แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 857 คนแย่งความรักเพิ่มมาอีกคน บทที่ 858 ข้าน้อยทำไม่ได้
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 857 คนแย่งความรักเพิ่มมาอีกคน บทที่ 858 ข้าน้อยทำไม่ได้
บทที่ 857 คนแย่งความรักเพิ่มมาอีกคน
เยี่ยหวันหวั่นหมดคำพูดไปชั่วขณะ ครู่ต่อมาค่อยเอ่ยว่า “เซี่ยนอวี่ เพราะฉันคิดว่านายเป็นเพื่อน ถึงเอาเปรียบนายแบบนี้ไม่ได้”
หานเซี่ยนอวี่มองอีกฝ่าย “นายก็รู้เหรอว่าพวกเราเป็นเพื่อนกัน? งั้นทำไมตอนที่ลำบากที่สุดแม้แต่โทรศัพท์สักสายก็ยังไม่โทรมา? นายรู้ไหมว่าหลังจากฉันรู้ข่าวในประเทศแล้วรู้สึกยังไง นายทำให้ฉันรู้สึกว่า รู้จักกันมานานขนาดนี้ นายกลับไม่เคยมองว่าฉันเป็นเพื่อนจริงๆ…”
ขณะหานเซี่ยนอวี่พูด ใบหน้าก็เผยความปวดใจ
เยี่ยหวันหวั่นเห็นหานเซี่ยนอวี่เข้าใจผิด ได้แต่รีบร้อนอธิบาย “ไม่ใช่แบบนั้น…ความจริงเรื่องนี้อยู่ในความคาดหมายของฉันอยู่แล้ว…ฉันจัดการได้เอง…แล้วก็รู้ว่านายถ่ายหนังที่ต่างประเทศ เลยไม่อยากรบกวนนาย…”
ทั้งที่รู้ว่าหานเซี่ยนอวี่เป็นนักแสดงของโกลบอล สภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เธอจะไปหาเขาได้ยังไง!
แต่อย่างไรเยี่ยหวันหวั่นก็กลัวอยู่เล็กน้อย อาจเป็นเพราะอยู่มาสองชีวิต พบเจอเรื่องมากมายเกินไป เธอจึงไม่มอบใจให้ใครง่ายๆ เรื่องที่พึ่งตัวเองได้ ไม่มีทางลากคนอื่นมาลำบากด้วยเด็ดขาด…
เมื่อเห็นเยี่ยหวันหวั่นรีบร้อนอธิบาย สีหน้าของหานเซี่ยนอวี่อ่อนโยนลงไม่น้อย พูดด้วยแววตาจริงจังว่า “เยี่ยไป๋ ก่อนหน้านี้ฉันก็บอกกับนายแล้ว ความจริงฉันคิดจะออกจากโกลบอลนานแล้ว แต่ขี้เกียจไปทำธุรกิจของตัวเอง การแสดงคือสิ่งที่ฉันเชี่ยวชาญ แต่ว่าฉันไม่ชอบบริหาร แถมเกลียดเรื่องที่ต้องทุ่มเทความคิดจิตใจมาก นายมีความสามารถ มีความเก่งกาจ ขาดแค่เส้นสายกับโอกาส การร่วมมือของพวกเราเป็นแค่การส่งเสริมกัน ไม่มีใครเอาเปรียบใคร ฉันพูดแบบนี้ได้ไหม?”
ดูออกว่าครั้งนี้หานเซี่ยนอวี่จริงจัง นอกจากนี้ดูท่าทางจะตัดสินใจแล้ว…
เยี่ยหวันหวั่นลำบากใจอยู่บ้าง ดังนั้นจึงกวาดมองอีกสามคนในห้อง “พวกนายว่ายังไง?”
ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท
เยี่ยมู่ฝานสองตาเป็นประกาย มองพิจารณาหานเซี่ยนอวี่ขึ้นลง ยิ่งมองยิ่งพอใจ
ถึงแม้เขาจะไม่อยากให้น้องสาวตัวเองถูกไอ้หนุ่มคนอื่นจีบเอาไป แต่เขารู้ว่าสุดท้ายช้าเร็วน้องสาวก็ต้องแต่งงาน ถ้าหากต้องเลือกใครสักคน ดูจากตอนนี้ หานเซี่ยนอวี่เป็นคนที่เขามองแล้วเข้าตาที่สุด!
