แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 961 จะเล่นงานฉันจนตายเลยหรือไง บทที่ 962 ลูกคุณไง
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 961 จะเล่นงานฉันจนตายเลยหรือไง บทที่ 962 ลูกคุณไง
บทที่ 961 จะเล่นงานฉันจนตายเลยหรือไง?
สวี่อี้ที่อยู่ด้านหนึ่งตกตะลึง
ตอนแรกเขานึกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่ตอนนี้หัวใจเขาเต้นรัวเหมือนเสียงตีกลอง ท่าทางของคุณหนูหวันหวั่นดูแปลกๆนะ!
คงไม่ใช่ว่ามีอะไรจริงๆ หรอกนะ!
ซือเยี่ยหานถาม “งั้นเหรอ?”
สายตาของซือเยี่ยหานเย็นเยียบกว่าเดิม เขายื่นมือถือของตัวไปตรงหน้าเยี่ยหวันหวั่น
เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองหน้าจอมือถือของซือเยี่ยหานแวบหนึ่ง ดวงตาพลันเบิกกว้าง “เอ่อ ข้อความนี้…ฉันไม่ได้เป็นคนส่งนะ!”
ซือเยี่ยหานเอ่ย “ก็ต้องไม่ใช่เธออยู่แล้ว”
เยี่ยหวันหวั่นสับสนงุนงง เธอรีบใช้สมองครุ่นคิด สุดท้าย ก็ถึงบางอ้อว่าเกิดอะไรขึ้น ดูเหมือนจะมีคนเอามือถือของเธอไปส่งข้อความให้ซือเยี่ยหาน
เธอดูเวลาที่ข้อความถูกส่งออกไป นี่มันตอนที่เธอออกจากบ้านตอนเช้าไม่ใช่เหรอ?
ตอนนั้นคนที่จับมือถือเธอก็เหมือนจะมีแค่…ถังถัง?
เวรกรรม!
เยี่ยหวันหวั่นโบกไม้โบกมืออธิบายเป็นพัลวัน “คือว่า คุณเก่า คุณฟังฉันอธิบายก่อน เมื่อคืนฉัน…เมื่อคืนฉันไม่ได้อยู่คนเดียวจริงๆ…”
นึกไม่ถึงว่าจะยอมรับแล้ว!
ให้ตายเถอะ!
นี่มันอะไรกันเนี่ย!
สวี่อี้ที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งไม่อาจทนเฉยได้ในที่สุด “เอ่อ คุณหนูหวันหวั่น คุณหนูอย่าพูดก้ำกึ่งอย่างนั้นสิครับ เมื่อคืนคุณหนูต้องอยู่กับผู้หญิงแน่เลย ใช่ไหมครับ?”
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ยังไงก็โกหกต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
เยี่ยหวันหวั่นกระแอมเบาๆ “ไม่ใช่ผู้หญิง…เป็นเด็กผู้ชาย…เมื่อคืนฉันนอนกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งจริงๆ…”
กรามของสวี่อี้ค้างไปทันที “…”
คุณหนูหวันหวั่น! อย่าล้อเล่นแบบนี้สิ!
ซือเยี่ยหานเค้นเสียงพูดทีละคำๆ “เยี่ยหวันหวั่น เธอพูดอีกครั้งซิ!”
วินาทีนี้ สีหน้าของซือเยี่ยหานน่ากลัวจนแทบสามารถหยุดเสียงร้องไห้ของเด็กทารกได้เลยทีเดียว
“เขาเป็นใคร?” ซือเยี่ยหานจ้องหน้าเธอ “กงซวี่?”
เยี่ยหวันหวั่นอึ้งงัน หา? กงซวี่?
จะเป็นไปได้ยังไงเล่า!
ในขณะที่เยี่ยหวันหวั่นกำลังครุ่นคิดว่าจะเริ่มพูดจากตรงไหนดี เสียงฝีเท้าต่อกแต่กก็ดังมาจากข้างหลัง
เยี่ยหวันหวั่นหันไปมองข้างหลัง เห็นเงาร่างเล็กๆ ที่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไรยืนอยู่
เยี่ยหวันหวั่นรีบพูดขึ้นทันที “เขา…ก็คือคนที่อยู่ข้างหลังคุณ!”
ซือเยี่ยหานได้ยินอย่างนั้น แผ่นหลังพลันเหยียดตรง สีหน้าค่อยๆ ซีดเผือด กระทั่งเขียวคล้ำ
สวี่อี้เองก็ตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง เขารีบหันไปดูทันที!
อะไรนะ! ไอ้ชายชู้คนนั้นยังกล้าโผล่หน้ามาให้เห็นอีกเหรอ!
