แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 179
แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี – บทที่ 179 หนึ่งเดียวในโลก / บทที่ 180 มาอีกร้อยครั้ง!
บทที่ 179 หนึ่งเดียวในโลก / บทที่ 180 มาอีกร้อยครั้ง!
โดย
Ink Stone_Romance
บทที่ 179 หนึ่งเดียวในโลก
ภายในห้องหนังสือเงียบสนิท
ชายหนุ่มนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้หวงฮวาหลีกว้างสไตล์โบราณ มองชายหนุ่มที่ยืนนิ่งอยู่กลางห้องรับแขกเงียบๆ
ใบหน้าของชายหนุ่มเต็มไม่ด้วยความน้อยใจและไม่ยินยอม เหมือนกับลูกสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งที่มีความดุร้ายยากที่จะฝึกสอน คิดอยากจะให้คนแบบนี้ยอมตาม มีเพียงวิธีเดียว ซึ่งก็คือ แข็งแกร่งกว่าเขา
ไม่อย่างนั้นต่อให้เขาตายก็ไม่มีทางยอมก้มหัวให้
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด ในที่สุดชายหนุ่มบนเก้าอี้ก็เอ่ยปาก “นายมีข้อคิดเห็นอะไรกับสายตาการเลือกผู้หญิงของฉันเหรอ?”
หลิวอิ่งได้ยินคำถามนี้พลันเบิกตากว้าง เขาต้องมีอยู่แล้ว!!
“ไม่กล้าครับ” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างไม่เต็มใจ
“ไม่กล้าเหรอ?” เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มมีแรงกดดันมหาศาล
ชายหนุ่มกัดฟัน อดกลั้นอยู่นาน ในที่สุดก็อดไว้ไม่อยู่ “ผมมีจริงๆ นั่นแหละ! นายท่าน ผมไม่เข้าใจ ทำไมนายท่านถึงเลือกผู้หญิงแบบเยี่ยหวันหวั่น?”
“ถ้าอย่างนั้นนายคิดว่า ฉันควรจะเลือกผู้หญิงแบบไหน?” ซือเยี่ยหานถามกลับ
หลิวอิ่งตอบโดยไม่ลังเล “ต้องเป็นคนที่เพียบพร้อมทั้งภายนอกและภายใน เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ คู่ควรที่จะเคียงข้างนายท่าน! จะเป็นคนที่ต้องให้นายท่านปกป้อง เป็นของไร้ประโยชน์ที่พร้อมจะเป็นภาระให้นายท่านอยู่ตลอดเวลาได้อย่างไร! ผมไม่เชื่อว่านายท่านจะเป็นเหมือนผู้ชายทั่วไปพวกนั้น ที่ชอบเพียงเปลือกนอกของผู้หญิงคนนั้น!”
ติดตามข้างกายนายท่านมานานขนาดนี้ เขารู้ดีว่าสายตาของนายท่านเฉียบแหลมมากแค่ไหน คนภายนอกคิดว่าเขาไม่หลงใหลสตรี นั่นเพียงเพราะผู้หญิงน่าเบื่อเหล่านั้นไม่เข้าตาเขาก็เท่านั้น ไม่ใช่คนระดับเดียวกับเขา นับประสาอะไรกับคู่ชีวิต
“เพียบพร้อมทั้งภายนอกและภายใน เก่งทั้งบุ๋นและบู๊…” ซือเยี่ยหานเงียบไป มองไปทางชายหนุ่มแล้วเอ่ยว่า “ความหมายของนายคือ ฉันควรจะแต่งงานกับนายและสวี่อี้อย่างนั้นสินะ?”
หลิวอิ่ง “…”
ทันทีที่ซือเยี่ยหานพูดจบ สมองของหลิวอิ่งพลันไม่ทำงาน คนทั้งคนนิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้น ตามด้วยหูแดงไปถึงคอ รีบร้อนปฏิเสธ “จะ…จะเป็นไปได้ยังไงครับ! ความหมายของผมหมายถึง…หมายถึง…”
แม้ว่าเขากับสวี่อี้คนหนึ่งจะเก่งภายนอกคนหนึ่งเก่งภายใน คนหนึ่งบุ๋นคนหนึ่งบู๊ รวมเข้าด้วยกันตรงกันกับบรรทัดฐานที่เขาพูดพอดีจริงๆ แต่เขาจะไปหมายความแบบนั้นได้ยังไงกัน!
นี่นายท่านกำลังแอบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาชัดๆ!
“ใครบอกนายว่า คู่ชีวิตของฉันต้องการเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว?” ซือเยี่ยหานเอ่ยเนิบๆ สายตาเยียบเย็นนั้นโดดเดี่ยวราวดูแคลนทุกสรรพสิ่ง
หลิวอิ่งเอ่ยถามอย่างจริงจังทันที “ถ้าอย่างนั้นนายท่านคิดว่าควรจะเลือกคนแบบไหน?”
