แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 1007 มหากาพย์การเอาใจ บทที่ 1008 เต็มอกเต็มใจมาก
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 1007 มหากาพย์การเอาใจ บทที่ 1008 เต็มอกเต็มใจมาก
บทที่ 1007 มหากาพย์การเอาใจ
“นักศึกษาเยี่ย แอดวีแชทไว้คุยเรื่องเรียนกันเถอะ!”
“นักศึกษาเยี่ยๆ ฉันก็อยู่นิเทศศาสตร์เหมือนกัน! เธอสนใจมาเข้าชมรมของเราไหม?”
“นักศึกษาเยี่ย มารู้จักชมรมการละครหน่อยไหม…”
พี่น้อง หยุดคุยกับฉันได้แล้ว! ชะตาชีวิตฉันใกล้ขาดแล้ว!
เยี่ยหวันหวั่นรีบบอกว่า “ขอโทษทีๆ แฟนฉันกำลังรอฉันอยู่ เอาไว้ครั้งหน้าแล้วกันนะ!”
“หา? ฟะ…แฟนเหรอ”
นึกไม่ถึงว่าจะมีแฟนแล้ว!?
พวกผู้ชายที่พยายามเข้ามาตีสนิทอึ้งไปก่อน จากนั้นก็ทำหน้าผิดหวังไปตามๆ กัน…
ในที่สุดเยี่ยหวันหวั่นก็หลุดพ้นจากคนพวกนั้น และวิ่งไปหาซือเยี่ยหานอย่างทุลักทุเล
ตอนนี้เยี่ยหวันหวั่นสวมชุดเดรสสีขาวแบบเรียบง่าย นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีเครื่องประดับอะไรอีก แต่รูปร่างหน้าตาของหญิงสาวโดดเด่นเกินไป ผิวขาวราวหิมะ คิ้วงามดุจภาพวาด หางตาที่ยกขึ้นเล็กน้อยเหมือนดอกท้อ…
เมื่อครู่ตอนที่ผู้ชายพวกนั้นรุมล้อมเธอ พวกนั้นใช้สายตาแบบไหนมอง ซือเยี่ยหานรู้ดีที่สุด
เป็นสายตาที่จ้องจะครอบครองของของเขา
“ไปกันเถอะๆ รอนานมากใช่ไหมคะ?” เยี่ยหวันหวั่นสังเกตสีหน้าของชายหนุ่มพลางถาม
“เพิ่งมาถึง” ซือเยี่ยหานเปิดประตูรถ ดูภายนอกอ่านไม่ออกว่ากำลังคิดอะไร
เมื่อขึ้นรถไป ซือเยี่ยหานพูดกับสวี่อี้ที่เป็นคนขับรถว่า “ไปห้างฯ ก่อน”
“ครับ คุณเก้า” สวี่อี้สตาร์ทรถ ไม่กล้าส่งเสียงดังสักนิดเดียว
โศกนาฎกรรมชัดๆ รู้อย่างนี้ขับช้าหน่อยก็ดี ใครจะไปรู้ว่าจะมาเจอจังหวะที่คุณหนูหวันหวั่นโดนหนุ่มๆ รุมจีบพอดี…
“ยังเหลือเวลาอีกมาก ไปซื้อเสื้อผ้ากันก่อน แล้วค่อยไปตัดผม” ซือเยี่ยหานอ่านนิตยสารการเงินพลางพูดขึ้นมา เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้
เยี่ยหวันหวั่นจ้องนิ้วมือตัวเอง เหล่มองใบหน้าด้านข้างที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ของชายหนุ่มไปพลาง แล้วพูดหยั่งเชิงว่า “เอ่อ คุณเก้า คุณโกรธรึเปล่า”
ซือเยี่ยหานลูบนิ้วมืออย่างไม่ใส่ใจ มองเธอด้วยสายตาเรียบเฉย “ทำไมต้องโกรธ?”
