แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 1611 ฉันจะหามีดได้จากที่ไหนบ้าง บทที่ 1612 ผลการพิสูจน์ DNA
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 1611 ฉันจะหามีดได้จากที่ไหนบ้าง บทที่ 1612 ผลการพิสูจน์ DNA
บทที่ 1611 ฉันจะหามีดได้จากที่ไหนบ้าง
เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า ยังไงระหว่างนี้เธอก็ว่างไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ลองแสดงกับชีซิงดูก่อนแล้วกัน
“บทของนายฉันก็เขียนไว้ให้แล้วเหมือนกัน…” เยี่ยหวันหวั่นหันไปกล่าวกับชีซิง
“พี่เฟิ่ง ไม่ต้องใช้บทหรอก การแสดงแบบนี้ไม่น่าจะยุ่งยากซับซ้อนมาก” ชีซิงกล่าวเรียบๆ
“เหล่าชี ขนาดฉันพี่เฟิ่งยังไม่พอใจ…ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนายหรอก นายรอโดนด่าได้เลย ทำเป็นไม่เอาบทพูด อวดเก่งไปแล้ว” เป่ยโต่วเม้มปาก
เยี่ยหวันหวั่นลบคลิปวิดิโอที่ถ่ายกับเป่ยโต่วออกแล้วกดถ่ายใหม่อีกครั้ง สำหรับชีซิง เยี่ยหวันหวั่นกลับรู้สึกไว้ใจเล็กน้อย อย่างน้อยๆ ชีซิงก็พึ่งพาได้มากกว่าเป่ยโต่วอย่างไม่ต้องสงสัย
……
“นายคือชีซิงแห่งพันธมิตรอู๋เว่ยงั้นเหรอ”
เยี่ยหวันหวั่นจ้องชีซิงที่อยู่ข้างหน้า แล้วกล่าวด้วยใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์
ชีซิงได้ยินก็หันหลังกลับมา ใบหน้าฉายแววเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วจ้องพิจารณาเยี่ยหวันหวั่น
“ไม่ทราบคุณมาหาผมด้วยเรื่องบุญคุณหรือความแค้น” ชีซิงจ้องเยี่ยหวันหวั่น แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ไม่ใช่ทั้งความแค้นแล้วก็บุญุคุณ แต่มาเพราะหน้าที่” เยี่ยหวันหวั่นกล่าว
“ดูจากชุดเครื่องแบบที่คุณใส่ น่าจะเป็นทหารรับจ้างจากโรงเรียนชื่อเยี่ยนสินะ” ชีซิงแค่นยิ้ม “เมื่อก่อนก็เคยมีคนจากสามโรงเรียนทหารรับจ้างที่ใหญ่ที่สุดในรัฐอิสระมาหาผมเหมือนกัน แต่ผมยังมีชีวิตอยู่ ส่วนคนพวกนั้นตายหมดแล้ว คุณยังอยากจะทำต่ออีกเหรอ”
“ไม่ต้องพูดมาก ภารกิจของฉันก็คืออัดนาย” เยี่ยหวันหวั่นยิ้มเย็น
แต่เยี่ยหวันหวั่นเพิ่งพูดไม่ทันขาดคำ ชีซิงก็หายตัวไปจากตรงนั้น เพียงก้าวเดียวก็มาโผล่อยู่ข้างๆ เยี่ยหวันหวั่นแล้ว เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง เอื้อมมือคว้ามาที่เยี่ยหวันหวั่นทันที
เยี่ยหวันหวั่นประหลาดใจ เจ้าเด็กนี่แสดงได้ไม่เลวเลยนี่…
เยี่ยหวันหวั่นเอี้ยวตัวหลบไปด้านข้าง ฝ้ามือขวาของทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรง
“ผลัวะ! โบ้มม!” เสียงแปลกๆ หลุดออกมาจากปากของเป่ยโต่ว
เยี่ยหวันหวั่นชะงักงัน
เป่ยโต่วอึ้ง
วินาทีนี้ เยี่ยหวันหวั่นสาบานเลยว่าถ้าเธอมีมีดอยู่ในมือ เธอจะแทงเป่ยโต่วให้ตายซะ!
ทั้งสองพยายามไม่สนใจเป่ยโต่ว แล้วดวลฝีมือกันต่อไป
“โบ้มมม! ผลัวะๆๆ! เพี๊ยะๆ!”