ถึงอย่างไรการเพิ่มบุปผาบนผ้าแพรนั้นง่าย การส่งถ่านกลางหิมะนั้นยาก นิสัยของผู้ชายคนนี้ต้องไม่มีปัญหาแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นแม่ก็ยังชอบฝ่ายนั้น ไม่แน่อาจจะเบียดไอ้หนุ่มป่าเถื่อนที่มีดีแค่หน้าตานั่นออกไปได้
ดังนั้นเยี่ยมู่ฝานจึงเอ่ยทันทีว่า “ฉันว่าเซี่ยนอวี่พูดมีเหตุผลมาก! ฉันยอมให้เซี่ยนอวี่เข้าบริษัทพวกเรา! เจ้านาย ตกลงแล้วนายกังวลอะไรกันแน่ ความฮึกเหิมก่อนหน้านี้หายไปไหนหมดล่ะ
ไอ้สถานที่เฮงซวยอย่างโกลบอลนั่น เซี่ยนอวี่ไปถึงจุดสูงสุดแล้ว อยู่ต่อไปก็เหลือที่ให้ก้าวหน้าไม่มากเท่าไร! ถ้านายกลัวว่าเขาจะมาลำบากกับพวกเรา งั้นก็ผลักดันให้เขาไปอยู่ในจุดที่สูงยิ่งกว่าด้วยมือนายเองสิ!”
คำพูดนี้ของเยี่ยมู่ฝานแทงใจดำเยี่ยหวันหวั่น เรียกได้ว่าเข้าใจน้องสาวตัวเองเป็นอย่างดี!
เป็นอย่างที่คาด เพิ่งจะพูดจบ สีหน้าของเยี่ยนหวันหวั่นก็ผ่อนคลายขึ้น…
จากนั้นลั่วเฉินเอ่ยว่า “ผมก็เห็นด้วยกับการเข้าร่วมของรุ่นพี่”
เยี่ยมู่ฝานกล่าวอย่างแทบอดใจไม่ไหว “ในเมื่อทุกคนเห็นด้วยแล้ว งั้นเรื่องนี้ก็ตกลงตามนี้เถอะ! เซี่ยนอวี่ ยินดีต้อนรับนะ!”
เยี่ยมู่ฝานกำลังจะจับมือกับหานเซี่ยนอวี่ กงซวี่ก็พุ่งปราดเข้ามา “เฮ้ย! คิดว่าผมโปร่งแสงเหรอไง ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลย! ผมไม่เห็นด้วย! ไม่เห็นด้วย!”
ตายโหง! แจ้งเตือนๆ! การแจ้งเตือนระดับหนึ่ง!
มีคนมาแย่งพี่เยี่ยเพิ่มอีกคนแล้ว แถมยังเป็นคู่ต่อสู้ที่สุดจะน่ากลัวอีกต่างหาก!
หานเซี่ยนอวี่มีทักษะการแสดงยอดเยี่ยมความนิยมก็ถล่มทลาย ถ้าอยู่ต่อหน้าอีกฝ่าย เขารังแต่จะถูกขยี้จนไม่เหลือชิ้นดี หากว่าหานเซี่ยนอวี่มา แล้วที่นี่จะยังมีตำแหน่งให้เขาอีกเหรอ!
“นายไอคิวต่ำเกิน ห้ามพูด!” เยี่ยมู่ฝานใช้มือดันเขาออกไป ก่อนจะจับมือกับหานเซี่ยนอวี่ต่อ กำหนดเรื่องราวให้เป็นแบบนี้ไปเลย…
————————————————————–
บทที่ 858 ข้าน้อยทำไม่ได้
เยี่ยมู่ฝานเอ่ย “เซี่ยนอวี่ ยินดีต้อนรับนะ! ต้องการอะไรก็บอกฉันได้เลย ฉันจะไปช่วยจัดการให้นายเอง!”
หานเซี่ยนอวี่ตอบรับ “ขอบคุณครับ!”
กงซวี่กระทืบเท้าอยู่ด้านข้าง “เฮ้ย…”
หานเซี่ยนอวี่เดินมาด้านข้างเยี่ยหวันหวั่น “ถ้านายกังวลทางไช่หย่งเซิ่ง พี่หยางกำจุดอ่อนเขาไว้แล้ว เขาไม่กล้าพูดมั่วๆ ในที่สาธารณะแม้แต่คำเดียว
อีกอย่างเรื่องที่พวกนายออกมาทำให้เกิดผลกระทบกับชื่อเสียงของโกลบอลประมาณหนึ่ง ตามนิสัยของฉู่หงกวง ไม่มีทางปล่อยให้ไช่หย่งเซิ่งก่อเรื่องต่อไปแน่
เยี่ยไป๋ เชื่อฉันได้ไหม? ฉันคิดมาอย่างรอบคอบดีแล้วถึงค่อยตัดสินใจ”
เยี่ยหวันหวั่นบอก “ฉันต้องเชื่ออยู่แล้ว…”
เรื่องที่เธอกังวลก่อนหน้านี้คือหานเซี่ยนอวี่วู่วาม แต่ว่าอีกฝ่ายจัดการทุกอย่างได้อย่างเหมาะสมมาก ไม่เคยทำเรื่องที่ไม่ได้เตรียมตัวเอาไว้
ตอนที่เขาตัดสินใจแบบนี้ ก็คลายความกังวลทั้งหมดของเธอไปแล้ว
จำต้องยอมรับเลยว่า นักแสดงที่เชื่อถือได้แบบนี้เป็นความใฝ่ฝันของเอเยนต์ทุกคนจริงๆ…
กงซวี่ร้องโวย “เฮ้ยๆ…”
เขากระโดดเหยงๆ อยู่ด้านข้าง น่าเสียดายที่สอดปากไม่ได้เลย ดังนั้นจึงลากลั่วเฉินไปยังมุมหนึ่งแทน
“ทำอะไร?” ลั่วเฉินขมวดคิ้วพลางจัดเสื้อผ้า
กงซวี่กอดอก “ลั่วเฉิน นายโง่รึเปล่าเนี่ย! นายไปเห็นด้วยได้ไง!”
