แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 457 พูดจี้จุดยั่วยุ บทที่ 458 ถ้าผมชนะ
บทที่ 457 พูดจี้จุดยั่วยุ / บทที่ 458 ถ้าผมชนะ
Ink Stone_Romance
บทที่ 457 พูดจี้จุดยั่วยุ
ท่าทางของซวี่หมิงครั้งนี้ เรียกได้ว่าอวดดี
แต่ว่า เขาก็มีคุณสมบัติให้อวดดีจริงๆ ฐานะที่บ้านดี ความสามารถของตัวเองก็ไม่ด้อย
แม้ว่าทักษะการแสดงเล็กๆ น้อยๆ ของเขาเทียบกับนักแสดงเก๋าๆ พวกนั้นแล้วยังห่างชั้น แต่คนย่อมมาจากการเปรียบเทียบ ทักษะการแสดงของซวี่หมิง ในบรรดาไอดอลเด็กน้อยก็นับว่าดีไม่น้อยแล้ว
เช่นตัวอย่างแย่ๆ ฉบับคลาสสิกอย่างกงซวี่ แม้จะอาศัยความหน้าตาดีและทรัพยากรระดับท็อปทำให้เขาดังปรอทแตก ทว่าเรื่องทักษะการแสดงย่ำแย่เสียจนทนมองไม่ได้ ละครเรื่องหนึ่งมีแค่สีหน้าเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ แม้แต่บทพูดก็ไม่จำ เวลาต่อบทพูดแค่หนึ่งสองสามสี่ห้าหก แล้วให้นักแสดงพากย์เสียงพากย์ทับทีหลัง ทั้งตัดต่อภาพใช้ตัวแสดงแทนข่าวฉาวต่างๆ ทุกอย่างเกิดขึ้นบ่อยจนกลายเป็นเรื่องธรรมดา
เพราะฉะนั้น ซวี่หมิงที่มีชื่อเสียงโด่งดังแบบนี้ มีผู้ลงทุนคอยสนับสนุน มีฝีมือการแสดงพอไปวัดไปวา ก็พูดได้ว่าน่าชื่นชมกับสิ่งที่หาได้ยากยิ่งแบบนี้แล้ว
ไม่แปลกที่ชาติก่อนเขาได้รับบทหลินลั่วเฉินนี้ไป
หากผู้กำกับเป็นคนอื่น บางทีเยี่ยหวันหวั่นอาจไม่กล้าเดิมพันแย่งบทนี้กับซวี่หมิง แต่ว่า ผู้กำกับในครั้งนี้คือซ่งจินหลิน ซ่งจินหลินที่สร้าง ‘มังกรผงาด’ ภาคสองเพื่อทำตามคำสั่งเสียของหลินจง
สำหรับเขาแล้ว หลักการที่สำคัญมากกว่าการเป็นนักแสดงชุดเดิม สำคัญกว่าผู้ลงทุน และสำคัญกว่าอะไรทั้งหมดคือทักษะการแสดงของนักแสดง รวมถึงความเข้าใจในตัวละครด้วย
ชาติก่อน ซวี่หมิงอาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้วสำหรับซ่งจินหลิน
แต่ว่า หากมีตัวเลือกที่เหมาะสมมากกว่าซวี่หมิงล่ะ…
กระแสที่เธอช่วยลั่วเฉินสร้างขึ้นก่อนหน้านี้เป็นเพียงบัตรเข้างานเท่านั้น ตอนนี้สิถึงจะเป็นสนามรบที่แท้จริงของลั่วเฉิน
เผชิญหน้ากับการเสียดสีและดูแคลนจากผู้คน เยี่ยหวันหวั่นยกมุมปาก เอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้าน “พูดถึงชื่อเสียง พูดถึงเบื้องหลัง พูดถึงฐานะ ลั่วเฉินสู้ซวี่หมิงไม่ได้จริงๆ สู้ใครที่นี่ไม่ได้แม้แต่คนเดียวด้วยซ้ำ
แต่ไหนๆ วันนี้ก็เป็นวันทดสอบหน้ากล้อง ผมเลยคิดว่ามาตรฐานการตัดสินควรมีเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือฝีมือการแสดง
เท่าที่ฟังจากคำพูดของคุณซวี่เมื่อกี้ เหมือนคุณจะเข้าใจผิดเรื่องความสามารถในการแสดงของนักแสดงในสังกัดผม ถ้าอย่างนั้น วันนี้เกรงว่าจะทำให้ทุกคนผิดหวังซะแล้ว ถ้าไม่มีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไร อาศัยแค่ฝีมือการแสดง ก็ไม่มีใครแสดงบทหลินลั่วเฉินแทนลั่วเฉินได้!”