แต่เสียงของเป่ยโต่วดังขั้นเรื่อยๆ แถมยังแปลกขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
“แม่เอ็งเถอะ ถ้านายไม่มีคำอธิบายที่ฟังขึ้น วันนี้ฉันไม่ฆ่านายให้ตาย ฉันก็ไม่ใช่พี่เฟิ่งของนายแล้ว!” เยี่ยหวันหวั่นตัดสินใจหยุดการแสดง แล้วบิดหูขวาเป่ยโต่วลากเขาเข้ามา
“ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ว่านายกำลังทำอะไรอยู่” ชีซิงจ้องเป่ยโต่วที่ทำหน้าตาน่าสงสาร
“ฉัน…ฉันก็กำลังทำเสียงประกอบให้พวกนายไง…ทำไมล่ะ…ฉันเห็นพวกนายสู้กันไม่ได้บรรยากาศ ตอนฝ่ามือปะทะกันก็ไม่มีเสียง เสียงโบ้มๆ ผลัวะๆ แล้วก็เพี๊ยะๆ ก็เป็นเสียงประกอบที่ฉันทำให้ไง…” เป่ยโต่วรีบอธิบาย
“มีมีดไหม” เยี่ยหวันหวั่นหันไปมองชีซิง
“ไม่มีครับ” ชีซิงส่ายหน้า “แต่…ผมไปหยิบให้ได้นะ”
“อย่านะ ผมไม่ทำเสียงประกอบให้แล้วก็ได้นี่…” เป่ยโต่วรีบกล่าว
“ถ้านายยังเสนอหน้าเข้ามาในกล้องพวกเรา แล้วทำเสียงประกอบอะไรนั่นอีก นายจะโดนฉันกับชีซิงซ้อมจนตาย เข้าใจแล้วใช่ไหม” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยเสียงรอดไรฟัน
“เข้าใจแล้วๆ…ผมรับปากว่าจะนั่งเฉยๆ อยู่ตรงนั้นไม่ขยับเลย!” เป่ยโต่วรีบตีอกรับประกัน
ครั้งนี้เป่ยโต่วกลับทำตัวว่าง่าย เขาไม่ได้ป่วนอะไรอีก แค่นั่งมองเงียบๆ จากที่ไกลๆ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดังด้วยซ้ำ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา การแสดงส่วนของเยี่ยหวันหวั่นกับชีซิงจบลงในที่สุด
————————————————————————————-
บทที่ 1612 ผลการพิสูจน์ DNA
“เยี่ยมยอด!”
เยี่ยหวันหวั่นยิ้มแย้ม ดึงชีซิงที่ล้มนอนบนพื้นให้ลุกขึ้นมา
การแสดงของชีซิงเยี่ยมยอดมาก กงซวี่คงไม่ต้องพูดถึง เทียบกับลั่วเฉินยังเก่งกว่าด้วยซ้ำ แถมเดาว่านี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่ชีซิงแสดงซะด้วย…
“พี่เฟิ่งพอใจก็ดีแล้ว” ชีซิงพยักหน้าบอก
เยี่ยหวันหวั่นจ้องชีซิงอย่างครุ่นคิด หน้าตาหล่อเหลาเย็นชา อายุก็ไม่มาก ทักษะการแสดงเยี่ยมยอด ความสามารถยิ่งไม่ต้องพูดถึง…
ถ้าพาชีซิงไปทำงานในวงการบันเทิงที่จีน แล้วเธอก็เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเขาล่ะก็…
ให้ตายเถอะ นี่มันบ่อเงินบ่อทองชัดๆ!
ถ้าให้เธอเป็นคนดันชีซิงเข้าวงการบันเทิง ชีซิงต้องกลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ระดับนานาชาติได้แน่นอน!
