แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 1821 ยังไม่เวียนหัวจนตาบอด บทที่ 1822 ปากไม่ตรงกับใจ
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 1821 ยังไม่เวียนหัวจนตาบอด บทที่ 1822 ปากไม่ตรงกับใจ
บทที่ 1821 ยังไม่เวียนหัวจนตาบอด
ชีซิงที่นิ่งเงียบมาตั้งแต่ต้น จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พูดออกมาสักคำ
เยี่ยมู่ฝานโกรธจนควันออกหู “ไอ้เด็กเหลือขอนี่ ดอกฟ้ากับหมาวัดชัดๆ ใครใช้ให้มันกล้ามาขอน้องสาวฉันแต่งงานวะ! หวันหวั่น แกก็อย่าวู่วามคิดไม่ตกไปตอบตกลงมันละ!”
ใบหน้าของเยี่ยหวันหวั่นเข้มขึ้น “ถ้างั้นฉันต้องคิดไม่ตกขนาดไหนล่ะ?”
เยี่ยมู่ฝานพึมพำ “หวันหวั่น แกอย่าตอบตกลงนะ ผู้หญิงมักจะเวียนหัวได้ง่ายมากๆ ในสถานการณ์แบบนี้…”
“ฉันไม่ได้เวียนหัวจนถึงขั้นตาบอดนะ” เยี่ยหวันหวั่นตอบ
แม้เขาจะรู้ว่าน้องสาวมีความคิดเป็นของตัวเอง และไม่ตอบตกลงกู้เยว่เจ๋อแน่นอน แต่เยี่ยมู่ฝานก็อดที่จะกังวลไม่ได้
จะโทษว่าเขาคิดมากก็ไม่ได้ เพราะตั้งแต่เยี่ยหวันหวั่นกลับประเทศมาก็ยังไม่ได้เจอกับแฟนหนุ่มเลย ซือเยี่ยหานไม่เคยปรากฏตัว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคำตอบ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะกังวลถึงความสัมพันธ์ของน้องสาว
เขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่า น้องเขยของเขา…คือซือเยี่ยหานจริงๆ เหรอ…
แน่นอนว่า ดูจากอารมณ์ของน้องสาวแล้ว เขาก็ไม่กล้าถาม
ในเวลานี้ นักข่าวทุกคนต่างก็เฝ้ารอ แสงแฟลชของกล้องถ่ายภาพดังๆ หยุดๆ เป็นระยะๆ
นักข่าวทุกคนต่างก็ตื่นเต้นกับการแสดงออกทางสีหน้าของเยี่ยหวันหวั่น และพยายามจะจับภาพนางเอกที่ดูประหลาดใจ เกิดความตื้นตันจนกระทั่งกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
หลังจากรอมาเนิ่นนาน ในที่สุดก็รอจนถึงสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้ว หญิงสาวคงจะตื่นเต้นมาก
เยี่ยหวันหวั่นแทบจะอดรนทนไม่ไหวแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่ากู้เยว่เจ๋อจะทำ ‘เซอร์ไพรส์’ ให้เธอโดยการปิดกั้นเธอไว้ในห้องประชุมโกลด์ ทำให้เธอหลีกเลี่ยงไม่ได้ ราวกับโดนผลักโดยไม่ทันตั้งตัว
กู้เยว่เจ๋อมองไปยังหญิงสาวที่ปลายพรมแดง เห็นเยี่ยหวันหวั่นในชุดสูทสีดำตัวเล็กที่ดูสะอาดเรียบร้อย แม้ว่าจะดูดี แต่…เขาก็คิดว่าสำหรับงานในวันนี้ อย่างน้อยเธอก็ควรสวมชุดเดรสสีสันสดใสแบบงานรื่นเริงบ้าง
แต่ก็ ช่างเถอะ ยังดีที่หญิงสาวมีผิวขาวราวหิมะ ชุดนี้จึงดึงจุดเด่นของเธอออกมา ทำให้รูปลักษณ์ของเธอแลดูงดงามขึ้นไปอีก
ท่ามกลางสายตาของทุกคน เยี่ยหวันหวั่นก้าวขึ้นไปบนพรมกุหลาบสีแดง สายตามองไปข้างหน้าอย่างมั่นคง พร้อมลุยทันที
อย่างไรก็ตาม สีหน้าเฉยเมยของเยี่ยหวันหวั่นในสายตาของกู้เยว่เจ๋อนั้น ดูเหมือนเธอจะตกตะลึงด้วยความดีใจ…
กู้เยว่เจ๋อมองดูหญิงสาวอย่างตั้งใจด้วยความเสน่หา และเอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “หวันหวั่น ฉันรู้ว่าเธอรอเวลานี้มานานมากแล้ว ฉันขอโทษที่ยืดเยื้อ ทำให้เธอรอฉันมาเนิ่นนาน ช่วงเวลาที่ผ่านมาทำให้ฉันรู้แล้วว่า แท้จริงแล้วคนที่ฉันรักมากที่สุด และคนที่รักฉันมากที่สุด เขาอยู่ข้างๆ ฉันมาตลอด!”