คำพูดของเยี่ยหวันหวั่นนำมาซึ่งความฮือฮาทันที
“แม่เจ้า! คนคนนี้กล้าพูดจริงๆ ไม่มีใครแสดงบทหลินลั่วเฉินแทนลั่วเฉินได้? พูดจาใหญ่โตไม่ระวังปากบ้างเล”
“ผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่คนนี้อวดดีเกินไปแล้ว”
“ฉันว่าไม่มีสมองมากกว่ามั้ง ในสถานการณ์อย่างวันนี้ ยังกล้าพูดแบบนี้ออกมาพล่อยๆ หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ”
ซวี่หมิงได้ยินดังนั้น ใบหน้าพลันถมึงทึง ผู้จัดการอู๋เจิ้งเฟยที่อยู่ด้านข้างมองคนอาชีพเดียวกัน ยิ้มแหยเอ่ยว่า “อะแฮ่ม ผู้จัดการเยี่ย พูดจาอะไรอย่าเต็มปากเต็มคำนักเลยครับ เดี๋ยวหน้าแตกขึ้นมาจะดูไม่ได้เอานะครับ”
เยี่ยหวันหวั่นยกมือทั้งสองแบออก “ไม่อย่างนั้น ไลฟ์สดการทดสอบหน้ากล้องดีไหม?”
อู๋เจิ้งเฟยได้ยินดังนั้นพลันขมวดคิ้ว
เยี่ยหวันหวั่นไม่สนใจอู๋เจิ้งเฟย หันไปพูดกับซวี่หมิงที่ยืนอยู่ข้างเขา “ทำไม? ไม่กล้าเหรอครับ”
เมื่อได้ยินคำพูดเยี่ยหวันหวั่น เสียงฮือฮาดังขึ้นทันที
“โอ้โห บ้าไปแล้วแน่ๆ กล้าขอให้ไลฟ์สดการทดสอบหน้ากล้อง กลัวจะขายหน้าไม่พอหรือไง?”
“พวกนายจะไปรู้อะไร แผนของเยี่ยไป๋คนนี้ สามารถยัดนักแสดงที่หมดยุคไปแล้วเข้ามาทดสอบหน้ากล้องได้ ฝีมือไม่ใช่เล่นๆ อยู่แล้ว นี่มันตั้งใจจะเกาะกระแสความดังของซวี่หมิงชัดๆ”
“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้ รู้อยู่แล้วว่าต้องแพ้ ยังคิดจะฉวยโอกาสเกาะกระแส น่าไม่อายจริงๆ”
ขณะที่ทุกคนกำลังวิพากษ์วิจารณ์ พวกผู้กำกับ รองผู้กำกับ และโปรดิวเซอร์ก็เดินตามกันเข้ามา ตอนที่พวกเขาเข้ามาก็ได้ยินบทสนทนาของเยี่ยหวันหวั่นกับซวี่หมิงพอดี
…………………………………………………………………..
บทที่ 458 ถ้าผมชนะ
ฝีเท้าของซ่งจินหลินชะงัก หันมองผู้จัดการส่วนตัวหนุ่มที่พูดจาบ้าบิ่น
ซวี่หมิงยังหนุ่มยังแน่น ไหนเลยจะทนการยั่วยุแบบนี้ของเยี่ยหวันหวั่นได้ อีกทั้งเขายังเป็นหนุ่มไอดอลที่ถูกยกย่องว่ามีฝีมือการแสดงดีที่สุดมาตลอด จึงมั่นใจในทักษะการแสดงของตัวเองพอตัว
ด้วยเหตุนี้ ซวี่หมิงจึงเดินไปด้านหน้าซ่งจินหลิน พูดว่า “ผู้กำกับซ่ง! ผมขอให้เปิดการทดสอบหน้ากล้องเป็นสาธารณะครับ กลัวว่าเดี๋ยวจะมีคนอิจฉาตาร้อน พูดไปทั่วว่าคนอื่นอาศัยเส้นสายบารมีได้บทนี้ไป!”
“เปิดการทดสอบหน้ากล้องเป็นสาธารณะเหรอ?” ซ่งจินหลินได้ยินดังนั้น พลันมีสีหน้าประหลาดใจ
“ใช่ครับ”
“อาหมิง อย่าเหลวไหล! ไม่จำเป็นต้องไปจริงจังกับพวกตัวตลกที่เอาแต่คอยฉวยโอกาสพรรค์นี้หรอก” อู๋เจิ้งเฟยดึงซวี่หมิงเอาไว้ทันที
ซวี่หมิงกลับไม่สนใจเขา มองตรงไปยังลั่วเฉินแล้วพูด “ลั่วเฉิน กล้าพนันกับฉันไหมล่ะ?”
ลั่วเฉินค่อยๆ กำนิ้วมือที่อยู่ข้างลำตัว “พนันอะไร?”
