แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 571 อยู่หรือตายตามชะตาฟ้าลิขิต บทที่ 572 เลือดท่วม
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 571 อยู่หรือตายตามชะตาฟ้าลิขิต บทที่ 572 เลือดท่วม
บทที่ 571 อยู่หรือตายตามชะตาฟ้าลิขิต
คุณผู้หญิง ไว้หน้าหน่อยได้ไหม? วันนี้ผมเป็นเจ้าภาพนะ…
น่าเสียดาย ฝ่ายหญิงนิ่งไม่ยอมขยับ แสดงชัดเจนว่าคราวนี้ฉันจะสู้
สวี่อี้ไม่มีทางเลือก ได้แต่พูดด้วยสีหน้าขมขื่น “ช้าก่อน ฉันต้องขอคำปรึกษาหน่อย”
สวี่อี้เดินไปข้างๆ อย่างรวดเร็ว รีบโทรหาหัวหน้าตัวเองเพื่อขอคำแนะนำ
หลังจากมือถือดังสองครั้งก็มีคนรับสาย
สวี่อี้รีบรายงาน “ฮัลโหล คุณชาย… คุณชายเก้า…”
“มีอะไร” อีกฟากของมือถือมีเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังมา
ยังจะมีอะไรอีก! แฟนคุณก่อเรื่องแล้ว กระผมจะคุมสถานการณ์ไม่อยู่แล้วเนี่ย!
เป็นผู้ชมอยู่ดีๆ ยังก่อเรื่องวุ่นวายแบบนี้ในการแข่งขันได้ เขาจะบ้าตายแล้วรู้ไหม?
ในใจสวี่อี้กำลังคำราม แต่ภายนอกทำได้แค่ควบคุมอารมณ์ไว้ และเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบอย่างละเอียดให้เจ้านายตัวเองฟัง จากนั้นพูดเสียงสั่นเครือ “สถานการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน…ผมตัดสินใจไม่ได้จริงๆ ครับ…เลยต้องขอคำชี้แนะจากคุณ! คุณว่าตอนนี้ควรทำยังไงดี”
แฟนสาวคุณจะต่อสู้ให้ได้ ผมเกลี้ยกล่อมไม่ไหว คุณรีบจัดการเถอะ!
ผลคือผ่านความเงียบไปชั่วครู่เดียว ปลายสายก็มีเสียงเย็นชาตอบกลับมา “ได้”
อะ…อะไรนะ
ได้?
ได้นี่มีกี่ความหมายกันล่ะ!
สวี่อี้ทำหน้ามึนงง กำลังจะเปิดปากพูด ก็ได้ยินเสียงเจ้านายพูดต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ทำตามกฎท้าชิงบนสังเวียนได้”
อะไรนะ? ทำตามกฎท้าชิงบนสังเวียน?
กฎท้าชิงบนสังเวียนนั่นอยู่หรือตายตามชะตาฟ้าลิขิตเลยนะ!
นายท่านคุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า?
ถ้าคุณหนูหวันหวั่นพลาดท่าได้รับบาดเจ็บขึ้นมา เขาจะอธิบายยังไง…
“ฮัลโหล…คุณชายครับ…”
ตอนที่สวี่อี้กำลังจะถามต่อ อีกฝั่งของมือถือก็ตัดสายไปแล้ว
เห็นสวี่อี้ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น หยวนเซิงที่อยู่ตรงข้ามจึงถาม “พ่อบ้านสวี่ เรื่องอันตรายแบบนี้เจ้านายไม่อนุญาตแน่นอน ผมว่าคุณโน้มน้าวคุณหนูเยี่ย…”
หยวนเซิงพูดไปเพียงครึ่งเดียว สวี่อี้ก็เงยหน้าขึ้นมามองเขา ตัดบทว่า “คุณชายเก้าเห็นด้วย”
อะไรนะ?
พอหยวนเซิงได้ยินก็อึ้งไปทันที
รวมถึงบอดี้การ์ดลับทุกคนในที่นั้นสีหน้าก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ไม่นานนัก แววหวาดกลัวในดวงตาของหยวนเซิงเปลี่ยนเป็นดีใจโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น แต่ภายนอกกลับเผยสีหน้าลำบากใจ จงใจพูดด้วยน้ำเสียงไตร่ตรอง “แต่ว่าถ้าไม่ระวังทำคุณหนูเยี่ยบาดเจ็บขึ้นมา เกรงว่าผมจะรับผิดชอบไม่ไหว!”