ซือเยี่ยหานมองตามสายตาของเยี่ยหวันหวั่น
ทว่า กลับเห็นแค่อากาศธาตุ…
ไม่มีใคร?
“แค่กๆ มองลง…มองลงข้างล่างหน่อย…” เยี่ยหวันหวั่นกระแอมเตือน
ซือเยี่ยหานมองลงข้างล่างเล็กน้อย จากนั้น เขาก็เห็นเด็กผู้ชายหน้าตาเหมือนหยกสลักยืนอยู่ข้างหน้าตัวเอง
ด้วยเหตุนั้น สายตาของหนึ่งผู้ใหญ่หนึ่งเด็กจึงปะทะกันกลางอากาศทันที…
สวี่อี้ยืนปากอ้าตาค้างอยู่ตรงนั้น จ้องเด็กตัวน้อยที่ยืนอยู่ข้างหลังเจ้านายตัวเอง
นะ…นี่มันอะไรกัน?
ผู้ชายที่คุณหนูหวันหวั่นพูดถึง หรือว่าจะเป็น…เด็กผู้ชายที่ดูเหมือนอายุสี่ห้าปีคนนี้?
บรรยากาศบนทางเดิน พลันเงียบกริบอย่างน่าประหลาด ได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจ
สีหน้าของเนี่ยถังเซียวดูเคร่งเครียดกว่าที่เคยเป็น…
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหน่ ในที่สุดก็มีเสียงทำลายความเงียบดังขึ้น
“แม่ครับ!” เด็กน้อยแหงนหน้าขึ้น แล้วมองไปที่เยี่ยหวันหวั่น จากนั้นก็ขานเรียกด้วยน้ำเสียงเล็กแหลม
เสียงนี้เหมือนสายฟ้าฟาดที่ทำลายความเงียบสงบในยามนี้
นัยน์ตาของซือเยี่ยหานหดเล็กลง
สวี่อี้เบิกตากว้าง “…!!!”
ฉิบหายแล้ว!
เมื่อกี้เจ้าหนูนั่นเรียกคุณหนูหวันหวั่นว่าอะไรนะ?
มะ…แม่…
เยี่ยหวันหวั่นยกมือปิดหน้าตัวเองเงียบๆ
สวรรค์! นี่ท่านจะเล่นงานฉันให้ตายเลยหรือไง?
—————————————————————–
บทที่ 962 ลูกคุณไง
ที่แท้คุณหนูหวันหวั่นก็นอนกับเด็กน้อยคนหนึ่งนี่เอง…
สวี่อี้เพิ่งนึกว่าแก้ไขวิกฤตได้แล้ว แต่ปรากฏว่า นึกไม่ถึงวินาทีต่อมา กลับได้ยินเด็กคนนั้นเรียกเยี่ยหวันหวั่นว่า ‘แม่’
นี่มันน่ากลัวกว่าการที่ได้ยินเยี่ยหวันหวั่นยอมรับด้วยตัวเองว่าเมื่อคืนนอนกับผู้ชายคนอื่นถึงร้อยเท่า!
ทำไมจู่ๆ คุณหนูหวันหวั่นก็มีลูกชายโตขนาดนี้โผล่มาได้ล่ะ?
สวี่อี้จ้องหน้าเด็กผู้ชายที่เรียกเยี่ยหวันหวั่นว่า ‘แม่’ สมองเหมือนได้รับความกระทบกระเทือนครั้งใหญ่…
หลังจากที่เนี่ยถังเซียวเรียกคุณแม่ ก็เลื่อนสายตาไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างคุณแม่ของเขา
ชายตัวเล็กและตัวใหญ่สองคน คนหนึ่งเย็นชาเหมือนเทพเจ้าน้ำแข็ง นัยน์ตาเต็มไปด้วยแววตกตะลึง ส่วนอีกคนมีใบหน้าอ่อนเยาว์เหมือนหยกหิมะ เต็มไปด้วยความเยือกเย็นและอยากรู้อยากเห็น…
เยี่ยหวันหวั่นมองคนตัวใหญ่ จากนั้นก็หันไปมองคนตัวเล็กอีก ในใจมีแค่ความคิดเดียวเท่านั้น ตอนนั้นเธอคิดอะไรอยู่ถึงได้รับปากช่วยเนี่ยอู๋หมิงกันนะ?