บนโต๊ะคริสตัล กู้เยว่เจ๋อหยิบกล่องกำมะหยี่สีดำจากพนักงาน และเปิดออกเผยให้เห็นแหวนเพชรเม็ดเท่าไข่นกพิราบ “หวันหวั่น แต่งงานกับฉันนะ!”
แต่งงานกับฉันนะ…
คำนี้ดังก้องไปทั่วทั้งห้องโถงโรงแรม และมีเสียงเชียร์ดังสนั่นตามมา
“แต่งเลย แต่งเลย”
“พระเจ้า น่าอิจจฉาที่สุดเลย! เยี่ยหวันหวั่นโชคดีจริงๆ!”
ขณะที่ทุกคนกำลังโห่ร้อง ทันใดนั้นก็มีเสียงด่าสาปแช่งอย่างรุนแรงจากผู้หญิงดังขึ้น “เยี่ยหวันหวั่น เธอมันเป็นมือที่สาม!”
สื่อและนักข่าวทั้งหมดต่างมองหน้ากันแล้วหันไปยังต้นตอของเสียง จึงเห็นว่าคนที่มาก็คืออดีตคู่หมั้นของกู้เยว่เจ๋อ และเป็นอดีตผู้อำนวยการฝ่ายดูแลนักแสดงของหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเมนต์!
“ว้าว! มีอะไรน่าสนุกให้ดูแล้วสิ! เยี่ยอีอีมาแล้ว!”
“ผู้หญิงสองแย่งผู้ชายคนเดียวกัน!”
—————————————————————————-
บทที่ 1822 ปากไม่ตรงกับใจ
แววตาของเยี่ยอีอีเต็มไปด้วยความอ้างว้างอย่างบ้าคลั่ง และรีบพุ่งเข้าไปหาเยี่ยหวันหวั่นเหมือนกับคนบ้าสติหลุด
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทันได้เข้าใกล้เยี่ยหวันหวั่นในสามก้าว ก็ถูกชีซิงเข้ามาขวางไว้
ทุกคนยังไม่ทันมองให้ชัด ก็เห็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าเย็นชายืนอยู่เบื้องหน้าของเยี่ยหวันหวั่นแล้ว
ชีซิงไม่ได้แตะต้องเธอเลยสักนิด แต่เยี่ยอีอีกลับล้มลงไปนั่งกับพื้นพร้อมน้ำตานองหน้า “หวันหวั่น…ทำไม…ทำไมเธอทำกับฉันแบบนี้… ฉันรู้ว่าพ่อแม่ฉันทำผิด…แต่ว่า…มันเกี่ยวอะไรกับฉัน…ฉันไม่รู้…ฉันไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย…
ตอนนี้ฉันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ฉันมีแค่เยว่เจ๋อคนเดียว ทำไม…ทำไมแม้แต่เยว่เจ๋อเธอก็ต้องแย่งไปด้วย…”
“เฮ้ย เธอพูดบ้าอะไร พี่เยี่ยไปแย่งแฟนเธอตอนไหน!” เป่ยโต่วถามด้วยความโกรธเคือง
อย่างไรก็ตาม น้ำเสียงแข็งกร้าวของเป่ยโต่วก็ยิ่งทำให้เยี่ยอีอีดูน่าสงสารมากขึ้น เธอก้าวถอยหลังไปด้วยความตื่นตระหนก เสื้อผ้าชุดคลุมหลุดรุ่ยออกมาโดยไม่ตั้งใจ เผยให้เห็นร่องรอยฟกช้ำ “หวันหวั่น แม้ว่าเธอจะเคยหมั้นกับเยว่เจ๋อในตอนแรก และเลิกกันทีหลัง ดังนั้นฉันถึงได้อยู่กับเยว่เจ๋อ เราอยู่ด้วยกันอย่างเปิดเผย ฉันไม่เคยทำอะไรผิดต่อเธอเลยสักนิด
พอถึงตอนนี้ ฉันกำลังจะได้แต่งงานกับเยว่เจ๋ออยู่แล้ว แต่เธอกลับใช้อำนาจมากลั่นแกล้งมาแทรกแซงฉัน หลังจากเหตุการณ์นั้น…เธอยังให้นักเลงหัวไม้มาข่มขู่ฉัน บีบบังคับให้เยว่เจ๋อถอนหมั้นฉัน!
