หัวเราะฮึฮึ “ดี…ดีมาก! เป็นข้ออ้างที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ! ติดต่อกับคนของพันธมิตรเลือด เพราะเขาเป็นสายลับ ตามตัวออกมาเผชิญหน้าไม่ได้ เพราะว่าเขาตายไปแล้ว! แผนการเดินทางรั่วไหลออกไปไม่เกี่ยวอะไรกับแก เส้นทางหนีถูกจับได้เพราะหูตาพันธมิตรเลือดกว้างไกล! ผู้ช่วยสวี่วางแผนได้อย่างแยบยลจริงๆ ร้ายกาจมาก! มิน่าเล่าถึงได้หลอกหัวหน้าตระกูล หลอกคุณหญิงใหญ่ หลอกพวกเราทุกคนได้มานานหลายปีขนาดนี้!”
……………………………………………………………..
บทที่ 422 ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบแล้ว
พูดมาถึงประโยคสุดท้าย ซือหมิงหลี่ตวาดเสียงกร้าว ยกถ้วยชาในมือขึ้นมาแล้วปาใส่สวี่อี้
“เพล้ง” เสียงดังบาดหู ถ้วยชาตกพื้นแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ หน้าผากของสวี่อี้มีเลือดไหลไม่หยุด
หลิวอิ่งและสิบเอ็ดที่อยู่ข้างๆ ต่างมองหลักฐานเหล่านั้นด้วยความตกตะลึง พูดอะไรไม่ออกกันทั้งนั้น
การควบคุมคุณภาพของสองข้อแรกมีความน่าสงสัยอยู่จริงๆ แต่เรื่องที่สวี่อี้แอบติดต่อกับพันธมิตรเลือดเป็นความจริงที่ไม่อาจลบได้
สวี่อี้…เป็นไปได้อย่างไร…
เวลานี้เอง สายตาของผู้อาวุโสคนอื่นๆ ที่มองจ้องสวี่อี้ล้วนเย็นชาดุจน้ำแข็ง
“สวี่อี้ ตอนนี้หลักฐานก็ชัดเจนขนาดนี้แล้ว นายยังจะมาเล่นลิ้นเจ้าสำบัดสำนวนตรงนี้อยู่อีก! คนตายแล้วอะไรนั่น ชัดเจนว่าถูกนายปิดปากไปแล้วต่างหาก!”
“ทำไมนายถึงทรยศตระกูลซือ คนที่บงการหลังม่านคือใคร? แล้วมีจุดประสงค์อะไรกันแน่?”
“เป็นสุนัขเนรคุณที่เลี้ยงไม่เชื่องจริงๆ ในตอนแรกนั้นหากไม่ใช่เพราะนายท่านผู้เฒ่า พวกนายทั้งตระกูลก็คงถูกศัตรูตามฆ่า ร่างฝังอยู่ก้นทะเลไปแล้ว! เรื่องมาถึงตอนนี้ยังตอบแทนบุณคุณด้วยการเนรคุณ! มันยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก!”
“ฉันกลัวแต่ว่าทั้งตระกูลสวี่จะถูกซื้อตัวหมดแล้วนะสิ!”
……
เลือดที่หน้าผากสวี่อี้ไหลตามหว่างคิ้วลงเข้าสู่ดวงตา ดั่งร้องไห้เป็นสายเลือด…
เผชิญกับใบหน้าเย็นชาแต่ละคน อีกทั้งแต่ละสายตาที่คมราวกับคมมีด เขาค่อยๆ เบิกดวงตาสีแดงเข้มขึ้นมา เอ่ยขึ้นทีละคำ “ผมไม่ได้ทรยศนายท่าน ทุกคำพูดที่ผมบอกไปเมื่อครู่ ล้วนเป็นความสัจจริง! พ่อของผมติดตามรับใช้นายท่านผู้เฒ่ามาทั้งชีวิต ส่วนผมก็ติดตามรับใช้ข้างกายนายท่านมาตั้งแต่เด็ก ตระกูลสวี่ของพวกเราทั้งรุ่นพ่อรุ่นลูก ล้วนซื่อสัตย์ภักดีต่อเจ้านายคนเดียว! วันนี้ ผมสวี่อี้หากมีสักคำที่พูดเท็จ ตายไปขอให้ตกนรกอเวจี กลายเป็นสัตว์เดรัจฉาน ไม่ได้กลับชาติมาเกิดใหม่อีกเลย!”
