แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 813 อาศัยความนิยม บทที่ 814 ร่วมงานกันด้วยดี
บทที่ 813 อาศัยความนิยม
เยี่ยหวันหวั่นเพิ่งจะกลับมา ผู้ช่วยก็เอ่ยละล่ำละลัก “ผู้อำนวยการเยี่ย แย่แล้วค่ะ!”
เยี่ยหวันหวั่นถาม “เป็นอะไรไป?”
“เที่ยงวันนี้พี่นัดหัวหน้าบ.ก.เหลียงไม่ใช่เหรอคะ สุดท้ายผู้อำนวยการไช่ที่เพิ่งรับตำแหน่งก็พาเขาไปแล้ว ยังบอกอีกว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เรื่องสัญญาทั้งหมดที่เกี่ยวกับนักแสดง เขาจะเป็นคนจัดการเอง!”
ผู้ช่วยสาวยิ่งพูดยิ่งโมโห “พี่เยี่ย ไช่หย่งเซิ่งคนนี้ล้ำเส้นเกินไปแล้ว ทั้งที่เป็นสัญญาที่พี่เจรจาสำเร็จแท้ๆ ต่อให้พี่ต้องเปลี่ยนตำแหน่ง ก็ควรให้พี่ส่งต่อให้ก่อนถึงจะถูก เขาแย่งไปเลยแบบนี้ได้ยังไง สุดท้ายผลงานจะไม่กลายเป็นของเขาเหรอคะ?”
หลังจากรู้ว่าสัญญาที่เธอเจรจาสำเร็จมาก่อนหลายเดือนถูกแย่งไปแบบนี้ สีหน้าของเยี่ยหวันหวั่นไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย กล่าวอย่างเฉื่อยชาว่า “เขามีปัญญาแย่ง ก็ต้องมีปัญญากินลงไปด้วย…”
ห้องวีไอพีของโรงแรมระดับท็อปแห่งหนึ่งในเมืองหลวง
“หัวหน้าบ.ก.เหลียง ขอแนะนำตัวหน่อยนะครับ นี่หยางลู่ซีน้องใหม่ในสังกัดของผมเอง ซีซี อีกเดี๋ยวรินเหล้าให้หัวหน้าบ.ก.เหลียงหน่อยนะ นิตยสารซิวเซ่อเป็นนิตยสารแฟชั่นอันดับหนึ่งของประเทศ แม้แต่นิตรยสาร VIVI ที่เป็นนิตยสารแฟชั่นเจ้าก่อนก็ยังสู้ไม่ได้ มีหลายคนที่เบียดกันจนหัวแตกเพื่อให้ได้ขึ้นปกซิวเซ่อเลยนะ!” ไช่หย่งเซิ่งพาน้องใหม่สาวสวยซึ่งอยู่ในสังกัดของตัวเองมาดื่มเหล้าเป็นเพื่อนอย่างกระตือรือร้น
ไม่ว่าใครต่างก็ชอบคำชม เหลียงฉงก็ไม่มีข้อยกเว้น ได้ยินดังนั้นจึงพูดด้วยความพอใจ “ผู้อำนวยการไช่ชมเกินไปแล้ว”
“หัวหน้าบ.ก.เหลียงอย่าถ่อมตัวไปเลยครับ ผมพูดความจริงล้วนๆ ฮ่าๆ…” ไช่หย่งเซิ่งพูดพลางขยิบตาให้นักแสดงสาวที่อยู่ด้านข้าง
หยางลู่ซีเข้าใจในทันที ประคองแก้วเหล้าเดินเข้าไปหาเหลียงฉง โน้มตัวแนบชิด “หัวหน้าบ.ก.เหลียง ซีซีขอคารวะเหล้าแก้วหนึ่งนะคะ!”
