แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 1847 ไม่เคยทำมาก่อน บทที่ 1848 พี่ใหญ่เป็นคนบอก
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 1847 ไม่เคยทำมาก่อน บทที่ 1848 พี่ใหญ่เป็นคนบอก
บทที่ 1847 ไม่เคยทำมาก่อน
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสืออีที่กำลังสติแตก แต่ซือเยี่ยหานกลับไม่โกรธแม้แต่น้อย ทำเพียงมองสืออีอย่างเงียบๆ
“ซือเยี่ยหาน ดูแล้วนายไม่มีความเป็นมนุษย์เลยจริงๆ” ไม่นาน สืออีก็นั่งลงอีกครั้งและหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน
ตอนนี้คิ้วของเยี่ยหวันหวั่นก็ขมวดเล็กน้อย ตอนที่เธอยังอยู่ในประเทศจีน เยี่ยหวันหวั่นมักจะออกไปเที่ยวเล่นด้วยกันกับสืออี และเจ้าติดอ่างเฟิงเสวียนอี้ ตอนนั้นที่เธอคุยกับสืออี ก็เคยได้ยินสืออีพูดถึงแฟนสาวที่ชื่อว่าหลินอวิ๋น
นอกจากนี้ ในการแข่งขันคัดเลือกหัวหน้าบอดี้การ์ดลับของตระกูลซือ หยวนเซิงที่ได้รับการฝึกฝนโดยฉินรั่วซี ตอนที่เขาต่อสู้กับสืออีก็จงใจเอาการตายของหลินอวิ๋นมาเยาะเย้ยว่าสืออีเป็นคนไร้น้ำยา ทำให้จิตใจของสืออีในเวลานั้นแตกสลาย และเกือบตายด้วยน้ำมือของหยวนเซิง
สืออีเคยพูดว่าเป็นเพราะตัวเองไร้ความสามารถ จึงไม่สามารถรักษาชีวิตของคนรักเอาไว้ได้ ทำให้หลินอวิ๋นตายอย่างน่าอนาถ แต่เยี่ยหวันหวั่นนึกมาตลอดว่าหลินอวิ๋นกระโดดน้ำตายที่ทะเลสาบ เพราะโดนคนเมากระทำทารุณ… แต่พอถึงวันนี้ สืออีกลับบอกว่าเขาตายด้วยน้ำมือของซือเยี่ยหาน ตกลงแล้วนี่มันเรื่องอะไรกันแน่…
สืออีเห็นเยี่ยหวันหวั่นมีท่าทางงุนงง จึงเอ่ยขึ้นอย่างไร้อารมณ์ว่า “เยี่ยหวันหวั่น ผมจำได้ว่าเคยบอกคุณว่า…แฟนสาวที่เห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ ของผมถูกคนเมาแทงตาย ส่วนผม… ที่กลัวมากๆ ก็ทิ้งแฟนแล้ววิ่งหนีไป…สุดท้ายหลินอวิ๋นก็กระโดดทะเลสาบฆ่าตัวตาย…ที่จริงแล้วนี่เป็นเรื่องราวที่ผมแต่งขึ้น เรื่องจริงก็คือซือเยี่ยหานรู้แล้วว่าผมและแฟนอาศัยอยู่ที่ไหน ซือเยี่ยหานจึงสั่งให้คนไปจับผม แต่โชคดีที่ผมไม่อยู่บ้าน ในบ้านมีแค่แฟนผมอยู่คนเดียว… คนพวกนั้นบังคับให้หลินอวิ๋นบอกข่าวคราวของผม แต่หลินอวิ๋นไม่ยอม พวกเขาก็เลยฆ่าหลินอวิ๋นทิ้ง…”
เยี่ยหวันหวั่นจมอยู่ในความเงียบ
“เป็นยังไง เรื่องนี้กับเรื่องที่ผมแต่งขึ้น คล้ายกันมากใช่ไหม…สุดท้ายแล้ว แฟนผมก็ตายเพราะผม… แค่ความจริงมันโหดร้ายกว่านั้นอีก เรื่องที่แต่งคือแฟนผมโดนคนเมาเหล้าขืนใจ เธอเลยฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดทะเลสาบ แต่เรื่องจริงคือ…คือพี่น้องของผมเองที่เป็นคนฆ่าแฟนผมตาย”
ตอนนี้ ไม่มีคำพูดใดๆ ออกจากปากของเยี่ยหวันหวั่น แต่ใจของหญิงสาวนั้นรู้ดีว่า ซือเยี่ยหานไม่มีวันทำเรื่องแบบนี้เด็ดขาด
แต่พอได้เห็นสืออีในวันนี้ คำพูดทุกคำดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องหลอกลวงเลย… เรื่องนี้ต้องมีความลับอันใหญ่หลวงซ่อนอยู่
“เป็นไง เจ้าเก้า จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ” ไม่นาน สายตาของสืออีก็จับจ้องไปที่ซือเยี่ยหาน
ซือเยี่ยหานพูดด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก “ในเมื่อฉันไม่เคยทำ ทำไมต้องพูด”
เมื่อได้ยินซือเยี่ยหานตอบแบบนั้น ดวงตาของสืออีก็เบิกกว้างด้วยความโกรธแค้น “ซือเยี่ยหาน ฉันประเมินนายสูงเกินไป ดูแล้วนายมันไม่ใช่ลูกผู้ชายด้วยซ้ำ กล้าทำแต่ไม่กล้ารับเหรอวะ”
“คุณชายเจ็ด…เรื่องนี้จะต้องมีการเข้าใจผิดกันแน่ๆ ถ้ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริง ผมต้องรู้อย่างแน่นอน…” สวี่อี้ที่อยู่ข้างๆ รีบพูดขึ้นทันที
แม้ว่าซือเยี่ยหานจะโหดเหี้ยม แต่เขาก็ไม่เคยทำเรื่องแบบนี้เด็ดขาด!