ลั่วเฉินมองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง “ทำไมจะไม่เห็นด้วยล่ะ”
กงซวี่พูดเป็นน้ำไหลไฟดับ “นายลืมไปแล้วเหรอว่าก่อนหน้านี้พี่เยี่ยพูดว่าอะไร? สิ่งที่พี่เยี่ยชอบพูดที่สุดก็คือ ถ้าฉันวางใจได้เหมือนหานเซี่ยนอวี่สักหนึ่งในหมื่นเขาคงตายตาหลับ นี่หมายความว่าอะไร หมายความว่าเขาคิดจะรับหานเซี่ยนอวี่แต่แรกแล้ว!
ตอนนี้หานเซี่ยนอวี่มาจริงๆ เขาทั้งแสดงได้ร้องเพลงได้เต้นได้เล่นเปียโนได้ ทำอะไรได้หลายอย่าง เก่งไปหมดทุกด้าน ได้รับความนิยมจากคนในประเทศถล่มทลาย ชื่อเสียงก็ดีงาม พอเขามา จะยังมีที่เหลือให้พวกเราสองคนอีกเหรอ?”
กงซวี่จงใจเน้นคำว่า ‘พวกเราสองคน’ ตัดสินใจว่าจะดึงลั่วเฉินมาอยู่บนเส้นทางการต่อสู้ของตัวเอง
ลั่วเฉินนิ่งเฉย
กงซวี่ถอนใจ “ดูซิ นายนี่เอาแต่ทำตัวบื้อตลอด อีกเดี๋ยวถูกคนหลอกไปขายไม่รู้ด้วย! จริงจังหน่อยสิ! ฉันจะบอกให้นะ…โอ๊ยๆๆ เจ็บๆๆ…”
เยี่ยหวันหวั่นจับคอเสื้อด้านหลังของกงซวี่อย่างเหลืออดเหลือทนแล้วหิ้วมา “พล่ามอะไรไร้สาระ?”
กงซวี่ทำหน้าน้อยใจ โต้ตอบอย่างไม่ยอม “ผมพูดจริงทั้งนั้น เปล่าพูดไร้สาระสักหน่อย?”
เยี่ยหวันหวั่นบอก “นายมีตำแหน่งตั้งแต่ตอนไหน”
กงซวี่ตะลึง ก่อนจะพลิกตัวไปบนโซฟาด้านข้าง “ฮือ พี่เยี่ย…ผมไม่อยากอยู่แล้ว!”
เยี่ยหวันหวั่นมุมปากกระตุกเบาๆ “ถ้ามีเวลาว่างมาคิดเรื่องไร้สาระพวกนี้นัก ทำไมไม่คิดดูว่าจะทำยังไงให้น่าวางใจได้สักหนึ่งในหมื่นของเซี่ยนอวี่?”
กงซวี่ตอบ “ข้าน้อยทำไม่ได้”
เยี่ยหวันหวั่น “…”
หานเซี่ยนอวี่หัวเราะเบาๆ พร้อมกับเอ่ยว่า “ความจริงเป็นอย่างกงซวี่ก็ไม่เลว ฉันอิจฉาเขามาตลอด ในวงการนี้ ทุกอย่างของนักแสดงอยู่ใต้แสงจากหลอดไฟนับไม่ถ้วน มีไม่กี่คนหรอกที่ใช้ชีวิตตามใจแบบนี้ได้…”
เยี่ยหวันหวั่นพูด “ใช่สิ…โดยเฉพาะพอนักแสดงพัฒนามาถึงระดับหนึ่ง สิ่งที่ผู้จัดการจะทำได้ความจริงมีไม่มากแล้ว เวลาส่วนใหญ่คือช่วยหาความอิสระให้เขาหน่อย”
ดังนั้นถึงแม้ปกติเธอจะชอบบ่นกงซวี่ แต่ขอแค่ไม่กระทบถึงปัญหาด้านหลักการ เธอก็จะไม่บังคับให้กงซวี่ต้องทำอะไรหรือไม่ทำอะไร
พอได้ยินคำพูดของเยี่ยหวันหวั่น แววตาแฝงรอยยิ้มที่มองเธอของหานเซี่ยนอวี่ก็หม่นหมองชนิดแทบสัมผัสไม่ได้ พึมพำด้วยเสียงที่มีแต่ตัวเองถึงจะได้ยินว่า “น่าเสียดาย อิสระบางอย่างอาจไม่มีทางได้มาตลอดชีวิต…”
…………………………….