แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 639 พี่ลำเอียง บทที่ 640 ยินดีที่ได้ร่วมงาน
บทที่ 639 พี่ลำเอียง
กงซวี่ออกแรงตบโต๊ะ “เฮ้ย นายกล้าขู่ฉันเหรอ! คุณชายอย่างฉันชีวิตนี้ไม่กลัวการขู่มากที่สุด! เชื่อไหมว่าฉันพูดแค่ประโยคเดียวก็ไล่แกออกไปจากวงการบันเทิงได้เลย!”
เยี่ยมู่ฝานมองความไม่มีเหตุผลของกงซวี่จนถึงที่สุด มิน่าเจ้านี่ถึงเปลี่ยนผู้จัดการมาหลายคน ผู้จัดการคนไหนจะทนเขาได้
ขณะเดียวกัน มีเสียง ‘เอี๊ยด’ ดังขึ้น ประตูห้องทำงานโดนคนผลักเปิด หน้าประตูมีเสียงแหบต่ำดังกังวาน
“ทะเลาะอะไรกันอีก กงซวี่ ได้ยินเสียงนายมาแต่ไกลเลย!”
กงซวี่ที่เมื่อกี้ยังทะเลาะฉอดๆ อยู่มีสีหน้าอึ้งทันที มือที่ตบโต๊ะไหลไปอยู่ข้างตัว ยกถ้วยชาข้างๆ ขึ้นมา ยื่นส่งให้ลั่วเฉินด้วยรอยยิ้มเบิกบาน พูดจาสุภาพอ่อนน้อมว่า “รุ่นพี่ลั่วเฉิน ละครฉากเมื่อกี้พี่เล่นได้สมจริงมาก ผมได้ประโยชน์มากเลย! ได้ประโยชน์มากจริงๆ!”
พูดจบก็วิ่งตึงๆๆ ไปตรงหน้าเยี่ยหวันหวั่น “พี่เยี่ย เมื่อกี้ผมกำลังต่อบทกับรุ่นพี่ลั่วเฉินอยู่แหละ! สมจริงมากใช่ไหม เข้าถึงอารมณ์บทหรือเปล่า”
หลังจากเยี่ยมู่ฝานเห็นคนที่มา สีหน้าก็อึ้งไป คนคนนี้คือผู้อำนวยการเยี่ยไป๋แห่งกวงเย่าที่พูดถึงกันเหรอ
อายุน้อยขนาดนี้เลย!
อีกอย่าง… หน้าตาของผู้ชายคนนี้ ดูแล้วทำไมรู้สึกคุ้นตาอยู่
เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองไปทางเยี่ยมู่ฝาน “ขอโทษที รอผมสักครู่”
“ไม่เป็นไรๆ ผมไม่เป็นไรครับ เชิญคุณก่อนเลย!” เยี่ยมู่ฝานพูดทันที สลัดความคิดฟุ้งซ่านในหัวออกไป
เยี่ยหวันหวั่นวางกองหนังสือพิมพ์ลงตรงหน้ากงซวี่เสียงดัง “นายกับลั่วเฉินโดนสื่อถ่ายรูปมาสามครั้งแล้ว ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไป จะให้ทุกคนรู้ใช่ไหมว่าพวกนายไม่ลงรอยกัน”
“พี่เยี่ย ขอโทษ ผมผิดไปแล้ว” ลั่วเฉินรีบขอโทษ สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“พอได้แล้ว ฉันรู้ไม่ใช่ความผิดของนาย”
พอกงซวี่ได้ยิน ก็ทำหน้าตาน่าสงสารเหมือนจะร้องไห้ “พี่เยี่ยพี่ลำเอียง! พี่ไปดูที่กองถ่ายลั่วเฉิน แต่ไม่ยอมไปรายการวาไรตี้เป็นเพื่อนผม! พี่ไม่รักผมแล้วใช่ไหม พี่ถึงได้ทิ้งผมไป!”
เยี่ยหวันหวั่นทำสีหน้าพูดไม่ออก “นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันไปดูลั่วเฉินที่กอง อีกอย่างฉากเขาหลายวันนี้สำคัญมากด้วย ถ้านายยังโวยวายไม่มีเหตุผลอีก เชื่อไหมว่าฉันจะให้นายไปดัดสันดานที่บ้านนอกซะ!”