เขายังไม่เคยได้ยินบรรทัดฐานการเลือกคู่ครองจากปากนายท่านเองเลยสักครั้ง ย่อมต้องอยากรู้เป็นอย่างมาก
หลิวอิ่งกลั้นหายใจจ้องมอง รอคอยคำตอบจากอีกฝ่าย
หลังจากผ่านไปนาน ในบรรยากาศที่เงียบกริบ เสียงแหบต่ำของชายหนุ่มก็ดังขึ้น “หนึ่งเดียวในโลก”
หลิวอิ่ง “…”
เขารู้ว่าบรรทัดฐานของนายท่านสูงขนาดไหน แต่คิดไม่ถึงว่าจะสูงขนาดนี้
“หนึ่งเดียวในโลก” มันเป็นความคิดแบบไหนกัน?
แค่เพียบพร้อมทั้งภายนอกและภายในมันจะไปพอที่ไหน จะต้องมีความสามารถเหนือคนธรรมดาทุกอย่างสินะ?
หลังจากนิ่งอึ้ง ก็รู้สึกหมดคำจะพูดอย่างแท้จริง
นายท่าน คุณจริงจังใช่ไหมเนี่ย?
ยัยคนนั้นแค่ไก่ตัวหนึ่งยังไม่กล้าฆ่า ยัยโง่ที่เรียนไม่จบมัธยมปลาย เอาที่ไหนมาหนึ่งเดียวในโลก?
ต่อให้เป็นคุณหนูรั่วซี ก็ยังไม่อาจใช้คำสี่คำนี้
หลังจากสวี่อี้ส่งเยี่ยหวันหวั่นเสร็จกลับมาก็เห็นเมฆครึ้งลอยอยู่เหนือศีรษะของสวี่อี้ที่นั่งพิงกำแพงอยู่ ถอนหายใจอย่างรำคาญพลางเดินเข้าไปหา “โดนด่ามาล่ะสิ?”
“สวี่อี้ นายรู้ไหมว่าบรรทัดฐานการเลือกคู่ครองของนายท่านคืออะไร?” สายตาล่องลอยของหลิวอิ่งหันมองสวี่อี้พลางถามขึ้นอย่างกะทันหัน
สวี่อี้ตกใจเล็กน้อย “ไม่รู้สิ ยังไงก็ต้องประหลาดมากแน่ๆ!”
หลิวอิ่ง “เมื่อกี้นายท่านของฉันแล้ว เขาพูดมาสี่คำ”
“สี่คำไหน?” สวี่อี้พลันรู้สึกสนใจ
“หนึ่ง เดียว ใน โลก!” หลิวอิ่งพูดทีละคำ
สวี่อี้ “เอ่อ…”
“ผู้หญิงที่ทั้งโง่ทั้งอ่อนแอคนนั้นมีตรงไหนที่ใช่สี่คำนั้นบ้าง!” หลิวอิ่งระเบิดอารมณ์อีกครั้ง
สวี่อี้ปาดเหงื่ออย่างเก้ๆ กังๆ “นี่…อาจจะเพราะ…ในสายตาคนรักแลเห็นไซซี[1]ละมั้ง!”
……………………………………………..
บทที่ 180 มาอีกร้อยครั้ง!
ริมทะเลสาบเล็กในโรงเรียน
ผ่านมานานยังไม่ได้รับสายโทรกลับของฉู่เฟิง เยี่ยหวั่นหวันเลยมาหาด้วยตัวเอง
บทที่เข้ามาใกล้ ก็ได้ยินเสียงโต้เถียงกันดังอยู่ไม่ไกล
“เยียนหราน ผมผิดไปแล้ว ผมสาบานต่อจากนี้ผมจะทำดีกับคุณ พวกเราเรียนจบแล้วแต่งงานกัน!”
“ออกไป! ฉันบอกแล้ว อย่ามาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก! น่ารังเกียจ!”
“เยียนหราน คุณกล้าบอกจากใจจริงไหมว่าที่คุณติดต่อกับนายนั่นก็เพื่อจะยั่วโมโหผม? คุณกล้าบอกพูดว่าคุณไม่ชอบผมเลยสักนิดไหม?”
“ฉัน…”
“เยียนหราน อย่าหลอกตัวเองอีกเลย! ทำไมจะต้องคบกับคนที่ตัวเองไม่ชอบเพื่อล้างแค้นผมด้วย? คุณไม่ได้ชอบเขาเลย คนที่คุณชอบคือผม!”
………
เห็นเพียงซ่งจื่อหังตามตื๊อเจียงเยียนหรานไม่หยุด ใบหน้าที่ดูเมาของเจียงเยียนหรานนั้นเต็มไปด้วยความอ่อนล้า ฉู่เฟิงที่อยู่ข้างเธอกำหมัดแน่นจ้องไปที่ซ่งจื่อหังที่อยู่ตรงข้าม แต่เพราะเวลานี้ตัวเองไม่มีจุดยืนและไม่มีคุณสมบัติอะไร เลยพูดตอบโต้ไปไม่ได้
เห็นฉู่เฟิงพูดไม่ออก ซ่งจื่อหังยิ่งได้ใจ “ฉันกับเจียงเยียนหรานรู้จักกันตั้งแต่เกิดแล้ว เยียนหรานชอบฉันมาสิบปี! นับประสาอะไรกับนาย! เยียนหรานจะชอบขี้หน้าอย่างนายหรือ? อย่าฝันไปหน่อยเลย!”