เหล้าผ่านไปสามแก้ว ไช่หย่งใช้วิธีทุกอย่างประจบ รอจนสอพลออีกฝ่ายจนได้ที่แล้ว ก็ถือโอกาสพูดว่า “หัวหน้าบ.ก.เหลียงครับ ซีซีเป็นน้องใหม่ที่กวงเย่ามีเดียตั้งใจจะผลักดันในปีนี้ ทรัพยากรทั้งหมดจะมอบให้เธอก่อน เพิ่งจะถ่ายละครที่ผู้หญิงเป็นตัวเอกไปเรื่องหนึ่ง ชื่อเสียงในอนาคตมีไม่จำกัด ปกของฉบับนี้ให้ซีซีลองได้ไหมครับ…”
ได้ยินถึงตรงนี้ เหลียงฉงพลันขมวดคิ้วเล็กน้อย ดื่มเหล้าก็ส่วนดื่มเหล้า แต่เรื่องส่วนรวมเขาไม่มีทางสะเพร่า มาอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าบรรณาธิการได้ย่อมไม่ใช่คนโง่ หรือยอมให้คนอื่นหลอกง่ายๆ
น้องใหม่ปีนี้มากเหมือนปลาว่ายสู่แม่น้ำ ลั่วซีคนนี้เป็นแค่หนึ่งในนี้เท่านั้น ถึงแม้ว่าจะทุ่มทรัพยากรระดับสูงสุดลงไป แต่ก็ให้ผลลัพธ์ธรรมดา
นักแสดงระดับนี้ไม่มีคุณสมบัติจะขึ้นนิตยสารของเขา ถ้าเขารู้ว่าวันนี้ผู้อำนวยการของกวงเย่าเตรียมยัดนักแสดงแบบนี้ให้เขา เขาคงไม่มากินข้าวมื้อนี้ด้วย
เหลียงฉงเอ่ยโดยไม่แสดงสีหน้า “ผู้อำนวยการไช่ ผมว่าคุณเข้าใจผิดตรงไหนรึเปล่า ก่อนหน้านี้ผมคุยกับผู้อำนวยการเยี่ย ให้กงซวี่เข้าร่วมถ่ายปกนิตยสารฉบับถัดไปของพวกเรา ทางผมเตรียมธีมสำหรับการถ่ายให้เขาเรียบร้อยแล้ว ทางคุณกลับเปลี่ยนคนกะทันหัน เกรงว่าผมจะไม่อาจร่วมมือต่อไปได้!”
ไช่หย่งเซิ่งกระแอมเสียงเบา เอ่ยว่า “หัวหน้าบ.ก.เหลียง ใจเย็นๆ ก่อนครับ อย่าเพิ่งรีบร้อน ผมไม่คิดจะเปลี่ยนคนอยู่แล้ว ความหมายของผมก็คือ คุณจะให้ซีซีไปถ่ายรูปกับกงซวี่เพื่อขึ้นปกของนิตยสารได้รึเปล่า?
ที่แล้วมาคุณก็รู้ภาพลักษณ์ภายนอกของกงซวี่ แต่ว่าไม่นานมานี้เขากลับเปลี่ยนท่าที จู่ๆ ก็ปรับปรุงตัวเอง ไม่เคยมีแฟนอีก ถึงขั้นที่ไม่มีแม้แต่ข่าวซุบซิบ คนข้างนอกสงสัยมากเลยครับ…
คุณว่าถ้าหากถ้าครั้งนี้มีข่าวอะไรออกไปนิดหน่อยจะเป็นยังไง จะทำให้ระดับความร้อนแรงเพิ่มขึ้นรึเปล่า? ถึงเวลานั้นยอดขายของนิตยสารก็คง…”
ความนัยของไช่หย่งเซิ่งชัดเจนมาก
เขาไม่เพียงแต่แย่งความดีความชอบของเยี่ยหวันหวั่น ยังพึ่งพาความนิยมของกงซวี่ ให้น้องใหม่ในสังกัดตนเกาะกงซวี่ไปด้วย…
————————————————————-
บทที่ 814 ร่วมงานกันด้วยดี
เหลียงฉงฟังถึงตรงนี้แล้วตาเป็นประกาย ดูก็รู้ว่าหวั่นไหวกับข้อเสนอของไช่หย่งเซิ่ง
ช่วงนี้นิตยสาร VIVI คู่แข่งเก่าของนิตยสารซิวเซ่อกัดไม่ยอมปล่อย แรงกดดันทางเขามีมากมาย ไม่อย่างนั้นคงไม่ให้นักแสดงที่มีดีแค่ชื่อเสียง แต่ไม่มีตำแหน่งอย่างกงซวี่มาลดมาตรฐานของพวกเขา
ทว่ามาตรฐานการตัดสินใจของผู้อำนวยการเยี่ยแห่งกวงเย่าเป็นของจริง ทำให้พวกเขาทำลายธรรมเนียมนี้
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า ผู้อำนวยการฝ่ายผู้ดูแลนักแสดงของกวงเย่าจะเปลี่ยนคน ไช่หย่งเซิ่งยังเสนอให้ถ่ายสองคนด้วยตัวเอง แม้ว่าความนิยมและตำแหน่งของการถ่ายร่วมกันจะไม่มากพอ แต่พอฟังความคิดของไช่หย่งเซิ่งก็รู้ว่ากวงเย่าคิดจะใช้การถ่ายปกในครั้งนี้สร้างกระแส ถึงเวลานั้นยอดขายนิตยสารก็จะตามมา
ถึงอย่างไรเขาก็ยกเว้นให้กงซวี่แล้ว หากยอมทำอีกครั้งเพื่อยอดขาย คล้ายจะไม่มีอะไรแตกต่างกัน…
เมื่อรู้สึกได้ว่าเหลียงฉงหวั่นไหว ไช่หย่งเซิ่งขยิบตาให้นักแสดงสาวด้านข้างทันที
“หัวหน้าบ.ก.เหลียง ฉันจะตั้งใจทำให้ดีนะคะ…” ฉินลั่วซีพูดพลางยื่นมือเข้าไปนวดต้นขาของเหลียงฉง
ไม่เพียงแต่จะได้ยอดขายเท่านั้น ไช่หย่งเซิ่งคนนี้ก็ตั้งใจร่วมมือ ตัวเขาเองได้ตักตวงผลประโยชน์ไม่น้อย จะไม่เอาได้อย่างไร
คิดถึงตรงนี้ เหลียงฉงพลันพูดว่า “ถ้าถ่ายสองคน ก็ไม่ได้ขัดต่อสัญญาระหว่างพวกเรา…”
ไช่หย่งเซิ่งพลันมีสีหน้ายินดี “หัวหน้าบ.ก.เหลียงใจกว้างจริงๆ งั้นขอให้พวกเราร่วมงานกันด้วยดีนะครับ!”