ตอนที่พูดมาถึงประโยคสุดท้าย เยี่ยหวันหวั่นโกรธขึ้นมาจริงๆ แล้ว
กงซวี่รู้ ในเมื่ออีกฝ่ายพูดแบบนี้มาแล้วก็สามารถทำได้จริงๆ เขาไม่อยากไปบ้านนอกให้อาหารหมูกินขนมปังข้าวโพด!
กงซวี่ไม่กล้าโวยวายต่อทันที รีบออดอ้อนทำเป็นว่านอนสอนง่าย “พี่เยี่ย พี่อย่าโกรธเลย ไม่ไปก็ไม่ไป งานวาไรตี้โชว์ง่ายๆ แบบนั้น ผมจัดการเองได้ อีกอย่าง หลายวันนี้ผมทำตัวดีแล้ว ไม่ได้แอบกินขนม แล้วยังแอบออกกำลังกายด้วย พี่ดูสิกล้ามผมขึ้นแล้ว!”
เยี่ยมู่ฝานแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง นี่คือจอมอันธพาลน้อยกงซวี่จริงๆ?
ถึงกับสามารถสยบกงซวี่ให้ราบคาบได้…
เยี่ยไป๋คนนี้…ไม่ใช่คนธรรมดาจริงด้วย…
กงซวี่พูดจบก็เลิกมุมเสื้อตัวเองขึ้นมา เผยให้เห็นลายเส้นกล้ามเนื้อหน้าท้องเล็กๆ ที่งดงาม
เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมอง สีหน้าอ่อนโยนขึ้นมาหน่อย “ไม่แย่นี่ ให้ผู้ช่วยถ่ายรูปให้นาย นายเอาไปโพสต์ลงเวยป๋อซะ แล้วขอโทษแฟนคลับ!”
เธอไม่อยากคุมสื่อโซเชียลของศิลปินเคร่งครัดเกินไป ปรากฏว่าพอไม่สนใจหมอนี่ก็โพสต์เวยป๋อมั่วซั่ว เนื้อหามีแต่ดราม่าเรื่องเศร้า แล้วยังชอบฟลัดข้อมูลขึ้นไปเยอะๆ ทำเอาคนข้างนอกคาดเดากันไปต่างๆ นานา
“พี่เยี่ยพี่ถ่ายให้ผมสิ!” กงซวี่ขยิบตาใส่
เยี่ยหวันหวั่นยื่นมือออกไป “เอามือถือมา”
………………………………………………………………
บทที่ 640 ยินดีที่ได้ร่วมงาน
กงซวี่รีบยื่นมือถือส่งให้อย่างเต็มใจ
เยี่ยหวันหวั่นรับมือถือมา ถ่ายให้เขาไปหนึ่งรูป “เสร็จละ”
“หา เร็วจัง ถ่ายแค่รูปเดียวเอง ไม่เปลี่ยนมุมหน่อยเหรอ” กงซวี่สีหน้าผิดหวังทันที
เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองไปทางเยี่ยมู่ฝานแวบหนึ่ง จากนั้นมองไปทางกงซวี่ “รูปนี่เฟอร์เฟกต์มากแล้ว โพสต์ไปก่อนเถอะ วันนี้ฉันมีนัด แล้วยังมีธุระด้วย”
เยี่ยหวันหวั่นพูดแล้วหยิบบทละครเล่มหนึ่งออกจากลิ้นชัก “บทเล่มนี้นายเอาไปอ่านดีๆ อีกอย่าง จำไว้ว่าบทนี้ต้องเก็บเป็นความลับ ห้ามเผยแพร่ไปข้างนอก”
พอกงซวี่เห็นบทละครก็ดีใจทันที รู้สึกว่าตัวเองได้รับความสำคัญ “พี่เยี่ยในที่สุดพี่ก็รับละครให้ผมแล้ว ผมจะตั้งใจอ่าน!”
พูดจบก็มองลั่วเฉินด้วยความภูมิใจ แล้วเดินออกไปด้วยความพอใจมาก
หลักจากกงซวี่ไปแล้ว เยี่ยหวันหวั่นแจ้งตารางงานลั่วเฉินในอีกหลายวันข้างหน้า
จัดการธุระทั้งหมดเสร็จแล้ว ในที่สุดเยี่ยหวันหวั่นก็สามารถจัดการธุระสำคัญได้
“คุณเยี่ยมู่ฝาน สวัสดี ขอโทษด้วยที่ให้คุณรอนาน เชิญนั่งทางนี้!”