หวันหวั่น ถึงฉันจะไม่ใช่คนตระกูลเยี่ย แต่เราก็เคยเป็นพี่น้องกันมาหลายปี ทำไมเธอถึง…ถึงได้ทำกับฉันแบบนี้…”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เยี่ยอีอีก็ร้องไห้ออกมา “ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว ทำไมแม้แต่สิ่งสุดท้ายในชีวิตของฉัน เธอยังแย่งเอาไป…”
พอได้ฟังคำพูดของเยี่ยอีอี และเห็นเธอโศกเศร้าและเสียใจอย่างสุดแสน บรรดานักข่าวต่างก็พากันโวยวายและนึกเห็นอกเห็นใจอยู่ไม่น้อย
“เชี่ย! คิดไม่ถึงเลยนะ ว่าเยี่ยหวันหวั่นจะอำมหิตถึงขนาดนี้! เยี่ยอีอีเป็นถึงขนาดนี้แล้วก็ยังไม่ยอมปล่อยเธอไป เพื่อที่จะได้แต่งกับกู้เยว่เจ๋อ ถึงขั้นให้พวกนักเลงไปบีบบังคับให้เธอถอนหมั้นเลยเหรอ!”
“ใช่ ไม่ว่าเยี่ยอีอีจะเคยทำอะไรมา แต่เธอกับกู้เยว่เจ๋อก็หมั้นหมายกันจริง แต่ตอนนี้เยี่ยหวันหวั่นกลับเข้ามาแทรก นี่ไม่เรียกว่ามือที่สามหรอกเหรอ?”
“หึๆ ทำทุกวิถีทางที่จะส่งพ่อแม่เขาเข้าคุก แล้วยังบังคับให้เขาถอนหมั้นแย่งแฟนเขาไป ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวจริงๆ!”
เยี่ยอีอีร้องไห้เสียใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้ยินการสนทนารอบๆ ตัว “หวันหวั่น ได้โปรด ฉันขอร้อง ฉันไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ฉันขอแค่เธอคืนเยว่เจ๋อให้ฉันได้ไหม…”
พอเยี่ยอีอีพูดจบ ก็เผยประกายเย็นวาบในแววตาของเธอ
หึ เยี่ยหวันหวั่น ถ้าแกทำให้ฉันไม่มีความสุข แกก็อย่าหวังจะมีความสุข ถ้าเป็นแบบนี้ ถึงแม้แกจะได้กู้เยว่เจ๋อไป แต่ก็จะถูกทุกคนทอดทิ้ง ถูกตราหน้าว่าเป็นมือที่สาม และถูกคนทั้งโลกประณามไปตลอดชาติ
เยี่ยหวันหวั่นกอดอก มองดูเยี่ยอีอีแสดงละครด้วยสายตาเย็นชา ราวกับว่าเธอเป็นหญิงสาวที่ไร้เดียงสาและน่าสงสารที่สุดในโลก
แม้กู้เยว่เจ๋อจะอารมณ์เสียเล็กน้อยกับการมาขัดจังหวะของเยี่ยอีอี แต่เรื่องที่ผู้หญิงสองคนทะเลาะกันเพราะหึงหวงตัวเอง ก็สนองตัณหาจนเขารู้สึกพึงพอใจ
โดยเฉพาะเมื่อได้ยินเยี่ยอีอีพูดว่า เยี่ยหวันหวั่นหาพวกนักเลงไปบังคับให้เธอถอนหมั้น
หึ ผู้หญิงนี่ ปากไม่ตรงกับใจจริงๆ!
กู้เยว่เจ๋อถอนหายใจ และแกล้งทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ “อีอี เธออย่ากล่าวหาหวันหวั่นแบบนี้ ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ฉันขอโทษแทนเขา ถ้าเธออยากจะโทษใครสักคนก็โทษฉันเถอะ”
…………………………………..