แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 1465 วางใส่ใคร บทที่ 1466 ฉันไม่ได้สติหลุด
บทที่ 1465 วางใส่ใคร
เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกมึนหัวเล็กน้อย “เอ่อ เดี๋ยวนะ เมื่อกี้คุณบอกว่ากู่พิษตัวเมียอยู่ในตัวผู้หญิง ตัวผู้อยู่ในตัวผู้ชาย แต่นี่ฉันโดนอยู่คนเดียวไม่ใช่เหรอ? แล้วตัวผู้อยู่ที่ใครล่ะ?”
ชายชราผมขาวกล่าวว่า “กู่พิษตัวผู้อยู่ที่ใคร แน่นอนว่าต้องถามหัวหน้าไป๋ว่าส่งต่อให้ใครแล้ว?”
เยี่ยหวันหวั่นเอือมระอา “ถามฉัน ฉันจะไปรู้ได้ไงว่าฉันส่งต่อให้ใคร! ฉันเปล่าซักหน่อย!”
เดี๋ยวนะ!
ทันใดนั้น เยี่ยหวันหวั่นหน้าเปลี่ยนสี
หลังมาถึงตระกูลหยวน คนที่โดนพิษแมลงกูมีทั้งหมดสองคน…นอกจากเธอ ก็ยังมีอีกคนนั่นก็คือ…ผู้นำตระกูลหยวน!
แม่เอ็งเถอะ คงไม่ใช่ว่า…คงไม่ใช่ว่าผู้นำตระกูลหยวน…แถมเขาก็ตายแล้วด้วยนะ!
หน้าผากเยี่ยหวันหวั่นเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ถ้าหากเป็นผู้นำตระกูลหยวนล่ะก็ เธอยอมตายซะดีกว่า!
“เธอโดนคนอื่นวางพิษใส่” จี้หวงอธิบาย
ชายชราผมหงอกเงียบไปนาน ในที่สุดก็คิดหาเหตุผลจนเจอ เขาเอ่ยว่า “ที่แท้ก็อย่างนี้เอง…หัวหน้าไป๋ สถานการณ์ของคุณค่อนข้างซับซ้อน กู่พิษในตัวคุณตอนแรกน่าจะเป็นกู่สองใจเป็นหนึ่ง ซึ่งเป็นการกลายพันธ์อย่างหนึ่งของกู่พิษ แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกู่สองใจเป็นหนึ่งที่อยู่ในตัวคุณถึงได้กลายพันธ์เป็นกู่พิศวาสสำเร็จ…”
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย “กลายเป็นกู่พิศวาส?”
ชายชรากล่าว “ใช่ครับ คุณจะเข้าใจว่า…มันวิวัฒนาการก็ได้…นี่เป็นเรื่องที่พบเห็นได้น้อยมาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยมีมาก่อน”
เยี่ยหวันหวั่นทำหน้าช็อก อย่างงี้ก็ได้เหรอ?
เธอจะซวยกว่านี้ได้อีกไหมเนี่ย?
ชายชราพูดต่อว่า “วินาทีที่กู่สองใจเป็นหนึ่งวิวัฒนาการกลายเป็นกู่พิศวาส มันจะแบ่งเป็นกู่พิษตัวผู้กับตัวเมีย กู่พิษตัวเมียอยู่ในตัวคุณ กู่พิษตัวผู้จะเข้าสู่ร่างกายของผู้ชายคนแรกที่หัวหน้าไป๋ใกล้ชิดด้วย เมื่อกี้ผมตรวจชีพจรของหัวหน้าไป๋ ในตัวคุณมีแค่กู่พิษตัวเมีย กู่พิษตัวผู้ต้องอยู่ในตัวคนอื่นแล้วแน่ๆ”
เยี่ยหวันหวั่นกลืนน้ำลาย “ในตัว…ผู้ชายคนแรกที่ฉันใกล้ชิดด้วย?”
งั้นก็หมายความข่าวดีเพียงเรื่องเดียวที่มีก็คือ ไม่น่าจะใช่ผู้นำตระกูลหยวน เพราะเธอไม่ได้แตะต้องผู้นำตระกูลหยวนซักนิด
ชายชรากล่าว “ใช่ครับ เพราะงั้นรบกวนหัวหน้าไป๋นึกดูว่าระหว่างนี้ได้มีพฤติกรรมใกล้ชิดกับใครรึเปล่า แล้วก็น่าจะรู้เองว่ากู่พิษตัวผู้อยู่ในตัวใคร”
สิ้นเสียงของชายชรา สายตาของทุกคนก็หันมามองเยี่ยหวันหวั่นเป็นตาเดียว
ชิวสุ่ยรีบถาม “เสี่ยวเฟิ่ง เธอได้ใกล้ชิดกับใครรึเปล่า…”
เยี่ยหวันหวั่นขยี้หัว “เดี๋ยวนะ ฉันขอนึกดูก่อน ผู้อาวุโส ที่คุณบอกว่าสัมผัสอย่างใกล้ชิดหมายถึงใกล้ชิดระดับไหน? คงไม่ใช่ว่าจูบแค่ครั้งเดียวก็ส่งผ่านกู่พิษตัวผู้ได้เลยหรอกนะ?”
