แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 1053 เป็นดอกไม้กินคนชัดๆ บทที่ 1054 มีที่อย่างนั้นจริงๆ เหรอ
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 1053 เป็นดอกไม้กินคนชัดๆ บทที่ 1054 มีที่อย่างนั้นจริงๆ เหรอ
บทที่ 1053 เป็นดอกไม้กินคนชัดๆ
พริบตาที่ซุนเสวี่นเจินตกเวที ทั่วทั้งสถานที่ก็เซ็งแซ่
“เชี่ย! มารดาเถอะนี่มันกลายพันธุ์แล้วมั้ย!”
“ผู้หญิงคนนี้ ไม่แค่มองทะลุจุดอ่อนคนอื่น แต่ในเวลาสั้นยังถึงกับเคลื่อนไหวท่าซับซ้อนได้…”
“ท่าเมื่อกี้นั่นเป็นท่าไม้ตายของคุณหนูพวกเราเลยนะ!”
…
เห็นซุนเสวี่ยเจินไม่เพียงเอาชนะไม่ได้ แต่กลับยังทำให้เยี่ยหวันหวั่นได้เฉิดฉายอีกครั้ง ใบหน้าที่สุขุมมาตั้งแต่ต้นของฉินรั่วซีก็เริ่มพังทลายลงทีละน้อย กลายเป็นมืดครึ้มโดยสมบูรณ์
เดิมทีเธอไม่มองเยี่ยหวันหวั่นในสายตาแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้ เรื่องราวกลับหนีจากแผนการและการควบคุมของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า…
“เสวี่ยเจิน เธอไม่เป็นไรนะ” ฉินรั่วซีฝืนกดความหดหู่บนใบหน้า รีบเดินเข้าไปพยุงซุนเสวี่ยเจินขึ้นมา
“บัดซบ…จะเป็นไปได้ยังไง” ซุนเสวี่ยเจินทุบพื้น
ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่อาจเชื่อ ว่าตัวเองกลับแพ้ในมือแจกันดอกไม้ แถมยังถูกอีกฝ่ายเอาชนะด้วยท่าของตัวเอง…
ไม่มีอะไรน่าอับอายไปกว่าการแพ้แบบนี้แล้ว!
ไม่ห่างไปนัก เซนนีเผยสีหน้าคาดหวัง อดถอนใจชื่นชมไม่ได้ “ที่แท้ นี่ก็คือศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริงของประเทศจีน การมาจีนครั้งนี้ คุ้มค่ากับการเดินทางแล้ว!”
ตรงข้ามกับกระบวนท่าตระการตาพวกนั้นของซุนเสวี่ยเจิน กระบวนท่าของเยี่ยหวันหวั่นเรียบง่ายดิบเถื่อนอย่างมาก ทว่าคุมแรงและความเร็วได้ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะการระเบิดพลังในระยะห่างระดับนิ้วที่น่าตกใจโดยเฉพาะ
หลังซุนเสวี่ยเจินขึ้นเวที ทุกคนที่ด้านล่างเวทีก็หมดความสงสัยใดๆ ในพลังต่อสู้ของเยี่ยหวันหวั่นแล้ว
เดิมทีตระกูลซือเป็นตระกูลธุรกิจ งานชุมนุมประลองวันนี้ ตระกูลซือแค่ส่งคนห้าคนมาร่วมงานเพื่อต้อนรับคุณมู่เท่านั้น ย่อมไม่สนใจแพ้ชนะ
กลับกัน พวกเขามองหญิงสาวคนหนึ่งอย่างถืออคติ หาเรื่องไปทั่ว ทำให้ทุกคนสูญเสียความน่านับถืออย่างแท้จริง
สิ่งที่ทำให้พวกเขายิ่งสู้หน้าไม่ได้คือ คนมากมายขนาดนี้ ได้ชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญใรตระกูลศิลปะการต่อสู้ แต่กลับไม่เก่งเท่าหญิงสาวคนหนึ่งที่เรียนเอง…
เยี่ยหวันหวั่นมองซุนเสวี่ยเจินที่ร่วงตกสังเวียนด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ฉันไม่ได้เดินสายทางถูกต้องอะไรก็จริง แต่ สำหรับฉัน เรื่องอย่างต่อสู้ ชนะได้ก็พอ”
มู่สุยเฟิงได้ยินแบบนั้น ดวงตาก็วาบประกายแสง เขาเอ่ยเสริมด้วยสีหน้าตื่นเต้น “ถูกต้อง! ไร้รูปแบบไร้กระบวน หลักสำคัญคือเรียบง่ายที่สุด! ความเข้าใจศิลปะการต่อสู้ของคุณหนูเยี่ยเหนือล้ำจริงๆ!”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
เอ่อ เธอก็แค่พูดไปเรื่อยเท่านั้น ไหงเขาจินตนาการเป็นแบบนี้ได้?