ซือหมิงหลี่แค่นหัวเราะเย้ยหยัน “หากว่าการสาบานจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้ เกรงว่าบนโลกใบนี้คงไม่มีคนบาปแล้ว”
ซือหมิงหรงหน้าตาเย็นชา ครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะกล่าว “ไม่พูดถึงเรื่องอื่นๆ เพียงหลักฐานเหล่านี้ก็หลักฐานที่หนักแน่นดุจขุนเขาแล้ว นายมีหลักฐานไหมว่าคนผู้นี้ที่นายแอบติดต่อด้วยเป็นสายลับที่นายส่งไป?”
เรื่องนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบมีเพียงสายลับคนนั้นที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเขาได้ ตอนนี้สายลับได้ตายไปแล้ว คนตายไม่อาจให้การได้…
“ดูท่าคงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบอีกแล้ว” ซือหมิงหลี่มองไปทางคุณหญิงใหญ่พลางกล่าว “พี่สะใภ้ใหญ่ ตอนนี้เรื่องมันก็ชัดเจนมากแล้ว ขอพี่สะใภ้ใหญ่จัดการลงโทษด้วย!”
คุณหญิงย่าที่เงียบมาโดยตลอดสีหน้าเคร่งเครียดผิดปกติ ชำเลืองพิจารณาสวี่อี้อยู่หลายหน
ซือหมิงหลี่หยักมุมปากยิ้มเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มเย็นเยียบหนาวเสียดกระดูก ครั้งนี้สวี่อี้อยู่ในดาวเคราะห์ยากจะรอดพ้น
ไม่เพียงตัวสวี่อี้เอง แม้แต่ครอบครัวตระกูลสวี่ทั้งหมดที่อยู่ข้างหลังเขา ต่างถูกโยงเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
“คุณหญิงใหญ่ครับ!”
เวลานี้ ชายสูงวัยอายุราวๆ หกสิบปี แต่งกายด้วยชุดธรรมดาสีดำเร่งฝีเท้าเดินผลักประตูเข้ามา สีหน้าร้อนใจมองไปทางคุณหญิงย่าที่เงียบไม่พูดอะไร
ได้ยินเสียง สายตาของผู้คนต่างมองจ้องไปยังชายสูงวัยคนนั้น
ชายสูงวัยผู้นี้ มีนามว่าสวี่ฉางคุน เป็นพ่อของสวี่อี้ ต่อสู้เพื่อตระกูลซือมาสามสิบปีเต็มๆ ปัจจุบันนี้ก็เป็นหนึ่งในผู้อาวุโสของตระกูลซือ
“ลูกชายผมสวี่อี้ ไม่มีทางทำเรื่องไร้มโนธรรมแบบนี้แน่นอน เรื่องการสมคบกับศัตรูภายนอก ขอคุณหญิงใหญ่โปรดให้ความยุติธรรมด้วย!” สวี่ฉางคุนร่างกายสั่นเทา ในฐานะผู้อาวุโสของตระกูลซือ ทำไมเขาจะไม่กระจ่างแน่ชัด หากว่าข้อกล่าวหาของสวี่อี้ถูกทำให้กลายเป็นจริง จะต้องตายกันหมดอย่างไม่ต้องสงสัย!
ต่อให้นายท่านของตระกูลซือซือเยี่ยหานฟื้นขึ้นมาในตอนนี้ หากยังไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าสวี่อี้ไร้ความผิด ก็เปล่าประโยชน์…
คุณหญิงย่าหลับตาลงเล็กน้อย สีหน้าเย็นชา ไม่สนใจสวี่ฉางคุน เขาเป็นพ่อของสวี่อี้ แน่นอนว่าต้องช่วยพูดแทนสวี่อี้อยู่แล้ว
……………………………………………………………..