ซือเยี่ยหานแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง และทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร มีแค่ใจเขาเท่านั้นที่รู้ดี
เกรงว่าเธอจะประเมินระดับความน่ารังเกียจของสัตว์ร้ายในใจเขาต่ำไปเสียแล้ว…
ถึงแม้คนอื่นมองเธอแค่แวบเดียว มันก็เห็นเป็นคู่แข่งหมด นับประสาอะไรกับที่ต่อหน้าเขายังมองเธอด้วยสายตาแบบนั้น ซ้ำยังคุยกับเธอ…
เขาย่อมรู้ว่าความคิดอย่างนี้ของตัวเองแย่ เห็นแก่ตัว และเหลือจะทนแค่ไหน…
ความรู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้าของจนเกือบป่วยทางจิตอย่างนี้ ความจริงแล้วตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย
เพียงแต่ไม่อยากทำให้เธอตกใจ อยากเห็นรอยยิ้มของเธออยู่เสมอ ดังนั้นจึงค่อยๆ เรียนรู้ที่จะเก็บซ่อนมันไว้เท่านั้น
ไม่ว่าภายนอกดูสงบเท่าใด แต่ข้างในเน่าเฟะดูไม่ได้ไปนานแล้ว…
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินก็แอบสังเกตสีหน้าของซือเยี่ยหานแวบหนึ่ง บอกตามตรง นิสัยในตอนนี้ของซือเยี่ยหานดีขึ้นเรื่อยๆ แล้วจริงๆ…
ถ้าหากไม่ใช่เพราะรู้จักกันมานาน อารมณ์ของเขาที่เธอสามารถสัมผัสได้ผ่านสัญชาตญาณอาจจะโดนเขาหลอกสำเร็จ
เมื่อได้ยินซือเยี่ยหานพูดอย่างนั้น เยี่ยหวันหวั่นไม่พูดพร่ำทำเพลง โพล่งขึ้นมาอย่างมีน้ำโหทันที “คุณไม่โกรธเหรอ คุณไม่โกรธ! แต่ฉันโกรธนะ!”
พูดจบก็ชี้ที่คอของตัวเอง ก่อนเอ่ยอย่างเดือดร้อนใจว่า “เร็วเข้าๆๆ!”
ซือเยี่ยหานขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเธอต้องการทำอะไร “อะไร?”
เยี่ยหวันหวั่นพูดอย่างร้อนใจ “รีบประทับตราให้ฉันเร็ว! มีแต่คนจ้องจะฮุบดวงใจของคุณ ฉันละโมโหแทบตาย!”
ซือเยี่ยหานได้ยินก็อึ้งงัน จ้องมองลำคอขาวเนียนของหญิงสาวอย่างเหม่อลอย จากนั้นสีหน้าสงบนิ่งที่แสร้งทำก็ค่อยๆ จางหายไป ความเน่าเฟะข้างในราวกับมีดอกไม้เล็กๆ ดอกหนึ่งเติบโตขึ้นท่ามกลางกองขี้เถ้า…
สวี่อี้ที่ขับรถอยู่ข้างหน้าพูดไม่ออก
อุบายเอาอกเอาใจของคุณหนูหวันหวั่น…เขาเขียนออกมาเป็นผลงานมหากาพย์ได้เลย…
————————————————————————————-
บทที่ 1008 เต็มอกเต็มใจมาก
เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้รู้สึกว่าการเรียกตัวเองว่าหัวใจของซือเยี่ยหานจะมีปัญหาอะไร เอาแต่เร่งเร้าเขาด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจ “เร็วเข้าสิๆ…”
ซือเยี่ยหานมองใบหน้าที่ร่าเริงของหญิงสาว เปลวไฟลุกโชนจากก้นบึ้งดวงตาซึ่งเหมือนบ่อน้ำเย็นเยือก สายตาวนเวียนอยู่แถวลำคอเนียนขาวของหญิงสาว ทันใดนั้น นิ้วมือของเขาลูบไล้แก้มหญิงสาวเบาๆ ค่อยๆ หลุบตาลงแล้วโน้มตัวเข้าไป “ถึงจะไม่จำเป็น…แต่ว่า…”
ชายหนุ่มพูดพลางค่อยๆ ประทับจูบลงบนลำคอของเธอ กลีบปากอุ่นร้อนไล้ผ่านผิวกายเรียบเนียน…
แต่ว่าคำขอนี้ เขาเต็มอกเต็มใจทำให้อย่างยิ่ง
ของที่ไม่ใช่ของตัวเองก็ห้ามมอง!
ทางด้านหน้า สวี่อี้รีบเลื่อนบานกั้นตรงกลางขึ้นมา เลี่ยงไม่ให้บริโภคอาหารหมามากเกินไป…
……
รถคันสีดำค่อยๆ เคลื่อนออกจากมหาวิทยาลัย
เยี่ยหวันหวั่นในตอนนี้ไม่รู้เลยว่าทางด้านหลังเธอไม่ไกล หานเซี่ยนอวี่จอดรถอยู่บนถนนฝั่งตรงข้ามมหาวิทยาลัยนิเทศน์เมืองหลวงตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ เขากำลังจ้องมองยังทิศทางที่พวกเขาจากไป สีหน้าไม่น่ามองนัก
“เซี่ยนอวี่ เป็นอะไรไป?” เฟ่ยหยางผู้จัดการของหานเซี่ยนอวี่ถามอย่างสงสัย
เมื่อครู่หานเซี่ยนอวี่เตรียมตัวจะกลับหลังจากถ่ายทำเสร็จ ปรากฏว่าตอนที่รถขับออกจากประตูมหาวิทยาลัย จู่ๆ เขากลับสั่งให้จอด
เวลานี้ สีหน้าของหานเซี่ยนอวี่สับสนวุ่นวาย
เมื่อกี้เขาเพิ่งเห็นแฟนหนุ่มของเยี่ยไป๋รับนักศึกษาหญิงคนหนึ่งขึ้นรถไปด้วย…
ทั้งสองไม่ได้ใกล้ชิดอะไรกันมาก เห็นแค่ชายหนุ่มช่วยเปิดประตูรถให้หญิงสาว
อาจเป็นแค่เพื่อนหรือไม่ก็ญาติ…?