ถึงแม้สวี่อี้จะตกที่นั่งลำบากสุดๆ แต่ก็ทำได้เพียงทำตามคำพูดเดิมของซือเยี่ยหาน “นายท่านบอกว่าให้ทำตามกฎท้าชิงของสังเวียน”
เยี่ยหวันหวั่นที่อยู่ข้างๆ เลิกคิ้วขึ้นโดยไม่มีใครสังเกต สีหน้าดูอ่อนโยนขึ้นมามาก
คำพูดของสวี่อี้ก่อให้เกิดความฮือฮาอีกครั้ง…
สีหน้าของทุกคนด้านล่างสังเวียนต่างอยากชมละครสนุกๆ
นี่ถ้าอยู่เฉยๆ ไม่หาเรื่องก็ไม่ตายจริงๆ…
คุณชายเก้าน่าจะเหนื่อยหน่ายกับผู้หญิงคนนี้ที่ก่อเรื่องไร้เหตุผล จึงอยากจะสั่งสอนเธอละมั้ง?
ตอนนี้หยวนเซิงไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไปแล้ว…
แน่นอนว่าไม่สามารถเอาถึงชีวิตได้ แต่ให้บทเรียนเธอบ้างนั้นทำได้แน่นอน!
ท่ามกลางฝูงชน หลิวอิ่งมองไปบนสังเวียน สายตาไม่แยแส
เขารู้แต่แรกแล้วว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้ ต้องมีสักวันที่ผู้หญิงคนนี้ได้รับผลของความโง่เขลาเบาปัญญาของตัวเอง
ไม่ใช่ทุกคนที่จะเห็นแก่หน้าเธอ
ด้วยความทะเยอทะยานของหยวนเซิง บวกกับคำอนุญาตของเจ้านาย วันนี้เขาต้องลงมือสั่งสอนผู้หญิงคนนี้ สร้างบารมีให้ตัวเองแน่นอน
หลังได้รับคำรับรองมาแล้ว ในที่สุดหยวนเซิงก็ไม่ต้องกังวลอะไร สีหน้าสบายใจ เหมือนได้ลิ้มรสของหวานหลังอาหาร ทำท่าทางอย่างสุภาพบุรุษกล่าวว่า “คุณหนูเยี่ย ถึงจะเป็นการประลองที่เท่าเทียมกัน แต่ยังไงคุณก็เป็นผู้หญิง ผมจะรีบจบการประลองภายในสามกระบวนท่าเพื่อไม่ให้คุณได้รับบาดเจ็บ!”
………………………………………………………………
บทที่ 572 เลือดท่วม!
เมื่อได้ยินคำพูดที่แกล้งอ่อนข้อให้ เยี่ยหวันหวั่นยืนสีหน้าราบเรียบอยู่ตรงนั้น ไม่พูดอะไรสักคำ
หยวนเซิงพูดจบก็เริ่มเคลื่อนไหวต่อสู้ ฝ่ามือวาดตรงไปด้านหน้า ทะยานขึ้นไปบนอากาศด้วยขาข้างเดียว ทั้งตัวดูราวเสือลงจากเขา รัศมีอำนาจข่มขวัญคน
หึๆ ผู้หญิงคนนี้มาได้จังวะพอดี เขากำลังเครียดอยู่ว่าจะแสดงความจงรักภักดีต่อคุณหนูรั่วซียังไงดี…
ด้านล่างสังเวียนนอกจากบอดี้การ์ดทีมย่อย 1 แล้ว คนส่วนใหญ่ต่างร้องว่าดี ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครยินดีที่ผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งขึ้นมาทำตามอำเภอใจบนสังเวียน
“ครั้งนี้ผู้หญิงคนนี้หาเรื่องใส่ตัวเอง ถือว่าให้บทเรียนเธอหน่อยแล้วกัน!”