ชายชราพยักหน้า “ได้สิ น้ำลายก็แพร่เชื้อได้เหมือนกัน”
เยี่ยหวันหวั่นกุมหน้าผากเงียบๆ สติเริ่มหลุด
สายตาของจี้หวงไหวระริก เขาหันไปมองผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างเยี่ยหวันหวั่นเงียบๆ
“เสี่ยวเฟิ่ง ตกลงว่าใครกันแน่! เธอวางกู่พิษตัวผู้ใส่ใครกันแน่?” ชิวสุ่ยถามอย่างร้อนใจ
เยี่ยหวันหวั่นจะบ้าตายอยู่แล้ว หยุดถามได้ไหม จะให้เธอพูดยังไงเล่า?
ต้องให้เธอพูดต่อหน้าจี้หวงว่าเธอวางกู่พิษใส่นายแห่งอาชูร่ารึไงเล่า?
ในตอนที่เยี่ยหวันหวั่นกำลังสับสนวุ่นวายอยู่นั้น ทุกคนเห็นนายแห่งอาชูร่าถลกแขนเสื้อสูทขึ้น จัดให้เป็นระเบียบ จากนั้นก็ยื่นข้อมือออกมา มองหน้าชายชราผมหงอกแล้วบอกว่า “รบกวนผู้อาวุโสตรวจชีพจรให้ผมด้วย”
ชายชราผมหงอกอึ้งไปเล็กน้อย ผู้ชายคนนี้จู่ๆ ก็ให้เขาตรวจชีพจรให้หมายความว่ายังไง?
ออร่าของชายหนุ่มน่าเกรงขาม ชายชราไม่รอช้า รีบทำตามคำสั่งโดยจิตใต้สำนึก เขาโค้งตัวแล้ววางนิ้วมือลงบนข้อมือของชายหนุ่ม เริ่มทำการตรวจชีพจรทันที
ขณะเดียวกัน ชิวสุ่ย เป่ยโต่ว กับชีซิงต่างก็หันไปมองชายชราเป็นตาเดียว
หนึ่งวินาทีผ่านไป สิบวินาทีผ่านไป หนึ่งนาทีผ่านไป…
ชายชราผมหงอกตรวจชีพจรให้เขาสามสี่ครั้ง สีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา สุดท้ายก็เงยหน้ามองจี้หวง มองเยี่ยหวันหวั่น แล้วก็หันไปมองซือเยี่ยหาน “เอ่อ…กู่พิษตัวผู้…อยู่ในตัวคุณผู้ชายท่านนี้…”
ชิวสุ่ยตะลึง
ชีซิงพูดไม่ออก
เป่ยโต่วได้แต่ปิดหน้าอย่างเอือมระอา
ความกล้าของพี่เฟิ่งไม่เคยทำให้เขาผิดหวังเลยจริงๆ กล้าล่วงเกินแม้กระทั่งนายแห่งอาชูร่า…
————————————————————————————-
บทที่ 1466 ฉันไม่ได้สติหลุด!
ตอนแรกก็เป็นโหมดง่าย หลังจากนั้นก็กลายเป็นโหมดยาก
ถ้าอีกฝ่ายต้องเป็นนายแห่งอาชูร่าล่ะก็…นี่มันโหมดนรกชัดๆ เลย!
หลังจากรู้ผลการตรวจชีพจรของนายแห่งอาชูร่า เยี่ยหวันหวั่นแทบไม่กล้ามองหน้าจี้ซิวหร่าน
เมื่อกี้ตอนได้ยินหมอพูดอย่างงั้น ความคิดแรกของเธอคือต้องปิดบังไว้ให้ได้ แต่นึกไม่ถึงว่านายแห่งอาชูร่ากลับเป็นฝ่ายขอให้หมอตรวจชีพจรของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้ทุกคนรู้เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นในห้องโดยไม่ต้องพูด
เยี่ยหวันหวั่นหันไปมองจี้ซิวหร่านที่เดาที่หน้าไม่ถูกเงียบๆ ถ้าเธอบอกเขาว่า…ความจริงเธอสะดุดล้มแล้วปากไปชน…จะมีใครเชื่อไหมนะ
สวรรค์! ไม่นึกเลยว่ากู่พิษตัวผู้จะไปอยู่ในตัวนายแห่งอาชูร่า…!!!
