แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 741 ต่อรองราคา / บทที่ 742 คุณมีลูกเก็บรึเปล่า?
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 741 ต่อรองราคา / บทที่ 742 คุณมีลูกเก็บรึเปล่า?
บทที่ 741 ต่อรองราคา
“ดังนั้น เถ้าแก่เยี่ย ครั้งนี้จะให้พวกเราเป็นอะไร ยังเป็นตัวประกอบอีกไหม…ขอตัวละครดีๆ หน่อยได้ไหม ฉันว่า ฉันเป็นดาราบู๊ได้นะ แน่นอนว่าถ้าเป็นดาราบู๊ที่แสดงข้ามเพศได้ยิ่งดี ฉันเหมาะจะแสดงเป็นจอมยุทธ์หญิง จอมมารหญิง…โจรหญิง หรือแม่ทัพหญิง!” อี้จือฮวาที่ใส่เสื้อสีแดงตัวใหญ่ สวยยิ่งกว่าผู้หญิง รีบร้อนเขยิบเข้าไปหา
“ผมก็ทำได้!” หนุ่มกรรมกรต่างชาติยกมือ
เยี่ยหวันหวั่นมองดูกลุ่มตัวประหลาดเหล่านี้ ถึงกับหมดคำพูดอยู่บ้าง
จำเป็นต้องบอกว่าลักษณะของนักพรตน้อยกับอี้จือฮวาไม่เลวจริงๆ ถ้าหากผ่านการปรับแต่ง…จะต้องสร้างกลุ่มดาราบู๊ระดับเทพที่เหนือกว่าพวกเด็กหนุ่มหน้าตาดีได้แน่ ถึงอย่างไรคนพวกนี้ก็มีความสามารถ
เยี่ยหวันหวั่นกวาดมองรอบหนึ่ง คนที่มีคุณสมบัติดีที่สุดในนี้ น่าจะเป็นหนุ่มภูเขาน้ำแข็งหน้าสวยที่ชอบแสร้งเป็นคนตายกับเนี่ยอู๋หมิง…
เพียงแต่ว่าหนุ่มภูเขาน้ำแข็งคนนี้ ถ้าให้เขาแสดงเป็นศพ มั่นใจอยู่แปดเก้าส่วนว่าต้องได้รางวัลแน่ แต่ถ้าแสดงอย่างอื่นก็ลืมไปซะเถอะ
เธอไม่เคยเห็นคนที่เกียจคร้านเท่าเขามาก่อน
ส่วนภาพลักษณ์ร่าเริงของเนี่ยอู๋หมิงก็สง่างามมาก ถ้าหากว่าเขาเอ่ยปากพูด สามารถฆ่าสาวๆ ทั้งหมดได้ภายในเสี้ยววินาทีแน่
คิดถึงตรงนี้ ขณะที่มองพวกเนี่ยอู๋หมิง เยี่ยหวันหวั่นก็ตาลาย ก่อนหน้านี้ทำไมเธอไม่เห็นนะ!
คนพวกนี้เป็นขุมสมบัติเดินได้ทั้งนั้น!
เยี่ยหวันหวั่นมั่นใจว่าถ้าหากเธอเซ็นสัญญา จะต้องดึงตัวพวกเขามาได้แน่!
แน่นอน นี่เป็นแค่ความคิดเท่านั้น…
“เถ้าแก่เยี่ย เมือง H ประเทศพม่านี่ ผมจำได้ว่าเป็นเมืองแห่งการพนันหยกใช่ไหม พวกคุณมาถ่ายหนังเกี่ยวกับการดูหยกเหรอ?” นักพรตใจบริสุทธิ์เอ่ยปากอย่างสงสัย
เยี่ยหวันหวั่นได้สติ ตาเป็นประกายเล็กน้อย ตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ความจริงที่เรียกพวกคุณมาในครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะจะถ่ายหนังหรือถ่ายละคร แต่ว่าจะให้พวกคุณมาเป็นบอดี้การ์ดให้ฉัน”
“บอดี้การ์ด?”
พอได้ยินคำพูดของเยี่ยหวันหวั่น นักพรตใจบริสุทธิ์กับอี้จือฮวาสบตากัน
“เถ้าแก่เยี่ย นี่มันจะไร้เหตุผลไปแล้วมั้ง พวกเราก็นึกว่ามาถ่ายหนังซะอีก!” อี้จือฮวาทำสีหน้าไม่ยินยอม “ถ้าให้เป็นบอดี้การ์ดก็ต้องเพิ่มเงิน…สองพันหยวนไม่พอหรอก”
“ใช่เลย! ต้องเพิ่มเงิน!” หนุ่มกรรมกรต่างชาติพยักหน้าเห็นด้วย
“เพิ่มเงินอะไรอีก!” เนี่ยอู๋หมิงขมวดคิ้ว กวาดมองคนรอบๆ ด้วยความดุดัน
หลังจากเนี่ยอู๋หมิงเอ่ยปาก พวกนักพรตใจบริสุทธิ์กับหนุ่มกรรมกรต่างชาติก็หุบปากอย่างรู้งาน
“น้องโหย่วหมิง คือแบบนี้ พวกเรามีกฎว่าจะไม่ใช้การต่อสู้ทำเรื่องผิดกฎหมาย ต่อให้ต้องอดตาย พวกเราก็ไม่ทำ” เนี่ยอู๋หมิงพูดจบก็มองนักพรตใจบริสุทธิ์กับอี้จือฮวา “ฉันพูดถูกไหม!”