“คิดว่าพวกเราบอดี้การ์ดลับกินมังสวิรัติกันหมดหรือไง”
“หัวหน้าหยวน สามกระบวนท่าเยอะไปนะ กระบวนท่าเดียวก็พอแล้ว คนเขาบอบบางเป็นผู้ดี เกรงว่าแค่ครึ่งกระบวนท่ากระดูกก็หักแล้ว…”
แววตาของเยี่ยหวันหวั่นไม่สนใจคำพูดและสายตาเยาะเย้ยถากถางพวกนั้นเลยสักนิด มือหนึ่งไพล่หลัง มองไปทางสวี่อี้ “เริ่มได้เลยใช่ไหม”
สวี่อี้กระแอมเสียงเบา “ใช่ครับใช่ ตอนนี้เริ่มได้เลย แต่ผมขอเตือนหน่อย คุณหนูหวันหวั่น บนสังเวียนไม่สนว่าเป็นใครมาจากไหน อีกทั้งกำหนดแล้วว่าเป็นตายตัวเองต้องเป็นคนรับผิดชอบเอง ดังนั้นขอให้คุณคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองเป็นหลักนะครับ อย่าทำเรื่องหุนหันพลันแล่น ห้ามทำ…”
เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วเล็กน้อย “พูดมาก”
คำข้างหลังที่สวี่อี้เตรียมจะกำชับอีกมากมายยังไม่ทันพูดจบ คล้อยหลังเยี่ยหวันหวั่นเย้ยหยันใส่ ก็เห็นแค่ร่างคนแวบผ่านไปอย่างรวดเร็วตรงหน้า
วินาทีต่อมามีเสียง ‘ผัวะ’ ดังกึกก้องขึ้น
หยวนเซิงที่กำลังวาดลวดลายเริ่มตั้งท่า ร่างเขาถูกถีบลอยออกไปราวกับว่าวสายป่านขาด ก่อนกระแทกลงบนขอบเสาของสังเวียนอย่างแรง
เสียงแตกร้าวดังออกมาจากเสา
หยวนเซิงกระอักเลือดทันที ยืนแนบชิดสังเวียนพลางประคองตัวให้มั่น ถึงได้ยังไม่ถูกโจมตีจนตกเวทีไป
สวี่อี้พูดไม่ออก
ฝั่งหยวนเซิงยังไม่ทันได้ตอบโต้ ข้อศอกของเยี่ยหวันหวั่นก็โจมตีมากลางอากาศเหมือนภูเขาลูกใหญ่ กระแทกลงไปอย่างแรงที่ไหล่เขา
“อ๊าก” หยวนเซิงล้มลงไปกองที่พื้นทันที
สวี่อี้นิ่งค้าง
ฝั่งหยวนเซิงเพิ่งลุกขึ้นมาได้ ยังไม่ทันตอบสนองอะไร ร่างเงาหนึ่งก็กระโจนเข้าหาเขาด้วยความเร็วสูง ร่างของเขาพุ่งไปหาเสาที่ตัวเองเพิ่งกระแทกใส่อีกครั้ง…
สวี่อี้ยิ่งพูดไม่ออก
มีเสียงดัง ‘ปัง’ เสาโดนกระแทกจนแตกหัก ร่างหยวนเซิงลอยกระเด็นไปทางด้านล่างสังเวียน กำลังจะตกจากสังเวียนไปแล้ว
ไม่ได้การ!
ในวินาทีนี้เอง จู่ๆ สาบเสื้อตรงหน้าอกหยวนเซิงถูกดึงไว้ด้วยแรงมหาศาล แรงนั้นดึงเขาขึ้นไปทางสังเวียนจากนั้นเหวี่ยงลงพื้นอย่างแรง สะเทือนจนฝุ่นบนพื้นตลบกระจายขึ้นมา
“แค่กๆๆ…”
ภายในเวลาสั้นๆ เพียงห้าวินาที ผ่านไปสามกระบวนท่าแล้ว…
กระดูกหน้าอกของหยวนเซิงแตกร้าว สะบักหลังเจ็บปวดเสียดหัวใจ ใบหน้าที่ถูกกดไว้พื้นบวมเป่งฟกช้ำทันที เลือดสดไหลลงมาที่พื้น…
เยี่ยหวันหวั่นก้มลงมองชายหนุ่มที่เดิมทีจะร่วงลงจากสังเวียนอยู่แล้วแต่โดนเธอลากกลับขึ้นมา เธอพลันฉีกยิ้มมุมปากอย่างเกียจคร้าน พูดเสียงเบาว่า “อยากจะรีบจบเร็วๆ? เรื่องนี้…เกรงว่าจะไม่เป็นอย่างที่นายหวังนะ…เวลาครึ่งชั่วโมงจะไม่ให้เสียเปล่าสักวินาทีเดียว…”
เสียง ‘พลั่ก’ ดังขึ้นมา ร่างหยวนเซิงถูกถีบลอยออกไปเหมือนผ้าขี้ริ้วอีกครั้ง
ต่อจากนั้น ทั้งสังเวียนมีแต่เสียงตุบๆๆ จากร่างที่กระแทกลงบนพื้น รวมถึงเสียงกระดูกหักที่ชวนให้รู้สึกขนพองสยองเกล้า…
เสาทั้งหมดแปดต้นบนสังเวียนถูกหยวนเซิงกระแทกจนหักไปแล้วห้าต้น…
สวี่อี้อ้าปากค้าง
………………………………………………………………