แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 1028 แค่เห็นก็รู้ทุกอย่าง
“ถ้าฉันไม่เหมาะ งั้นการมีตัวตนของคุณในศูนย์วิจัยมันก็แค่การเอาชื่อมาใส่เพื่อกินเงินเดือนไปวันๆนั่นแหละค่ะ”
ถึงแม้ยามปกติทุกคนพูดจากระทบกระทั่งกันบ้าง แต่ก็เป็นการแดกดันกันทางอ้อม คำพูดของเสี่ยวเชี่ยนพอเริ่มก็ปล่อยหมัดเด็ดตรงฮุกเข้าพอดี ทำให้พี่หลี่ออกอาการไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่หน้ากากที่แสร้งทำเป็นคนมนุษยสัมพันธ์ดีก็ยังลืมใส่
“ฉันเรียนด้านจิตวิทยาคลินิก ซึ่งมาเป็นตัวเสริมให้คนอื่นๆในทีมได้พอดี โดยส่วนตัวฉันคิดว่าการจับกลุ่มแบบนี้เหมาะสมแล้ว ส่วนคุณ หึหึ” เสี่ยวเชี่ยนมองพี่หลี่ตั้งแต่หัวจรดเท้าพลางแสยะยิ้ม
ถ้าพี่หลี่ฉลาดพอก็ควรรู้จักหยุดการสนทนาเรื่องนี้ได้แล้ว แต่น่าเสียดายที่เขาอยากหาเรื่องใส่ตัว
“เรียนจิตวิทยาคลินิกมาแต่คุณก็อายุยังน้อยเกินไป หากทางทีมเขาอยากจ้างคนมาจริงๆมีเหรอถึงกับต้องเชิญคุณมา? น้องสาว พ่อแม่เป็นใครเหรอ ไหนเล่าให้พวกเราฟังหน่อย เผื่ออีกหน่อยพี่ชายคนนี้มีเรื่องอยากให้ช่วย!”
“พอแล้ว จะคุยอะไรกันเยอะแยะ รีบไปทำงานได้แล้ว!” อาเพียวตัดบท อยากดึงเสี่ยวเชี่ยนออกจากตรงนี้ แต่กลับถูกเสี่ยวเชี่ยนปัดมือออก
เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เสี่ยวเชี่ยนไม่จำเป็นต้องไว้หน้าพี่หลี่อีก
เธอก้าวขึ้นหน้าแล้วกระซิบพูดบางอย่าง จากนั้นพี่หลี่ก็หน้าถอดสี
“คุณ…?!” ความลับสุดยอดที่เขาอุตส่าห์ปกปิด ผู้หญิงคนนี้รู้ได้ยังไง?
เสี่ยวเชี่ยนยิ้มเหมือนได้รับชัยชนะ “ยอมรับตัวตนของฉันหรือยัง?”
พี่หลี่อึ้งกับคำพูดเมื่อครู่ของเสี่ยวเชี่ยนจนพูดไม่ออก คนอื่นๆไม่ได้ยินว่าเสี่ยวเชี่ยนพูดอะไร เห็นแค่เสี่ยวเชี่ยนพูดนิดหน่อยก็ทำพี่หลี่หน้าถอดสี
“พี่ใหญ่?” คนอื่นๆถามพี่หลี่ด้วยความสงสัย
“ไม่ยอมรับฉันเหรอ? คุณยังคงยืนยันหนักแน่นว่าฉันอาศัยเส้นสายพ่อแม่เข้ามาใช่ไหม? งั้นก็ได้ ฉันจะเอาเรื่องที่บอกคุณเมื่อกี้พูดออกมาให้ทุกคนช่วยคิดหน่อยว่ามันถูกหรือเปล่า คืออย่างนี้นะ—”
“หยุด!” พี่หลี่รีบห้ามเสี่ยวเชี่ยน
เสี่ยวเชี่ยนเชิ่ดหน้าขึ้นอย่างได้ใจ สีหน้าของเธอบ่งบอกได้ว่า ‘ขอร้องฉันสิ!’ แต่ปากเธอก็ยังไม่ยอมหยุด
“ฉันแซ่เฉิน เป็นคนไม่เอาไหนที่อาศัยเส้นสายพ่อแม่เข้ามา”
“หมอเฉิน! ผมผิดไปแล้ว! เมื่อกี้ผมล้อเล่น คุณมาอยู่กับพวกอาเพียวได้ดูก็รู้ว่าไม่ธรรมดา!”