“เสวี่ยเจิน กลับมาเถอะ! พลังต่อสู้ของคุณหนูเยี่ยไม่จำเป็นต้องสงสัยแล้ว” ซุนลี่จ้งเรียกลูกสาวเสียงเข้ม แล้วรีบเดินมาตรงหน้าเยี่ยหวันหวั่น “คุณหนูเยี่ย ถ้าลูกสาวผมมีจุดที่ล่วงเกินคุณ ก็โปรดให้อภัยด้วยนะครับ”
ไม่ว่าอย่างไร ในฐานะนักสู้ ก็ยังต้องเคารพยอดฝีมือผู้ที่มีพลังแท้จริง
“คุณซุนเกรงใจไปแล้วค่ะ! ถ้าไม่มีอะไรแล้ว งั้น ฉันก็ขอลานะคะ!”
เยี่ยหวันหวั่นพูดจบก็เอ่ยลามู่สุยเฟิงอีก “คุณมู่ ขอลาค่ะ!”
“โจวเหิน เร็ว ไปส่งแขก!” ซุนลี่จ้งเรียกศิษย์ที่ตัวเองภูมิใจที่สุดมาโดยตรง
“ครับ!” โจวเหินขึ้นหน้ามา นำขบวนของเยี่ยหวันหวั่นเดินไปที่ด้านนอกประตูอย่างนอบน้อมด้วยตัวเอง
บอดี้การ์ดห้าคนของตระกูลซือไม่สลดเหมือนตอนเพิ่งมาแล้ว เวลานี้พวกเขาต่างเลิกคิ้วพ่นลมด้วยความสุขใจ สายตาที่มองเยี่ยหวันหวั่นก็เต็มไปด้วยความนับถือ
นึกไม่ถึงเลยว่า คุณหนูเยี่ยจะแกร่งถึงขนาดนี้…
เวลานี้ด้านหลังเยี่ยหวันหวั่น หนึ่งคนในนั้นพึมพำเสียงเบา “รสนิยมของคุณชายเก้า ไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาอย่างพวกเราจะเข้าใจได้จริงๆ …”
“เฮ้อ ทำไมจู่ๆ ก็สงสารผู้นำตระกูลพวกเรานิดหน่อยนะ นี่ผู้นำตระกูล…จะกินไหวเหรอ”
นี่ไหนเลยคือดอกไม้เปราะบาง เป็นดอกไม้กินคนชัดๆ!
—————————————————————————————–
บทที่ 1054 มีที่อย่างนั้นจริงๆ เหรอ
“คุณหนูเยี่ย รอเดี๋ยวก่อน!”
ที่หน้าประตู มู่สุยเฟิงพลันเรียกเยี่ยหวันหวั่นไว้
เยี่ยหวันหวั่นหยดฝีเท้า “คุณมู่? ”
มู่สุยเฟิงลังเลเล็กน้อย ก่อนเอ่ยปากถาม “คุณหนูเยี่ย ขอเสียมารยาทถาม คุณรู้จัก…สหพันธ์วิทยายุทธ์ไหม”
เยี่ยหวันหวั่นมีสีหน้าสงสัย “สหพันธ์วิทยายุทธ์? เหมือนว่า จะไม่เคยได้ยินนะคะ…”
มู่สุยเฟิงมองท่าทางของเยี่ยหวันหวั่น เห็นเธอมีสีหน้าไม่เหมือนพูดโกหก เขาจึงกล่าว “เมื่อกี้ผมเห็นฝีมือคุณไม่ธรรมดา ความเข้าใจเรื่องศิลปะการต่อสู้ก็เป็นเอกลักษณ์ ผมยังนึกว่า คุณเป็นคนของสมาคมวิทยายุทธ์…”
“สหพันธ์วิทยายุทธ์…เป็นองค์กรจำพวกสมาคมผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้หรือเปล่าคะ” เยี่ยหวันหวั่นถามอย่างสงสัย
มู่สุยเฟิงได้ยินก็เผยสีหน้ารพลึกถึงความหลัง “สหพันธ์วิทยายุทธ์เทียบกันกับสมาคมผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ทั่วไปไม่ได้หรอก คุณหนูเยี่ย คุณเคยไปรัฐอิสระไหม”
“รัฐอิสระ…” เยี่ยหวันหวั่นส่ายหน้า “ไม่เคยไปค่ะ”
เรื่องพวกนี้ที่มู่สุยเฟิงพูด เธอไม่เคยได้ยินมาก่อนสักนิด แต่ หลังได้ยินคำว่า ‘สหพันธ์วิทยายุทธ์’ กับ ‘รัฐอิสระ’ นี้แล้ว ในใจเธอเกิดความรู้สึกประหลาดมาก
“รัฐอิสระเป็นที่แบบไหนเหรอคะ” เยี่ยหวันหวั่นถามอย่างสงสัย