นักพรตใจบริสุทธิ์ตอบ “ถูกครับ”
อี้จือฮวาว่า “ถูกค่ะ”
คนทั้งสองคนอยากทำแต่ไร้กำลัง
อุตส่าห์ได้งานใหญ่ทั้งที เบิกค่าเครื่องได้ มีทั้งที่กินที่อยู่ ทุกคนยังได้ค่าแรกสองพันหยวน แค่เป็นบอดี้การ์ดเองไม่ใช่เหรอ?…นี่ยังไม่ได้อีก…
เสียเปล่าซะจริง
“คุณแน่ใจนะ?” เยี่ยหวันหวั่นมองเนี่ยอู๋หมิงอย่างคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“ฉันแน่ใจอยู่แล้ว” เนี่ยอู๋หมิงพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ดี” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า กล่าวว่า “งั้นคุณก็หาคนอื่นไปสวมรอยเป็นพ่อแม่หลานคุณเอาแล้วกัน แล้วก็…ตอนที่คุณวิดีโอคอลเมื่อกี้ ดูเหมือนฉันจะจำเบอร์ของหลานคุณได้แล้ว…เกิดวันไหนฉันเมาๆ บอกเรื่องที่คุณหาคนไปสวมรอยเป็นพ่อแม่ให้หลานคุณฟังขึ้นมา…คุณคงไม่โทษฉันหรอกใช่ไหม?”
เนี่ยอู๋หมิงได้ยินคำพูดของเยี่ยหวันหวั่นก็ตะลึงงันอยู่กับที่
ถ้าหากว่าจอมมารน้อยรู้ว่าตนหาคนไปสวมรอยเป็นพ่อแม่เขาละก็…
———————————————————
บทที่ 742 คุณมีลูกเก็บรึเปล่า?
“น้องโหย่วหมิง ดูพูดเข้าสิ!” ทันใดนั้น ท่าทีของเนี่ยอู๋หมิงเปลี่ยนไปร้อยแปดสิบองศา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “กฎที่ฉันพูดเมื่อกี้คือใช้กับคนอื่น กับน้องโหย่วหมิงต้องไม่ใช่กฎนี้อยู่ล้ว อีกอย่างนะ เป็นบอดี้การ์ดแล้วยังไง พวกเราไม่ได้ทำผิดกฎสักหน่อย แล้วไม่จำเป็นต้องใช้วรยุทธ์ด้วย!”
นักพรตปลอม “…”
อี้จือฮวา “…”
หนุ่มกรรมกรต่างชาติ “…”
หนุ่มภูเขาน้ำแข็ง “…?”
เยี่ยหวันหวั่นมองเนี่ยอู๋หมิง เอ่ยด้วยรอยยิ้มเรียบเฉย “ช่างเถอะ เหมือนจะฝืนกันเกินไป อีกอย่างการไม่ใช้วรยุทธ์ก็เป็นหลักการของพวกคุณด้วย”
“ไม่ฝืนๆ! ไม่ฝืนแม้แต่นิดเดียว!” เนี่ยอู๋หมิงส่ายหน้าติดต่อกัน “พวกเรายินดีเป็นบอดี้การ์ดของน้องโหย่วหมิง มีทั้งที่กินที่อยู่ให้ แถมยังเบิกค่าตั๋วเครื่องได้อีก…เรื่องดีๆ แบบนี้จะไปหาจากที่ไหน!”
“จริงเหรอคะ?” ในดวงตาของเยี่ยหวันหวั่นปรากฏรอยยิ้ม
“เป็นเรื่องจริงแน่นอน!” เนี่ยอู๋หมิงทำหน้าแน่วแน่ กวาดมองพวกอี้จือฮวา “ฉันพูดถูกไหม?”
อี้จือฮวาบอก “หัวหน้าพูดถูกค่ะ!”
นักพรตใจบริสุทธิ์เสริม “ถูกอยู่แล้วครับ”
หนุ่มกรรมกรต่างชาติบอก “เพิ่มเงินหน่อยเถอะ…”
หนุ่มภูเขาน้ำแข็ง “…?”