ให้คนไปฆ่าสืออีบ้างล่ะ ฆ่าแฟนของสืออีตายบ้างล่ะ นี่มันเรื่องเหลวไหลทั้งนั้น!
พูดตามเหตุผล หากคุณชายเก้าทำเรื่องแบบนี้จริงๆ เขาจะต้องยอมรับอย่างเปิดเผยแน่นอน
“ฮ่าๆ น้องสืออี ฉันเป็นคนนอก ที่จริงแล้วเรื่องในตระกูลซือของพวกนายก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันสักนิด แต่ขอถามอย่างไม่ลำเอียงอะไรทั้งนั้นนะ ฉันแค่อยากรู้ว่าเรื่องนี้ใครเป็นคนบอกนายเหรอ” ทันใดนั้นผู้อาวุโสใหญ่ที่ดูเรื่องสนุกนี้มาตลอดก็ถามขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ย่อมมีคนบอกผมแน่นอน” สืออีตอบ
“ใครกัน สะดวกบอกไหม” เยี่ยหวันหวันมองหน้าสืออีแล้วถามขึ้น
————————————————————
บทที่ 1848 พี่ใหญ่เป็นคนบอก
“ก็ได้ ผมจะบอกพวกคุณก็ได้ ไม่มีปัญหาอะไรหรอก เรื่องทั้งหมดนี้พี่ใหญ่เป็นคนบอกผมเอง” สืออีตอบ
เมื่อสิ้นเสียงของสืออี สีหน้าของสวี่อี้ก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป พี่ใหญ่ของตระกูลซือ ซือป๋ออี้…
พอได้ยินว่าเป็นพี่ใหญ่ของตระกูลซือ ซือป๋ออี้เป็นคนพูด ซือเยี่ยหานก็มีท่าทางราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“คุณชายเจ็ด…คำพูดของคุณชายใหญ่ห้ามเชื่อถือเป็นอันขาด!” สวี่อี้มองสืออีแล้วรีบพูด “คุณชายสอง …คุณชายสาม…และคุณชายแปด พวกเขาต่างก็ฟังคำยุแยงจากคุณชายใหญ่ ถึงได้รวมหัวกันคิดจะฆ่าคุณชายเก้า!”
