แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 517 ใครแอบฉวยโอกาสทำร้ายฉันหรือเปล่า บทที่ 518 จะเป็นคนธรรมดาได้ยังไง
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 517 ใครแอบฉวยโอกาสทำร้ายฉันหรือเปล่า บทที่ 518 จะเป็นคนธรรมดาได้ยังไง
บทที่ 517 ใครแอบฉวยโอกาสทำร้ายฉันหรือเปล่า / บทที่ 518 จะเป็นคนธรรมดาได้ยังไง
Ink Stone_Romance
บทที่ 517 ใครแอบฉวยโอกาสทำร้ายฉันหรือเปล่า
“เฮ้…เดี๋ยวสิ…อย่าเพิ่งไป…”
เยี่ยหวันหวั่นตะโกนไปทางที่พวกเขาวิ่งหนีไป ช่วยไม่ได้ ทางเดินโล่งโจ้งว่างเปล่า ไม่มีเสียงตอบรับ สองคนนั้นหนีหายไปนานแล้ว
ถ้าหากเธอมองไม่ผิด สองคนนั้นไม่ใช้บันไดด้วยซ้ำ กระโดดเข้าไปในสวนจากทางหน้าต่างเลย
ต้องขนาดนั้นเลยเหรอ?
มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
เยี่ยหวันหวั่นยืนงงอยู่ตรงนั้นพักใหญ่
ช่วยไม่ได้ เธอได้แต่รอให้ร่างกายปรับตัวเล็กน้อยแล้วเดินลงไปชั้นล่าง
…
เวลานี้ ห้องรับแขกเงียบวังเวง
ซือเยี่ยหานนั่งอยู่บนโซฟา ใบหน้าราวกับมีน้ำแข็งเกาะ สวี่อี้ยืนหน้าเครียดอยู่ข้างกาย บรรดาบอดี้การด์ลับและลูกน้องของสืออียืนเรียงสองแถวด้วยท่าทางขึงขัง ส่วนหลิวอิ่งและซ่งจิ้งยืนอยู่ตรงกลาง
ซ่งจิ้งยืนก้มหัวต่ำอยู่ตรงนั้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความละอายใจ “ผมทำงานไม่สำเร็จ ปกป้องคุณหนูเยี่ยไว้ไม่ได้ ยินดีรับบทลงโทษครับ!”
หลิวอิ่งเอ่ยหน้าเครียด “ไม่เกี่ยวกับซ่งจิ้ง ผมเป็นคนห้ามไม่ให้เขาเข้าไปช่วย…”
บนโซฟา ซือเยี่ยหานใช้สายตาเยียบเย็นกวาดมองทุกๆ คน ไม่ได้พูดอะไร
ความเงียบอันน่าหวาดกลัว บรรยากาศกดดันจนแทบหยุดหายใจ
เวลานี้เอง ด้านหลังพลันมีเสียงฝีเท้าที่เบามากดังขึ้น
เสียงฝีเท้าค่อยๆ ลงบันไดมา…
ไม่ง่ายเลยกว่าเยี่ยหวันหวั่นจะลงบันไดสำเร็จ จากนั้นก้มเอว ยืนหอบหายใจห่างจากทุกคนไปไม่กี่ก้าว เอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า “คือว่า…รบกวนหน่อย…”
เพียงพริบตา พวกสวี่อี้ สืออี ซ่งจิ้ง และกลุ่มบอดี้การ์ดลับในห้องรับแขกพร้อมใจกันถอยหลังจนเกิดที่ว่างกว้าง เหลือเพียงเยี่ยหวันหวั่นยืนอยู่ตรงนั้นลำพัง
สายตาทุกคู่มองเธออย่างหวาดผวา ตั้งท่าเตรียมพร้อมขั้นที่หนึ่งแล้ว สีหน้าทุกคนเหมือนกำลังเจอกับศัตรูตัวร้าย
“เอ่อ…” อีกแล้วเหรอ?
สีหน้าเยี่ยหวันหวั่นพลันไม่สบอารมณ์
คนพวกนี้เป็นอะไรไปกันแน่
ทำไมแต่ละคนพอเจอเธอก็ทำท่าแบบนี้กันไปหมด
ซ่งจิ้งรู้ตัวว่าค่าความแค้นของตัวเองเป็นรองแค่หลิวอิ่ง จึงกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก น่องขาเริ่มสั่น อาการบาดเจ็บที่หน้าอกก็คล้ายยิ่งเจ็บมากขึ้น
สีหน้าของหลิวอิ่งซีดขาวเช่นเดียวกัน…
เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองบรรดาลูกน้องที่ถอยกรูดไปไกลด้วยสีหน้าฉงน
ซ่งจิ้งหน้าบวมตาเขียวช้ำ แขนห้อยคอไว้ด้วยผ้าพันแผล สีหน้ายามมองเธอเหมือนกับสะใภ้คนเล็กที่โดนรังแก ใบหน้าของสืออีบวมไปครึ่งหนึ่ง ขาถูกดามเอาไว้ บนศีรษะของสวี่อี้มีผ้าพันแผลพัน หลิวอิ่งยิ่งน่าอนาถกว่า มีผ้าพันแผลเต็มตัวจนเหมือนมัมมี่ เหมือนว่าจะมีบาดแผลเล็กใหญ่กันแทบทุกคน…
เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้ว “เอ๋ พวกนายเป็นอะไรไป?”