“แต่ว่าพวกเรา…เพิ่มเงินกันหน่อยได้ไหม น้องโหย่วหมิง เมือง H วุ่นวายจะตาย เพิ่มให้ทุกคนอีกห้าสักร้อยจะได้ไหม” เนี่ยอู๋หมิงเลียบๆ เคียงๆ เยี่ยหวันหวั่น ลดเสียงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
เดิมทีเยี่ยหวันหวั่นคิดจะเพิ่มเงินให้คนละหนึ่งพัน แต่ในเมื่อเนี่ยอู๋หมิงเสนอว่าเพิ่มห้าร้อย เยี่ยหวันหวั่นก็ได้แต่รับไว้แล้ว
“ที่ฉันมาเมือง H เพราะคิดจะทำธุรกิจหยกดิบ…”
เยี่ยหวันหวั่นบอกเล่าต้นสายปลายเหตุให้พวกเนี่ยอู๋หมิงฟังอย่างละเอียด
หลังจากคุยกันจบแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็ให้ห้องในโรงแรมพวกเนี่ยอู๋หมิงคนละห้อง
จัดการที่พักให้พวกเนี่ยอู๋หมิงแล้ว เยี่ยหวันหวั่นจึงค่อยคลายใจลง
ควาจริงที่เรียกพวกเนี่ยอู๋หมิงมาในครั้งนี้ เธอคิดจะหลอก…ไม่ใช่สิ คิดจะช่วยเหลือกลุ่มกบฎกลุ่มนั้น
แน่นอนว่าเรื่องนี้ซับซ้อนไปบ้าง หลังจากเยี่ยหวันหวั่นเรียบเรียงคำพูดแล้ว ก็บอกพวกเนี่ยอู๋หมิงอย่างตรงไปตรงมา ไม่อย่างนั้นเกิดตัวเองโกหก กลัวว่าเนี่ยอู๋หมิงจะยังพูดถึงหลักการอะไรอีก แล้วถึงเวลานั้นไม่ยอมใช้วรยุทธ์ สะบัดก้นจากไป นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการจะเห็น
…
ช่วงย่ำค่ำ เยี่ยหวันหวั่นนอนอยู่บนเตียง ไม่รู้ว่าทำไม ในสมองจึงปรากฏภาพของเด็กชายที่มีสีหน้าหยิ่งทะนงคนนั้น
ใบหน้าน้อยๆ นั้น ทำให้เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกสงสัย
บุกคลิกของเด็กคนนั้นเหมือนกับซือเยี่ยหานเกินไปจริงๆ…
มีความเป็นไปได้หนึ่งหรือไม่…
หรือว่าซือเยี่ยหาน…จะเป็นผู้ชายที่เนี่ยอู๋หมิงพูดถึง เป็นพ่อของเด็กชาย?!
ยิ่งคิดแบบนี้เท่าไร เยี่ยหวันหวั่นก็ยิ่งรู้สึกว่าทั้งสองคนเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน แม้แต่เครื่องแต่งกายกับลักษณะการพูดก็เหมือนกัน!
“คงไม่ใช่ลูกเก็บของเขาหรอกมั้ง…” เยี่ยหวั่นหวั่นขมวดคิ้ว พลิกตัวไปมาบนเตียง สมองเริ่มทำงานกลางดึก
ไม่รอให้เยี่ยหวันหวั่นคิดต่อ ตอนนั้นเอง เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้น ซือเยี่ยหานพลันส่งข้อความหนึ่งมา
ซือเยี่ยหาน: “หลับหรือยัง”
เยี่ยหวันหวั่นพิมพ์ไปด้วยความเร็วสูง: “อย่าเพิ่งถามว่าฉันหลับหรือยัง ตอนนี้ฉันอยากถามคุณเรื่องหนึ่ง!”
ซือเยี่ยหานตอบกลับทันที: “ว่ามา”
เยี่ยหวันหวั่นพิมพ์ต่อ: “ฉันขอถามคุณว่านอกจากฉันแล้ว คุณยังมีผู้หญิงคนอื่นอีกไหม”
หลังจากส่งข้อความไป อีกด้านหนึ่งก็เงียบไปสักพัก
“ติ๊ง!”
เป็นเสียงข้อความโทรศัพท์
ซือเยี่ยหานตอบ: “ไม่มี”
เยี่ยหวันหวั่น: “คุณลองคิดดูดีๆ สิ คุณอาจจะไปมีลูกเก็บกับผู้หญิงคนอื่นก็ได้นะ!”
ซือเยี่ยหาน: “…”
ซือเยี่ยหานแทบไม่เคยใช้จุดไข่ปลาเลย การใช้จุดไข่ปาในตอนนี้หมายถึงอาการหมดคำจะพูดสุดๆ ของเจ้าตัว
………………………………………….