พอรู้เรื่องนี้ ในห้องก็กลับเข้าสู่ความเงียบอันน่าอึดอัดอีกครั้ง
“ผู้อาวุโสชี คุณแน่ใจรึเปล่า” ชีซิงถาม
ชายชราผมหงอกพูดอย่างมั่นใจ “ผมยืนยันซ้ำหลายครั้งแล้ว ไม่ผิดแน่”
เยี่ยหวันหวั่นได้แต่เงียบ
เอาล่ะ หมอยืนยันหนักแน่นขนาดนั้นแล้ว ทั้งสองจะต้องสัมผัสใกล้ชิดกันมาแน่นอน
ทุกคนได้แต่เงียบ พูดอะไรไม่ออก
เวลานี้ ชิวสุ่ยได้สติคนแรก รีบเดินไปหยุดยืนตรงหน้านายแห่งอาชูร่า ร่างบางสั่นเทาเล็กน้อย เธอขอโทษอย่างกล้าๆ กลัวๆ “นาย…นายแห่งอาชูร่าผู้ยิ่งใหญ่! หัวหน้าของพวกเราสติหลุดเพราะโดนกู่พิษ ไม่ได้ตั้งใจล่วงเกิน! หวังว่าคุณจะไม่เอาเรื่อง!”
เยี่ยหวันหวั่นที่ยืนอยู่ข้างหนึ่งกระพริบตาปริบๆ “หา? สติหลุด…ฉันไม่ได้สติหลุดนะ…”
เมื่อกี้เธอควบคุมตัวเองได้ดีมากต่างหาก ถ้าสติหลุดจริงก็คงไม่จบแค่จูบเดียวหรอก คงแก้พิษตั้งแต่แรกแล้ว…
ชิวสุ่ยหันไปถมึงตาใส่เยี่ยหวันหวั่นอย่างตักเตือน ไม่อยากอยู่แล้วรึไง?
เยี่ยหวันหวั่นลูบจมูก ก่อนจะเงียบไม่พูดอะไรอีก
“ปัง!!” เสียงประตูห้องถูกเปิดเข้ามา เจียงเหยียนกับพวกบอดี้การ์ดที่ติดตามนายแห่งอาชูร่าเข้ามาในห้อง
เหมือนเจียงเหยียนจะได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นตอนอยู่ข้างนอก เขาก่นด่าอย่างเดือดดาล “ผู้หญิงไร้ยางอาย! อวดดีเกินไปแล้ว! คิดแล้วเชียวว่าเธอต้องมีแผนร้าย นึกไม่ถึงว่าจะลอบทำร้ายนายท่านด้วยวิธีหน้าไม่อายอย่างงี้!”
เยี่ยหวันหวั่นหันไปมองเจียงเหยียนที่โกรธแค้นเหมือนโดนหมิ่นเกียรติ ไม่รู้คิดอะไรอยู่ จู่ๆ ก็พึมพำว่า “จิ๊ น้ำเสียงของนายนี่มัน…ทำให้ฉันนึกถึงคนรู้จักคนหนึ่งขึ้นมา…”
เหมือนหลิวเยี่ยนเวลาโกรธไม่มีผิด
เยี่ยหวันหวั่นพูดพลางหันไปมองนายแห่งอาชูร่าด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย ผู้มองกลับมีใบหน้าเรียบเฉยเดาอารมณ์ไม่ถูก
เจียงเหยียนแค่นเสียงหัวเราะ “ไป๋เฟิ่ง ถึงยังไงเธอก็เป็นผู้นำของกลุ่มอำนาจหนึ่ง ไม่นึกเลยว่าจะใช้วิธีสกปรกอย่างงี้ ไม่อายบ้างรึไง?”
เยี่ยหวันหวั่นยกมือขึ้น “โธ่ เดี๋ยวก่อนๆ สหายท่านนี้ ขอถามหน่อย นายเห็นกับตาเหรอว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นในนี้บ้าง? นายแน่ใจได้ไงว่าฉันเป็นคนล่วงเกินนายแห่งอาชูร่าของนาย ไม่คิดว่าเขาเป็นคนทำอะไรฉันบ้างเหรอ? ยังไงคนที่เสียเปรียบก็เป็นผู้หญิงอย่างฉันอยู่วันยังค่ำไม่ใช่รึไง?”
ซือเยี่ยหานอึ้ง
เจียงเหยียนเบิกตากว้าง โกรธจนแทบกระอักเลือด “เธอ…พูดจาเหลวไหล! นายท่านจะทำเรื่องอย่างงั้นได้ยังไง!”
เยี่ยหวันหวั่นเม้มปาก ไม่แน่ว่าอาจเคยทำมากกว่าที่คิดก็ได้ ถ้านายรู้เข้าไม่แน่ว่าอาจจะเปลี่ยนจากแฟนคลับเขาเป็นแอนตี้แฟนเลยก็ได้
“แค่กๆๆๆๆ…” เป่ยโต่วที่ยืนอยู่ข้างหนึ่งถึงกับสำลักน้ำลายตัวเองไม่หยุด ชีซิงเองก็ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ถึงพวกเขาควรจะเข้าข้างหัวหน้าของตัวเอง แต่คำพูดเมื่อกี้ของพี่เฟิ่ง ขนาดพวกเขาก็ยังเชื่อไม่ลงเลย