หานเซี่ยนอวี่คิดแบบนี้ ตอนแรกตั้งใจจะกลับ แต่ก็รู้สึกไม่สบายใจ สุดท้ายจึงพูดขึ้นว่า “พี่หยาง ช่วยตามรถสีดำคันข้างหน้าไปหน่อยครับ”
“หา? จะตามรถคันนั้นไปทำไม?” เฟ่ยยางไม่เข้าใจ
“ไม่ต้องถามแล้ว เร็วเข้า!”
“อ้อ โอเคๆ…”
เฟ่ยหยางรู้จักหานเซี่ยนอวี่ดี รู้ว่าเขาไม่ใช่คนทำอะไรมั่วซั่วตามใจ หากพูดอย่างนี้จะต้องมีเหตุผลอะไรแน่นอน จึงรีบสตาร์ทรถแล้วขับตามไป
ณ ห้างสรรพสินค้าที่หรูหราที่สุดในปักกิ่ง
หานเซี่ยนอวี่ขับตามไปจนถึงลานจอดรถชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้าพาร์คสัน ช่วงเวลานี้มีรถสัญจรไปมาเยอะมาก จึงไม่เป็นจุดสังเกตหากเขาจะสะกดรอยตาม
“เอ่อ เซี่ยนอวี่ คนในรถคันข้างหน้าเป็นใครกันแน่ ทำไมเราต้องสะกดรอยตามพวกเขาด้วย?” เฟ่ยหยางสับสน ไม่เข้าใจว่าจู่ๆ หานเซี่ยนอวี่นึกบ้าอะไรขึ้นมา
หานเซี่ยนอวี่ไม่ได้พูดอะไร ไม่ละสายตาจากรถคันข้างหน้าเลยแม้แต่น้อย
เห็นเพียงสองคนนั้นลงจากรถพร้อมกัน ครั้งนี้ หญิงสาวคล้องแขนชายหนุ่ม เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนต้องมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากันแน่นอน
ไม่นานนัก หนึ่งชายหนึ่งหญิงเดินไปทางลิฟต์ จากนั้นก็ขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนของห้างสรรพสินค้า
ครั้งก่อนตอนที่เห็นผู้ชายคนนั้นอยู่กับผู้หญิงคนอื่นในโรงหนัง เขาก็รู้สึกตงิดใจแล้ว เพียงแต่หลังจากนั้นเยี่ยไป๋อธิบายว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่รู้จักกันก่อนที่พวกเขาจะคบกัน เขาจึงไม่ได้พูดอะไร
แล้วครั้งนี้มันยังไงกันล่ะ?
หรือว่าผู้ชายคนนั้นปิดบังเยี่ยไป๋ แล้วแอบคบกับผู้หญิงลับหลังเขา?
เยี่ยไป๋ชอบเขาขนาดนั้น กระทั่งยอมมองข้ามอุปสรรคจากกระแสสังคมเพื่อเขา…
ยิ่งคิดสีหน้าของหานเซี่ยนอวี่ก็ยิ่งบึ้งตึง ยังไม่ทันได้คิดไปมากกว่านั้น ก็รีบหยิบผ้าปิดปากกับแว่นกันแดดขึ้นมาใส่ แล้วเปิดประตูรถเดินตามพวกเขาไป
เขาต้องยืนยันให้แน่ใจ ถ้าหากเขาเข้าใจผิดก็ดีไป ถ้าหากไม่ใช่…
เฟ่ยหยางที่อยู่ด้านข้างตกใจ “เฮ้ย เซี่ยนอวี่! นายจะทำอะไรเนี่ย! บ้าไปแล้วเหรอ?”
หานเซี่ยนอวี่เป็นบุคคลสาธารณะ การปรากฏตัวอยู่ในที่สาธารณะอย่างนี้ หากมีคนจำได้จะต้องเกิดเรื่องวุ่นวายแน่นอน…
“พี่หยาง ผมรู้ตัวน่ะว่ากำลังทำอะไร!” หานเซี่ยนอวี่ที่เป็นคนมีเหตุผลมาโดยตลอด ครั้งนี้กลับไม่สนคำเกลี้ยกล่อมของเฟ่ยหยาง
……………………………………………………….