เยี่ยหวั่นหวันมองดูทั้งสามคนที่อยู่ไม่ไกล แล้วถอนหายใจเบาๆ ออกมา
เจียงเยียนหรานยังใจอ่อนอยู่ หน้าก็บางเหลือเกิน ไม่เหมือนซ่งจื่อหังที่หน้าด้านขนาดนั้น สามารถเอาความรักครั้งเก่าของเจียงเยียนหรานกลับมาพูดว่ายังหลงเหลือความรักกับเขาอยู่
ส่วนนิสัยของเจียงเยียนหราน ถึงแม้ว่าเวลานี้จะเริ่มมีความรู้สึกดีๆ ให้ฉู่เฟิง แต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาได้
เยี่ยหวั่นหวันมองซ้ายขวา หยิบก้อนหินเล็กๆ ขึ้นมาจากข้างเท้า กำไว้ในมือ จากนั้นออกแรงเตะไปทางน่องฉู่เฟิง
“โอ้ย–“ ฉู่เฟิงที่กำลังยืนเหม่อลอยอยู่ตรงนั้น ปรากฏว่าอยู่ๆ น่องเขาก็มีความรู้สึกเจ็บปวดรุนแรงขึ้นมา เขาเดินเซขึ้นมาในทันใด
“ฉู่เฟิง!” เจียงเยียนหรานเห็นท่าทีก็ได้สติขึ้นมา พุ่งตรงไปข้างตัวฉู่เฟิงอย่างรวดเร็ว “คุณเป็นยังไงบ้าง?”
“เยียนหราน ผมไม่เป็นไร…”
“ซ่งจื่อหัง! คุณอย่าให้มันมากเกินไป!” เจียงเยียนหรานโมโหขึ้นมาทัที
ซ่งจื่อหังขมวดคิ้วแน่น “ผมทำไม? ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย!นายนี่มันแกล้ง!”
“คุณยังจะมาแก้ตัวอีก!”
กลางคืนแสงไฟสลัว แต่ที่นี่มีเพียงแค่พวกเขาสามคน ซ่งจื่อหังอาศัยว่าตัวเองมีฝีมือไปแกล้งคนอื่น ไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใคร
“ใครบอกว่าฉันทำเพื่อยั่วยุคุณ ใครบอกว่าฉันยังชอบคุณ ใครบอกว่าฉันไม่ชอบเขา?”
เจียงเยียนหรานพูดจบ ทันใดนั้นก็ดึงคอฉู่เฟิงลงมา แล้วจูบลงไปที่ริมฝีปากเขา – –
“เห็น ชัด หรือ ยัง?”
เห็นเจียงเยียนหรานจูบฉู่เฟิงต่อหน้าตัวเอง สีหน้าซ่งจื่อหานเปลี่ยนเป็นสีคล้ำขึ้นมาทันที “เจียงเยียนหราน! คุณ!!!”
ส่วนฉู่เฟิง ทั้งตัวเขากลายเป็นรถไฟจักรไอน้ำแล้ว แทบจะเดือดพล่านขับออกไปยังชายแดนสู่โลกภายนอกแล้ว
“…!!!”
เจ็บ ขา มาก! เทพธิดาที่ไหนมาแกล้งเขา! กรุณามาอีกร้อยครั้งเลย!
เยี่ยหวั่นหวันหาว ไม่ได้อยู่ดูต่อแล้ว หันหลังกลับไปที่หอพักอย่างเงียบๆ
เธอรู้ว่าเจียงเยียนหรานไม่ให้อภัยซ่งจื่อหัง แต่ตอนนี้ซ่งจื่อหังเห็นเธอเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ช่วยชีวิต ต้องรบเร้าเธอไม่เลิกแน่นอน ด้วยนิสัยขี้ใจอ่อนของเธอแล้ว ถ้าไม่บังคับให้เธอใจแข็งขึ้นมาหน่อย ไม่รู้ว่าจะโดนตามตื๊อไปอีกนานแค่ไหน
ไม่ว่าจะยังไง ถือว่าเจียงเยียนหรานทำสำเร็จแล้ว ถือว่าเธอทำจบไปอีกหนึ่งเรื่อง
…………………………………………………….
[1] ในสายตาคนรักแลเห็นไซซี เป็นสำนวนจีนเปรียบเปรยว่า เมื่อรักใครแล้ว ในสายตาเราจะรู้สึกว่าเขาดูดีไปหมดเหมือนได้เห็นไซซี (หนึ่งในสี่หญิงงามแห่งแผ่นดินจีน)