“ชีซิง นายเพิ่งแสดงเป็นครั้งแรกจริงเหรอ?” เยี่ยหวันหวั่นจ้องชีซิง แล้วถามด้วยความสงสัย
“ครับ” ชีซิงบอก “ที่นี่แทบไม่มีที่ไหนต้องใช้ทักษะการแสดงอยู่แล้ว”
เยี่ยหวันหวั่นทำท่าจะพูดอะไร เป่ยโต่วก็สะบัดก้นวิ่งเข้ามา แล้วยิ้มบอกว่า “พี่เฟิ่ง ทักษะการแสดงห่วยๆ อย่างงั้น ไม่เห็นมีอะไรให้น่าชม ผมก็ทำได้ ผมก็จะแสดงอย่างงี้…”
เยี่ยหวันหวั่นเหล่มองเป่ยโต่ว สุดท้ายก็ทำได้แค่ฝืนแสดงต่อไป
ครั้งนี้ทักษะการแสดงของเป่ยโต่วดีขึ้นเล็กน้อย เยี่ยหวันหวั่นไม่อยากเสียเวลาอีก เอาไว้ตัดต่อทีหลังก็คงไม่มีปัญหาแล้ว
หลังจากถ่ายวิดิโอเสร็จ สมาชิกพันธมิตรอู๋เว่ยอายุน้อยคนหนึ่งก็วิ่งมาจากที่ไกลๆ
“ท่านหัวหน้า!” สมาชิกพันธมิตรอู๋เว่ยมองเยี่ยหวันหวั่นอย่างกล้าๆ กลัวๆ แล้วกล่าวด้วยความระมัดระวังว่า “ท่านหัวหน้า ผู้อาวุโสสูงสุดให้ผมมารายงานว่าเรื่องที่ท่านหัวหน้าต้องการทราบผลออกมาแล้วครับ เขาบอกให้ท่านหัวหน้ารีบกลับไปดูเดี๋ยวนี้เลยครับ…”
“ผลอะไร?” เยี่ยหวันหวั่นมองสมาชิกพันธมิตรอู๋เว่ยคนนั้น แล้วถามด้วยความประหลาดใจ
“เอ่อ…เรื่องนั้น ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ ผู้อาวุโสสูงสุดไม่ได้บอกรายละเอียดผม” สมาชิกอู๋เว่ยกล่าว
“ป่ะ กลับกันก่อนเถอะ” เยี่ยหวันหวั่นหันไปบอกชีซิงกับเป่ยโต่ว
……
ผ่านไปครู่หนึ่ง เยี่ยหวันหวั่นย้อนกลับมาที่พันธมิตรอู๋เว่ย
ในห้องทำงาน ผู้อาวุโสสูงสุดเดินเข้ามาอย่างใจเย็น ในมือถือเอกสารฉบับหนึ่ง เขาเดินมาหยุดยืนด้านหน้าโต๊ะทำงานของเยี่ยหวันหวั่น
“ผลการพิสูจน์เป็นไงบ้าง” เยี่ยหวันหวั่นมองผู้อาวุโสสูงสุด แล้วถาม
ความจริงการพิสูจน์ครั้งนี้เกิดจากความคึกคะนองของเธอล้วนๆ ลึกๆ ในใจเธอไม่ได้คิดว่าตัวเองคือเนี่ยอู๋โยวจริงๆ เพราะนั่นมันออกจะน่าเหลือเชื่อเกินไป
“ท่านหัวหน้า ผลการพิสูจน์ออกมาแล้ว ท่านหัวหน้าดูเองเถอะครับ” ผู้อาวุโสสูงสุดวางเอกสารลงบนโต๊ะเบาๆ แล้วยิ้มให้เยี่ยหวันหวั่น
เยี่ยหวันหวั่นเอือมระอา ครั้งก่อนก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอไงว่าเธออ่านไม่เข้าใจ…
“ฉันอ่านไม่เข้าใจ คุณบอกมาเลยเถอะ” เยี่ยหวันหวั่นจนใจ
“ท่านหัวหน้า ผลการพิสูจน์ชี้ให้เห็นว่า DNA ตรงกันเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ครับ” ผู้อาวุโสสูงสุดมองเยี่ยหวันหวั่น แล้วอธิบายเสียงเบา
ได้ยินอย่างงั้น เยี่ยหวันหวั่นชะงักงันไปเล็กน้อย DNA ตรงกันเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์…นี่ผู้อาวุโสสูงสุดหมายความว่า…
“ถ้าพูดตามหลักวิทยาศาสตร์ ก็หมายความว่ามีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดครับ” ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวอีก
สิ้นเสียงของผู้อาวุโสสูงสุด ราวกับมีเสียงระเบิดดังขึ้นในสมองของเยี่ยหวันหวั่น ทุกอย่างขาวโพลนไปหมด
ข้อมูลที่ได้รับในตอนนี้มันมากเกินไปจริงๆ เรื่องนี้น่าช็อกยิ่งกว่าตอนที่รู้ว่าเนี่ยอู๋โยวคนนั้นเป็นตัวปลอมซะอีก เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกเหมือนยากจะทำใจให้เชื่อได้
พอเห็นเยี่ยหวันหวั่นตะลึงค้าง แววตาดูเหม่อลอยเล็กน้อย ผู้อาวุโสสูงสุดขมวดคิ้วเล็กน้อย จ้องเยี่ยหวันหวั่นแล้วกล่าวว่า “ท่านหัวหน้า…ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”
ผู้อาวุโสสูงสุดมองเยี่ยหวันหวั่นด้วยความเป็นห่วง