ท่าทางของพี่หลี่ที่แตกต่างจากตอนแรกทำให้ทุกคนมองเสี่ยวเชี่ยนด้วยสีหน้าตกตะลึง นี่เธอพูดอะไรกันแน่ แค่ประโยคเดียวก็สยบพี่หลี่ได้?
“ฉันแบกรับคำชมของคุณไม่ไหวหรอกค่ะ ฉันมันก็แค่คนไม่เอาไหน ต้องใช้เส้นสายของพ่อแม่เข้ามา แถมคนในทีมของฉันก็ยังเป็นแค่ทหารจนๆ พวกเราไม่เก่งเท่าพวกคุณ!”
“หมอเฉินผมผิดไปแล้ว! เมื่อกี้ผมแค่ล้อเล่นจริงๆนะ เมื่อก่อนอาเพียวเป็นคนที่เก่งที่สุดในคณะเรา เขาไปรับใช้ชาติได้แบบนี้ถือเป็นเกียรติที่น่ายกย่อง เกียรติของทหารเอาเงินมาวัดค่าได้ที่ไหนกัน!”
พี่หลี่กลัวเสี่ยวเชี่ยนเปิดโปงความลับของตัวเอง เมื่อกี้เขาทำตัวอวดดีแค่ไหน ตอนนี้ต้องรับกรรมมากกว่าเดิม เหมือนโดนตบกลับหน้าชายิ่งกว่า
“ต่อไปจำไว้ให้ดีนะคะ ทหารเป็นเสาหลักของประเทศ เป็นความหวังของประชาชน เป็นแนวหน้าปกป้องผืนแผ่นดิน อาชีพทหารเป็นอาชีพที่พวกเราต้องให้เกียรติ!”
เสี่ยวเชี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นทรงพลัง เธอก็แค่ต้องการสั่งสอนคนมีทัศนคติบิดเบี้ยวอย่างพี่หลี่ พี่หลี่ไม่เหลือเค้าความอวดดี เอาแต่พยักหน้าพลางพูดครับๆๆ
ก็แกเล่นกุมความลับของคนอื่นเอาไว้นี่ พูดอะไรก็ถูกหมดสิ!
“น้องหลี่ คนทำงานวิชาการกลัวที่สุดคือความยโสอวดดี ตอนนี้นายมีมากไปหน่อยนะ ต่อไปก็ตั้งใจทำงานให้มากๆ หาเรื่องคนอื่นให้น่อยๆหน่อย เข้าใจไหม?”
น้อง…หลี่?!
เหล่าทหารแทบอยากหัวเราะออกมา เสี่ยวเชี่ยนสุดยอดเลยจริงๆ ถึงจะไม่รู้ว่าเธอพูดอะไรกับพี่หลี่จนอีกฝ่ายถึงกับหงอ แต่ท่าทางตอนเธอสั่งสอนนั้นเห็นแล้วสะใจสุดๆ
“เสี่ยวเชี่ยน เมื่อกี้คุณพูดอะไรไปเหรอ?”
หลังจากที่พี่หลี่พาคนของตัวเองออกไปแล้ว คนอื่นๆในทีมจึงรีบเข้ามาถามเสี่ยวเชี่ยนชนิดที่แทบทนรอไม่ไหว
ต้องยอมรับเลยว่าเหตุการณ์เมื่อครู่ถึงจะสั้นๆตรงๆ แต่สะใจมาก ทุกคนอยากเอาคืนพี่หลี่คนนี้มานานแล้ว ชอบทำตัวอวดดีเหลือเกิน เห็นแล้วหมั่นไส้!
“คนที่เดินทางตอนกลางคืนบ่อย ช้าเร็วก็ต้องเจอผี คนอย่างเขาเรียนจนสมองเพี้ยนช้าเร็วก็ต้องได้เจอคนกำราบ” เสี่ยวเชี่ยนพูดด้วยท่าทางนิ่งๆ
ทุกคนเข้าใจแล้ว เสี่ยวเชี่ยนจะต้องจับจุดอ่อนบางอย่างของพี่หลี่ได้แน่นอน
“ไม่ต้องสนหรอกว่าเรื่องอะไร เอาเป็นว่าจัดการคนอวดดีอย่างพี่หลี่ได้พวกเราก็ดีใจหมดแหละ วันนี้พวกเราต้องเลี้ยงข้าวกลางวันเสี่ยวเชี่ยนซะแล้ว! ใช่ไหมหัวหน้า?”