มู่สุยเฟิงมองไปในห้วงห่างไกล เผยสีหน้าวาดหวัง เอ่ยปากช้าๆ “ร้อยปีก่อน ในยุคทองของอารยธรรมวิทยายุทธ์ในประเทศจีน ตอนนั้นมีคำพูดว่าจนร่ำเรียนหนังสือ รวยร่ำเรียนวิทยายุทธ์
“ยามนั้นขุนนางทรงอิทธิพลแทบทั้งหมดต่างชื่นชอบศิลปะการต่อสู้ หลงใหลในเส้นทางสู้รบ หลายตระกูลใหญ่ต่างเก็บสะสมเคล็ดวิชาต่อสู้ฆ่าฟันไว้ไม่น้อย
“แต่ว่า ตระกูลเหล่านั้นก็ค่อยๆ ห่างหายจากการสงครามตามการเปลี่ยนแปลงของประวัติศาสตร์ เคล็ดวิชาฆ่าฟันที่แท้จริงของประเทศจีนพวกนั้นก็สาบสูญไปทีละน้อย
ชุดกระบวนท่าวิทยายุทธ์ที่เหล่าตระกูลวิทยายุทธ์ร่ำเรียนกันที่หลงเหลืออยู่เหมือนของซุนลี่จ้งนี้ เป็นฉบับอย่างง่ายที่สืบทอดมาเมื่อร้อยปีก่อนเท่านั้น…”
มู่สุยเฟิงหยุดเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยต่อ “แต่ ตอนนี้มีอยู่ที่หนึ่ง ที่กลับยังมียอดฝีมือวิทยายุทธ์และตระกูลในโลกลับที่แท้จริงอยู่มากมาย”
เยี่ยหวันหวั่นรีบถาม “ก็คือรัฐอิสระที่คุณมู่พูดถึงเมื่อกี้เหรอคะ”
มู่สุยเฟิงพยักหน้าแล้วเอ่ย “ถูกต้อง”
“รัฐอิสระอยู่ที่เมืองไหน ทำไมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ
มู่สุยเฟิงตอบ “รัฐอิสระ ชื่อเดิมคือรัฐบิตเฟล ตั้งอยู่ที่ทวีปยุโรปเหนือ มันไม่ใช่เมือง แต่เป็นรัฐใหญ่ที่ที่มีเมืองมากมายรวมกัน มันไม่ได้เป็นของประเทศไหนในห้าประเทศของยุโรปเหนือ และก็ไม่ได้เป็นของชาติไหนและองค์กรใดในโลก เป็นพื้นที่ที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยว เพราะงั้นเลยถูกเรียกว่ารัฐอิสระ
“ก่อนยุคกลาง รัฐอิสระเป็นแค่พื้นที่รกร้างหนึ่ง จนกระทั่งต่อมายอดฝีมือวิทยายุทธ์ของประเทศจีนท่านหนึ่งส่งต่อสุดยอดวิทยายุทธ์ฆ่าฟันไป อีกทั้งยังพัฒนาส่งเสริมจนรุ่งเรือง จนยิ่งเวลาผ่านไปอำนาจของรัฐอิสระก็ยิ่งแข็งแกร่ง
“ถึงแม้ว่าตอนนี้รัฐอิสระจะเสื่อมถอยลงไม่น้อย แต่ตระกูลลับหลายตระกูลเบื้องหลังก็ยังคงกุมอำนาจยิ่งใหญ่ไว้”
มู่สุยเฟิงพูดต่อ “รัฐอิสระเทิดทูนวิทยายุทธ์ถึงขีดสุด ถึงจะตั้งอยู่ในยุโรปเหนือ แต่ที่นั่นต่างหากจึงจะเป็นสถานที่ที่อารยธรรมวิทยายุทธ์เจริญรุ่งเรืองที่สุด รวบรวมยอดฝีมือจากทั่วทุกมุมโลกไว้จำนวนมาก
“คนภายนอกอย่างหมาป่าเซนนี ซุนลี่จ้ง เมื่อไปถึงรัฐอิสระ ก็อาจจะเจอเกลื่อนถนน”
เยี่ยหวันหวั่นฟังจนสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความทึ่ง เธอเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น “มีสถานที่อย่างนี้จริงๆ เหรอคะ? ”
เห็นเยี่ยหวันหวั่นสนใจขนาดนี้ มู่สุยเฟิงก็เอ่ยกลั้วหัวเราะ “มีอยู่จริงๆ แค่มีน้อยคนนักที่รู้ก็เท่านั้น สำนักงานใหญ่ของสหพันธ์วิทยายุทธ์ก็อยู่ที่รัฐอิสระ”
……………………….