เหลียงฉงตอบ “ร่วมงานกันด้วยดี!”
…
เช้าวันต่อมา เยี่ยมู่ฝานรีบวิ่งแจ้นไปหาเยี่ยหวันหวั่น
“หวันหวั่น ฉันบอกแล้วว่าไอ้จิ้งจอกเฒ่าฉู่หงกวงนั่นมีเจตนาร้าย! ตอนนี้มันดึงตัวไช่หย่งเซิ่งมา เห็นชัดๆ ว่าคิดแย่งความดีความชอบของแก!
เพิ่งจะมาบริษัทได้วันเดียว ก็บอกกับทุกคนว่ามันจะรับผิดชอบปกนิตยสารซิวเซ่อ! เชี่ย ปกซิวเซ่อแกเป็นคนเจรจาได้มานี่? มันไปกินข้าวมื้อเดียวก็กลายเป็นความดีความชอบของมันแล้วเหรอ?”
เยี่ยมู่ฝานยิ่งคิดยิ่งยัวะ “เจ้าหมอนี่อาศัยฉู่หงกวงหนุนหลัง ต่อจากนี้จะยิ่งกร่างกว่าเดิม ถ้าต้องโดนคนอย่างไช่หย่งเซิ่งกลั่นแกล้งที่นี่ ฉันยอมลาออกให้รู้แล้วรู้รอดดีกว่า!”
เยี่ยหวันหวั่นเดินเข้าไปรินชาให้เยี่ยมู่ฝาน มองเขาอย่างปลอบประโลม “ไม่ต้องรีบ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา”
เยี่ยมู่ฝานรีบพูด “บ้าเอ๊ย เกือบลืมไป ค่าห้องที่แกติดฉู่หงกวงยังคืนไม่หมดเลยนี่ ขาดอีกเท่าไร? ทางฉันเองก็มีนิดหน่อย เอาไปหมดเลยแล้วกัน!”
ต่อให้รายได้ของสไตลิสต์มีเยอะขนาดไหนก็เทียบกับนักแสดงและผู้จัดการไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาเพิ่งทำงานได้ไม่นาน ดังนั้นจึงยังเก็บเงินได้ไม่เยอะเท่าไร
ต้องโทษเขาที่ก่อนหน้านี้ทำตัวเหลวแหลกเกินไป ถ้าขยันหาเงินตั้งแต่แรก คงไม่ทำให้หวันหวั่นลำบากขนาดนี้
สิ่งที่เขากังวลยิ่งกว่าก็คือ ถ้าหากลาออกจริงๆ จะมีที่ไหนให้พวกเขาอยู่…
เริ่มใหม่ตั้งแต่แรกง่ายที่ไหน บริษัทอื่นๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะเข้าง่ายขนาดนั้น…
“ไม่ต้อง ตอนนี้ฉันอยู่ในช่วงขาขึ้น มีที่ให้ใช้เงินสร้างตัวเยอะ เงินค่าห้องที่เหลือแค่เงินเดือนของฉันเดือนเดียวก็พอแล้ว จริงสิ เรื่องที่ฉันบอกให้พี่ดูเป็นยังไงบ้าง?” เยี่ยหวันหวั่นถาม
“จับตาดูอยู่ตลอด หนังเรื่องนั้นที่แกบอก ทางหวงเทียนยังไม่มีวี่แววว่าจะเปิดกล้องเลย” เยี่ยมู่ฝานตอบ จากนั้นก็ถามอย่างไม่เข้าใจ “แต่แกจะสนว่าหวงเทียนถ่ายหนังเรื่องอะไรไปทำไม?”
เยี่ยหวันหวั่นทำสีหน้าใคร่ครวญ ก็เพื่อยืนยันว่าทิศทางของเรื่องราวเหมือนกับชาติก่อนหรือไม่อยู่แล้วน่ะสิ
……………………………..