“สวัสดีครับ ผอ.เยี่ย ได้ยินชื่อเสียงคุณมานานแล้ว” เยี่ยมู่ฝานทักทายด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย
เยี่ยหันหวั่นยิ้ม “เหรอครับ”
เยี่ยมู่ฝานรีบพูดทันที “แน่นอนครับ ชื่อเสียงคุณข้างนอกไม่เบาเลย และผมนับถือผลงานที่ยอดเยี่ยมของผอ.เยี่ยด้วย คิดไม่ถึงว่าคุณเด็กกว่าที่ผมคิดไว้มาก อีกอย่าง…”
“อะไร”
“ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรครับ…” เยี่ยมู่ฝานรู้สึกว่าจู่ๆ ตัวเองบอกว่าคนอื่นที่เป็นชายหนุ่มมีหน้าตาเหมือนน้องสาวตัวเองจะเสียมารยาทไปหน่อย จึงไม่ได้พูดออกไป
เยี่ยหวันหวั่นหยิบสัญญาฉบับหนึ่งออกมา จากนั้นพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นผมจะไม่พูดมากแล้ว คิดว่ายังไง สนใจจะร่วมงานกับกวงเย่าไหม”
เยี่ยมู่ฝานอึ้งไปทันที “ร่วมงาน… กวงเย่า… ผมไม่ค่อยเข้าใจความหมายคุณครับ…”
น้ำเสียงของเยี่ยไป๋ดูไม่เหมือนสัมภาษณ์งานเลย แต่เหมือนเชิญเขา? เป็นไปได้ยังไง…
“ผมอยากเชิญคุณมารับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายสไตล์ลิสต์ของกวงเย่า” เยี่ยหวันหวั่นพูดเข้าประเด็น
“อะไรนะครับ ผู้อำนวยการฝ่ายสไตล์ลิสต์?” สีหน้าเยี่ยมู่ฝานอึ้งไป เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “ผอ.เยี่ย คุณแน่ใจ…ว่าไม่ได้เรียกผิดคนนะครับ”
เยี่ยหวันหวั่นตอบ “อดีตหัวหน้าแผนกจัดซื้อที่ตระกูลเยี่ยกรุ๊ป ผู้ช่วยสไตล์ลิสต์ที่จวี๋ซิงเอ็นเตอร์เทนเมนต์ เยี่ยมู่ฝาน ใช่ไหม”
“ใช่… ผมเอง…” เยี่ยมู่ฝานอึ้งไป จากนั้นพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ความสัมพันธ์ของผมกับตระกูลเยี่ย… คิดว่าผมคงไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ตอนนี้ผมเป็นเพียงแค่คนที่ไร้ทางไป ส่วนที่จวี๋ซิงเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ยิ่งเป็นแค่ผู้ช่วยตัวเล็กๆ เท่านั้น แม้แต่ชื่อยังไม่เคยได้ปรากฏเลย ทำไมผอ.เยี่ยถึงเลือกผมมารับตำแหน่งที่สำคัญแบบนี้ล่ะครับ”
“ทำไม ไม่มั่นใจเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นถามกลับ
เยี่ยมู่ฝานกำหมัด “แน่นอนว่าผมมั่นใจ เพียงแต่กลัวว่าผอ.เยี่ยจะผิดหวัง”
“วางใจได้ ผมกล้าเชิญคุณมา ย่อมตรวจสอบมาพอแล้ว”
เยี่ยมู่ฝานได้ยินก็อดคิดขึ้นมาไม่ได้ หรือว่าเยี่ยไป๋สืบรู้เรื่องระหว่างเขากับเหอจวิ้นเฉิงแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาก็คิดถึงเหตุผลอื่นไม่ออกแล้ว
“ดังนั้น คุณติดสินใจว่า?” เยี่ยหวันหวั่นถาม
เยี่ยมู่ฝานสูดหายใจลึก “ในเมื่อผอ.เยี่ยพูดมาขนาดนี้แล้ว แน่นอนว่าเป็นกียรติอย่างยิ่งของผมครับ”
นัยน์ตาเยี่ยหวันหวั่นฉายแววยิ้ม ลุกขึ้นยืน “ถ้าอย่างนั้น ยินดีที่ได้ร่วมงานกัน!”
“ยิน… ยินดีที่ได้ร่วมงานครับ…” มาจนถึงตอนนี้ เยี่ยมู่ฝานยังคงไม่อยากเชื่อ เดิมทีเขาไม่ได้หวังอะไรเลย ปรากฏว่าคิดไม่ถึงว่าจะได้งานสำเร็จง่ายขนาดนี้ แล้วยังได้ตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายด้วย
…………………………………………………………..