วินาทีนี้ สัญญาณอันตรายบนใบหน้าซือเยี่ยหานทำเอาเธอรู้สึกหนังหัวตึงชาไปทั้งแถบ
ภายใต้ช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย เยี่ยหวันหวั่นตัดสินใจสาวเท้ายาวๆ เดินไปหาถังถัง อันดับแรกเธออุ้มถังถังขึ้นมาก่อน จากนั้นก็เดินไปตรงหน้าซือเยี่ยหาน
ซือเยี่ยหานมองหน้าหญิงสาวด้วยสายตาสับสน เห็นได้ชัดว่าไม่เข้าใจสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อ
เยี่ยหวันหวั่นไม่พูดพร่ำทำเพลง ยัดเด็กน้อยใส่อ้อมแขนซือเยี่ยหาน แล้วบอกว่า “ซือเยี่ยหาน…นะ…นี่…ลูกคุณไง!”
ซือเยี่ยหานอึ้งงันพูดไม่ออก
เนี่ยถังเซียวเองก็ตะลึงไม่ต่างกัน
สวี่อี้งุนงง
เมื่อกี้คุณหนูหวันหวั่นว่าอะไรนะ?
ซือเยี่ยหานที่ยืนอยู่ตรงนั้น สีหน้าเยือกเย็นพลันเปลี่ยนเป็นตกตะลึง ใบหน้าที่เย็นชามาโดยตลอดปรากฏแววลนลานทำตัวไม่ถูกเป็นครั้งแรก เขาอุ้มเด็กน้อยตัวนิ่มในอ้อมแขนด้วยท่าทางแข็งทื่อ
ลูก…ลูกเขา?
เยี่ยหวันหวั่นหันไปมองเด็กน้อยในอ้อมแขนซือเยี่ยหาน แล้วบอกว่า “ถังถัง คือว่า ตอนแรกแม่ตั้งใจจะบอกลูกพรุ่งนี้ เอาเป็นว่า…แม่ขอแนะนำตอนนี้เลยก็แล้วกัน นี่พ่อของลูกจ้ะ!”
ในอ้อมแขนของซือเยี่ยหาน ใบหน้าตกตะลึงของเด็กน้อยเหมือนซือเยี่ยหานทุกระเบียดนิ้ว สีหน้าของทั้งสองเหมือนกันจนน่าทึ่ง
เนี่ยถังเซียวพึมพำ “คุณพ่อ…?”
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย “ใช่! ใช่แล้ว!”
ซือเยี่ยหานเงียบ
สวี่อี้เองก็พูดไม่ออก…
ไม่ทราบว่านี่มัน…เกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย?
ในเวลาเพียงไม่กี่นาที ก็เกิดการหักมุมครั้งแล้วครั้งเล่า สมองเขาแทบจะชัตดาวน์ตัวเองอยู่แล้ว…
“อะแฮ่ม คุยกันตรงนี้ไม่ค่อยสะดวกเท่าไร พวกเราค่อยกลับไปคุยกันที่บ้านเถอะ แหะ…แหะๆ…” เยี่ยหวันหวั่นพูดเร่ง “ไปๆๆ…”
พูดจบ เธอก็ไม่กล้าสบตาซือเยี่ยหาน รีบออกตัววิ่งนำไปก่อน ไม่นานก็หายวับไปทันทีราวกับสายลม
ข้างหลัง ซือเยี่ยหานอุ้มเด็กน้อยไว้ในอ้อมแขน ได้แต่ก้มมองเด็กน้อยด้วยสายตาตะลึงงัน
ซือเยี่ยหานทำท่าจะพูดแต่ก็หยุด สุดท้าย ทำได้เพียงอุ้มเด็กไว้ในอ้อมแขนต่อไป
นี่เป็นครั้งแรกที่ซือเยี่ยหานอุ้มเด็กเป็นครั้งแรก ท่าทางจึงดูเก้ๆ กังๆ สุดขีด ถึงขั้นไม่รู้ว่าควรจะวางมือไว้ตรงไหน
หลังมองหญิงสาวที่วิ่งตัวปลิวไปแล้วอย่างอับจนหนทาง ซือเยี่ยหานก็เปลี่ยนท่าทางอย่างระมัดระวัง เพื่ออุ้มเด็กน้อยให้ดี จากนั้นก็เดินต่อไป
ระหว่างนั้น เด็กน้อยจ้องมองเขาด้วยนัยน์ตาดำขลับกลมโตตลอดเวลา
เขาไม่ชอบถูกคนอื่นสัมผัสตัว อีกอย่างคนคนนี้ก็อุ้มเขาได้ไม่สบายตัวสุดๆ ตัวก็แข็ง ไม่นุ่มนิ่มเหมือนคุณแม่ แล้วก็ไม่สบายเหมือนคุณแม่ด้วย
แต่ว่า…ทำไมเขากลับไม่รู้สึกรำคาญเลยล่ะ…
ซือเยี่ยหานอุ้มเด็กน้อยเดินไปข้างหน้าด้วยฝีเท้าอันมั่นคง ตอนนั้นเอง เสียงเล็กแหลมก็ดังมาจากอ้อมแขน…
………………………………………