พูดจบก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เอ่ยว่า “หรือว่าเมื่อคืนพวกนายพยายามจะช่วยฉันจากไอ้ชั่วพวกนั้น ก็เลยบาดเจ็บกัน”
สีหน้าทุกคนต่างอึ้งงัน
เห็นสีหน้าประหลาดของทุกคน ก็เดาได้ว่าเรื่องราวไม่น่าจะใช่แบบนั้น แต่ไม่มีใครบอกเธอว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เยี่ยหวันหวั่นยิ่งนึกสงสัย เดินพึมพำไปหาซือเยี่ยหานตรงโซฟา
เยี่ยหวันหวั่นอ้อนด้วยน้ำเสียงน่าสงสารพลางกุมแขนตัวเองเอ่ยฟ้องว่า “คุณเก้า ทำไมฉันปวดไปทั้งตัว ปวดมากเลยค่ะ เมื่อคืนพวกเขามีใครฉวยโอกาสทำร้ายฉันหรือเปล่า?”
สืออี สวี่อี้ ซ่งจิ้ง หลิวอิ่ง และพวกบอดี้การ์ดลับตาโตอ้าปากค้าง
คุณผู้หญิงครับ คุณพูดจริงหรือเปล่าครับเนี่ย?
พวกเราเนี่ยนะ…ทำร้ายคุณ?
เหมือนหิมะตกในเดือนมิถุนายน[1]ชัดๆ อยุติธรรมยิ่งกว่าที่โต้วเอ่อ[2]ได้รับเสียอีก…
…………………………………………………………..
บทที่ 518 จะเป็นคนธรรมดาได้ยังไง
เดิมทีใบหน้าของซือเยี่ยหานยังมีความโกรธอยู่บางๆ แต่พอได้ยินคำนี้พลันขมวดคิ้ว “เจ็บตรงไหน?”
เมื่อครู่นี้เยี่ยหวันหวั่นเห็นว่าสีหน้าซือเยี่ยหานไม่น่ามอง จึงจงใจเล่นบทสำออย เมื่อเห็นว่าได้ผลก็รีบเขยิบเข้าไปใกล้ๆ “เจ็บไปหมดเลยค่ะ! กล้ามเนื้อทั้งเจ็บทั้งปวด! กระดูกก็เหมือนถูกหักแล้วกระแทกซ้ำ! แล้วก็ตรงนี้…เป็นแผลด้วย…”
เยี่ยหวันหวั่นยื่นนิ้วออกมา หนังบริเวณเล็บบนนิ้วมือถลอกเล็กน้อย
ช่างเป็น…แผลที่ใหญ่มากจริงๆ…
ทุกคนที่ถูกอัดเสียหนังเปิดเนื้อแตกตาเขียวหน้าบวมเผยความเศร้าสลดในใจออกมา…
“สวี่อี้ ไปเอากล่องพยาบาลมา” ซือเยี่ยหานสั่ง
สวี่อี้รีบลุกขึ้นไปหยิบกล่องพยาบาลในตู้มา
ซือเยี่ยหานประคองนิ้วมือของเยี่ยหวันหวั่นไว้ ช่วยเธอฆ่าเชื้อทำแผล
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยขออีกว่า “ไม่เอาแบบนี้ๆ ฉันอยากได้เป็นโบว์”
ซือเยี่ยหานเงยหน้าขึ้นเหลือบมองเธอเล็กน้อย จากนั้นนิ้วมือเรียวยาวสอดไปใต้ผ้าพันแผล และผูกเป็นโบว์สวยงามอย่างรวดเร็ว
บรรดาคนโสดในห้องที่ถูกทำร้ายจิตใจต่างเงียบงัน
ซือเยี่ยหานจ้องบริเวณข้อต่อของเยี่ยหวันหวั่นที่เป็นรอยจ้ำ สีหน้าเคร่งขรึม
ทันใดนั้นเยี่ยหวันหวั่นนึกขึ้นได้ว่าซือเยี่ยหานมีกฎว่าไม่อนุญาตให้เธอบาดเจ็บ พลันไม่กล้าเรียกร้องความสงสารมากเกินไป รีบเอ่ยว่า “ฉันคงจะเมาแล้วล้มโดยไม่ทันระวังน่ะ ไม่เป็นไรหรอก ไม่เป็นไร เป่าให้ฉันสักหน่อยก็ไม่เจ็บแล้ว”
ซือเยี่ยหานสำรวจข้อต่อบริเวณข้อศอกเธอเล็กน้อย แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “เธอไม่ได้ออกกำลังกายมานานแล้ว ตั้งแต่วันนี้ไป ฉันจะหาคนมาสอนขั้นพื้นฐานให้ ทุกวันต้องฝึกต่อเนื่อง”
ซือเยี่ยหานพูดจบก็หันมองสืออีที่อยู่ตรงข้าม “สืออี”
สืออีได้ยินซือเยี่ยหานเรียกตัวเอง ก็รีบเดินโขยกเขยกเข้าไป “ครับ!”