ซวี่หมิงเอ่ยด้วยความมั่นใจ “ถ้าฉันชนะ นายต้องอัดคลิป บอกกับเพื่อนๆ บนโซเชียล บอกกับแฟนคลับภาคก่อนทุกคนว่า นาย ลั่วเฉิน ไม่เหมาะที่จะเล่นบทหลินลั่วเฉิน!”
ตอนแรกอู๋เจิ้งเฟยคิดจะห้ามปรามซวี่หมิง ทว่าได้ยินซวี่หมิงพูดเช่นนี้ ก็เกิดลังเลขึ้นมาเล็กน้อย
การถ่ายละครภาคต่อแบบนี้ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือแฟนคลับชอบนำภาคเก่าและภาคต่อมาเปรียบเทียบกัน ถ้าหากทำลายภาพลักษณ์ในใจของแฟนคลับภาคก่อนในการทดสอบหน้ากล้องวันนี้ได้ จะเป็นประโยชน์ในอนาคตสำหรับซวี่หมิงมาก
เขาสืบพื้นเพของลั่วเฉินมาก่อนแล้ว สามปีมานี้ไม่มีผลงานอะไรเลย ฟังจากพนักงานของกวงเย่า วิดีโอที่ทำให้เขาดังระเบิดขึ้นมาตอนนั้นก็ถ่ายทำกันอยู่ค่อนวันถึงจะได้ออกมา
ส่วนซวี่หมิงทางนี้ เขาใช้เงินจำนวนมากเชิญอาจารย์มาติวให้ซวี่หมิงถึงครึ่งปี ทักษะการแสดงจึงไม่ใช่สิ่งที่ไอ้หนุ่มหน้าไหนจะเทียบเคียงได้ ละครเรื่องนี้เป็นผลงานที่เขาเจาะจงเลือกให้ซวี่หมิงพัฒนาไปในทิศทางของนักแสดงคุณภาพ…
เมื่อเจอการยั่วยุของซวี่หมิง ลั่วเฉินนิ่งเงียบอยู่นาน “แล้วถ้าหากผมได้บทนี้ไปล่ะ?”
เหมือนว่าซวี่หมิงจะไม่คิดถึงความเป็นไปได้นี้เลย โพล่งหัวเราะเอ่ยว่า “ถ้านายชนะ ก็แล้วแต่นายเลย”
ครั้งนี้ แววตาของลั่วเฉินไม่หวาดหวั่นแม้แต่น้อย มองผู้จัดการส่วนตัวที่อยู่ด้านข้าง เอ่ยชัดๆ ทีละคำ “ถ้าผมชนะ ขอให้คุณอู๋ ผู้จัดการส่วนตัวของพี่ ขอโทษผู้จัดการส่วนตัวของผมในสิ่งที่เขาพูดเมื่อกี้ด้วย!”
เยี่ยหวันหวั่นยืนอยู่ด้านข้าง ตั้งใจไม่พูดสิ่งใด เพราะอยากดูว่าลั่วเฉินจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองอย่างไร แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะเสนอเงื่อนไขนี้ขึ้นมา…
อู๋เจิ้งเฟยได้ยินลั่วเฉินพูด สีหน้าพลันทะมึนลงทันที
จะอย่างไร เขาก็คลุกคลีอยู่ในวงการนี้มาเจ็ดแปดปีแล้ว จะให้เขาขอโทษคนที่เพิ่งเข้ามาอย่างนั้นเหรอ?
ซวี่หมิงยักไหล่ เอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ “ได้เลย!”
เวลานี้ ทางด้านซ่งจินหลินกำลังปรึกษากับโปรดิวเซอร์และรองผู้กำกับ
สำหรับทีมผู้กำกับ สิ่งที่เรียกกระแสได้อย่างการทดสอบหน้ากล้องแบบเปิดเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการอยู่แล้ว
ถ้าหากอาศัยการทดสอบหน้ากล้องของซวี่หมิงจุดกระแสให้แรงขึ้นอีก และได้รับการสนับสนุนจากแฟนๆ ของภาคเก่าด้วย นั่นก็เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมแน่นอน
ดังนั้น ในเมื่อลั่วเฉินล้วนไม่มีปัญหาอะไร ทีมผู้กำกับจึงตกลงรับข้อเสนอของซวี่หมิง
ไม่นานนัก ทีมผู้กำกับโพสต์ด้วยบัญชีทางการบนเวยป๋อ แจ้งให้สาธารณชนทราบว่าจะถ่ายทอดสดการทดสอบหน้ากล้องบทหลินลั่วเฉินในอีกครึ่งชั่วโมง
แม้จะเป็นการตัดสินใจอย่างกระชั้นชิด แต่โพสต์เวยป๋อนี้ก็ยังดึงดูดความสนใจของแฟนคลับและชาวเน็ตอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่เริ่มถ่ายทอดสด มีผู้ชมหลั่งไหลเข้ามาจำนวนมาก
…………………………………………………….