โดยปกติตอนที่ซือป๋ออี้อยู่ในบ้านตระกูลซือ แม้ว่าเขาจะไม่เคยคุกคามซือเยี่ยหานก็ตาม แต่เขานั้นปากร้ายมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพี่น้องของซือเยี่ยหาน แม้แต่ซือเซี่ยที่เป็นลูกชายของซือป๋ออี้เอง ซือป๋ออี้ก็ไม่ได้ยั่วยุน้อยๆ เลย
“อ้อ สวี่อี้ นายจะบอกว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของพี่ใหญ่ซือป๋ออี้งั้นเหรอ แล้วจากนั้นก็โยนความผิดให้นายเก้า แบบนี้ใช่มั้ย” สืออีมองสวี่อี้แล้วถาม
เมื่อได้ยินสืออีพูดแบบนั้น สวี่อี้ก็รีบส่ายหน้าไม่หยุด “ไม่…ไม่ใช่ครับ ผมไม่ได้พูดว่าคุณชายใหญ่เป็นคนทำ แต่ที่คุณชายใหญ่ชอบพูดจายุแยงตะแคงรั่ว มันเป็นเรื่องจริง”
สวี่อี้คิดมาโดยตลอดว่าเบื้องหลังของสืออี น่าจะมีกองกำลังขนาดใหญ่คอยสนับสนุนเขา และคอยช่วยเขาวางแผน แต่ใครจะไปคิดว่าสิ่งที่เรียกว่าพลังอันยิ่งใหญ่นี้ แท้จริงแล้วก็คือซือป้าอี้…ดูท่าเขาจะคิดมากเกินไปจริงๆ…
ซือป๋ออี้ที่โดยปกติแล้ว นอกจากเรื่องปากไม่ดี ก็ไม่ทำเรื่องใดๆ ที่เป็นภัยคุกคามต่อซือเยี่ยหานเลย นี่ก็เป็นเหตุผลที่ซือเยี่ยหานไม่เคยแตะต้องซือป๋ออี้
“สืออี นายคิดดูดีๆ แม้แต่พี่ใหญ่ซือป๋ออี้ คุณเก้าก็ยังไม่สะกิดใจ แล้วเขาจะมีความคิดทำร้ายนายได้ไง มันสมเหตุสมผลไหม” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยถาม
“เฮอะ…นี่มันก็แค่คำแก้ตัวของพวกคุณไง” สืออี้ยิ้มเยาะ
ยังไม่ทันให้เยี่ยหวันหวั่นได้พูดอะไรต่อ ซือเยี่ยหานก็พูดแทรกขึ้น “จำเป็นด้วยเหรอ”
“เจ้าเก้า นายพูดแบบนี้หมายความว่าไง” สืออีมองไปยังซือเยี่ยหาน
ซือเยี่ยหานเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “นายบอกว่าฉันแอบสืบหาที่อยู่ของนายมาตลอด มิหนำซ้ำยังฆ่าแฟนนายด้วย”
“ถูกต้อง” สืออีมองซือเยี่ยหานอย่างโกรธเคือง
“ในตอนนั้น” ซือเยี่ยหานมองสืออี “ฉันคงจะหานายพบแล้ว”
เมื่อซือเยี่ยหานพูดจบ สืออีก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ถ้าฉันคิดจะฆ่านายจริงๆ ตอนนี้นายก็น่าจะถูกเผาจนเป็นขี้เถ้าไปแล้ว” ซือเยี่ยหานตอบสั้นๆ และตรงประเด็น
“ผมจะบอกให้นะพี่เจ็ด ทำไมพี่ประมาทเลินเล่อถึงขนาดนี้ กองกำลังของพี่เก้า ได้ควบคุมทั้งภายในและภายนอกของบ้านตระกูลซือไว้หมดแล้ว…พี่ยังคิดว่าพี่เก้ากลัวพี่ก็เลยไม่กล้ายอมรับอยู่อีกเหรอ ถ้าไม่เชื่อพี่ก็ออกไปดูเองเถอะ” หลินเชวียกล่าว
ฟังจบ สืออีก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
โทรศัพท์มือถือได้เชื่อมต่อกับกล้องวงจรปิดทั้งภายในและภายนอกของบ้านตระกูลซือไว้ทั้งหมด
ดังนั้นในขณะนี้ทั้งในและนอกบ้านของตระกูลซือ ถูกครอบครองโดยกองกำลังไม่ทราบที่มา ส่วนผู้บริหารระดับสูงของตระกูลซือก็ถูกควบคุมตัวไว้แล้ว มีเพียงฉินรั่วซีเท่านั้นที่หลบหนีไปยังที่ไหนสักแห่ง
“เป็นไง” ซือเยี่ยหานถามเบาๆ
“ซือเยี่ยหาน…” สืออีจ้องซือเยี่ยหานด้วยแววตาเยือกเย็น
“พี่เจ็ด ตอนนี้พี่น่าจะเปลี่ยนวิธีคิดได้แล้ว ตอนนี้ตระกูลซือถูกพี่เก้าควบคุมไว้ทั้งหมดแล้ว หากเป็นอย่างที่พี่พูดว่าพี่เก้าตามไล่ฆ่าพี่มาตลอด ตอนนี้ก็น่าจะลงมือไปแล้ว ไม่ต้องมาพูดไร้สาระให้มากความกับพี่อย่างนี้หรอกนะ?” หลินเชวียกล่าว
สืออีขมวดคิ้วแน่น แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ช้าๆ จากนั้นก็ดื่มไวน์รวดเดียวหมดแก้ว
ก่อนหน้านี้ที่ซือเยี่ยหานไม่กล้ายอมรับ สืออีก็คิดว่าเป็นเพราะซือเยี่ยหานกลัวเขา…อย่างไรเสียตอนนี้ตระกูลซือก็อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาแล้ว…แต่ตอนนี้ หากซือเยี่ยหานต้องการฆ่าเขาก็คงง่ายดายมาก…ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดซือเยี่ยหานจึงไม่ลงมือ และไม่ยอมรับสิ่งที่เขาเคยทำมาทั้งหมดด้วย