ซือเยี่ยหานสั่งการ “ตั้งแต่วันนี้ไป นายเป็นโค้ชให้เธอ”
“อะ…อะไรนะครับ…” สืออีทำหน้าเหวอ มองเจ้านายตัวเองอย่างอึ้งงัน เกือบจะนึกว่าตัวเองหูแว่วไปเองแล้ว
ดวงตาซือเยี่ยหานฉายประกายเย็นชา “มีปัญหางั้นเหรอ?”
ต้องมีปัญหาอยู่แล้ว!
มีปัญหามากด้วยรู้ไหม!
เขาจะมีความสามารถไปสอนคุณหนูเยี่ยหวันหวั่นได้ยังไง! ไปเป็นกระสอบทรายมนุษย์มากกว่าล่ะมั้ง?
“มะ…ไม่มีปัญหาครับ” สืออีฝืนตอบรับ
ความจริงปกติแล้วหน้าที่พวกนี้ไม่มีทางตกมาถึงมือเขาได้ ด้วยนิสัยของนายท่านน่าจะให้หลิวอิ่งจัดการถึงจะถูก แต่ว่าตอนนี้ นายท่านกลับมอบหมายงานให้เขา…
ดูท่า…เฮ้อ…
ครั้งนี้ความผิดพลาดของหลิวอิ่งหนักหนาเกินไป…
ต่อให้จะไม่ชอบเยี่ยหวันหวั่นขนาดไหน ก็ไม่ควรขัดคำสั่งนายท่านอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้
การจัดการเรื่องราวในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาใช้ความรู้สึกส่วนตัว
ที่จริงแล้วเยี่ยหวันหวั่นไม่ชอบออกกำลังกาย แต่เห็นซือเยี่ยหานจัดการให้เธอเสร็จสรรพ บวกกับนึกถึงเรื่องเมื่อคืน เธอรู้สึกว่าตัวเองจำเป็นต้องฝึกติดตัวไว้บ้าง อย่างน้อยต่อไปหากเจอเหตุการณ์แบบนี้อีกจะได้ปกป้องตัวเองได้
ดังนั้นเยี่ยหวันหวั่นจึงบอก “ถ้าอย่างนั้นก็ดีค่ะ…สืออี ต่อไปนายช่วยชี้แนะด้วยนะ รบกวนนายช่วยสอนพวกท่าป้องกันตัวสักหน่อย!”
รอยยิ้มของสืออีน่าเกลียดกว่าร้องไห้เสียอีก “ครับ…ครับ….”
คนที่ต้องการวิชาป้องกันตัวไม่ใช่เขาหรอกเหรอ
บอดี้การ์ดคนอื่นๆ ในห้องมองผู้หญิงอ่อนแอที่กลับไปอ่อนหวานเหมือนอย่างเคย สีหน้าพลันสับสน
ดูจากปฏิกิริยาของเยี่ยหวันหวั่น เหมือนว่าพอสร่างเมาก็ลืมเรื่องทุกอย่างไปแล้ว…
พอดื่มเหล้าเมาก็มีเทพสังหารสิงร่าง ฝีมือการต่อสู้สูงลิ่วงั้นหรือ? นี่มันเรื่องมหัศจรรย์อะไรกัน?
ว่าแล้วว่าพวกเขาไร้เดียงสากันเกินไป ผู้หญิงที่นายท่านชอบจะเป็นคนธรรมดาไปได้ยังไง?
……………………………………..
[1] หิมะตกในเดือนมิถุนายน เป็นสำนวนเปรียบเปรย หมายถึงเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากเดือนมิถุนายนของจีนเป็นหน้าร้อน จึงไม่สามารถมีหิมะตกได้
[2] โต้วเอ่อ เป็นตัวละครเอกในบทประพันธ์ในราชวงศ์หยวน โต้วเอ่อมีชีวิตรันทดถูกจับแต่งงานตั้งแต่ยังเด็ก และกลายเป็นแม่หม้ายเพราะสามีตาย ต่อมาเมื่อถูกอันธพาลกลั่นแกล้งใส่ร้ายว่านางวางยาพิษฆ่าคนตาย ผู้พิพากษาที่รับสินบนมาก็ตัดสินลงโทษโต้วเอ่ออย่างทารุณ