“คุณ…” อาเพียวยังคงกำลังคิดอยู่ว่าเสี่ยวเชี่ยนพูดอะไรกับพี่หลี่กันแน่ เสี่ยวเชี่ยนรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ทหารพวกนี้ค่อนข้างแสดงออกชัดเจน
ครั้นแล้วเธอจึงกระดิกนิ้วเรียกเขาเข้าไปหา เสี่ยวเชี่ยนกระซิบบางอย่างข้างหูเขา จากนั้นอาเพียวก็เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ
“คุณพูดเรื่องจริงเหรอ?!”
“ถ้าไม่จริงเขาจะเชื่อฟังฉันขนาดนี้เหรอ?”
“แต่เรื่องที่แม้แต่พวกเรายังมองไม่ออก แล้วคุณรู้ได้ไง?” อาเพียวตั้งข้อสงสัย
เสี่ยวเชี่ยนตบบ่าเขา “น้องเพียว ถึงพวกนายจะรู้สึกว่าฉันยังเด็ก แต่ในความเป็นจริงประสบการณ์ด้านการรักษาของฉันมีแต่จะมากกว่าพวกนายไม่มีทางน้อยกว่าแน่นอน ฉันเรียนปริญญาตรีจบก่อนสองปี และก่อนหน้านั้นอาจารย์ของฉันก็วางแผนฝึกฉันอย่างเข้มงวด พูดตามตรงนะ ถึงฉันความรู้ของฉันในเรื่องจิตวิทยาทางการทหารจะสู้พวกนายไม่ได้ แต่จิตวิทยาคลินิกฉันเรียนก่อนหน้านี้มาหลายปี เมื่อก่อนพวกนายอาจคิดว่าฉันเป็นพวกโนเนม และฉันก็ไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง แต่ทองแท้มันย่อมส่องประกายเสมอ ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน!”
เสี่ยวเชี่ยนพูดด้วยท่าทางจริงจัง บุคลิกไม่เหมือนกับคนในวัยเดียวกัน บวกกับที่ก่อนหน้านี้เธอล้างสมองพวกผู้ชายใจดำที่เห็นอันตรายแล้วไม่ช่วยได้สำเร็จ ตอนนี้ยังปราบพี่หลี่จอมอวดดีได้อีก อาเพียวจึงมองเธอเปลี่ยนไป ถึงขนาดที่ว่ารู้สึกเลื่อมใสในตัวเสี่ยวเชี่ยนด้วยซ้ำ
คนอื่นๆในทีมอีกสามคนมองเสี่ยวเชี่ยนที่ไม่เพียงแต่จะลดระดับพี่หลี่เป็น ‘น้องหลี่’ ยังลดระดับอาเพียวเป็น ‘น้องเพียว’ อีกด้วย พวกเขารู้สึกสนุก แต่ก็ยังสงสัยอยู่ดี
“พวกเราศึกษากันคนละด้าน ไม่มีใครเก่งกว่าใครหรอก เบื้องบนส่งพวกเรามาอยู่ทีมเดียวกันก็แสดงว่าต้องการให้พวกเราสนับสนุนซึ่งกันและกัน ต่อไปก็ขอให้ทุกคนช่วยชี้แนะด้วยนะคะ”
คำพูดนี้ถ้าพูดตอนเพิ่งมาคงไม่มีใครสนใจ และก็ยากที่จะทำให้ทีมจิตวิทยาที่การศึกษาสูงนี้เชื่อใจ หรือถึงขนาดที่อาจคิดว่าเสี่ยวเชี่ยนเสแสร้งก็เป็นได้
แต่เมื่อครู่เธอตบหน้าพี่หลี่ด้วยคำพูด และพอคำพูดแบบนี้ออกมาจากปากเธอ มันกลับทำให้รู้สึกอีกแบบหนึ่ง ความเชื่อใจจึงเพิ่มขึ้นมามาก
พอเสี่ยวเชี่ยนเห็นสีหน้าของทุกคนก็รู้ว่าตัวเองใกล้ซื้อใจทุกคนได้แล้ว แอบดีใจอยู่ในใจ แต่สีหน้าก็ยังคงนิ่งเฉย
“หากว่ากันตามหลักการฉันไม่ควรพูดเรื่องพวกนี้กับน้องเพียว พวกเรามีจรรยาบรรณ ห้ามเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของคนไข้ แต่ฉันเป็นหมอที่หวังดีกับคนไข้มาตลอด ไม่ชอบเห็นคนไข้ที่ไม่กินยาตามหมอสั่ง แถมน้องหลี่ยังทำตัวอวดดีขนาดนั้นอีก เขาจะต้องไม่ตั้งใจกินยาแน่นอน ดังนั้นน้องเพียว นายสนิทกับเขาขนาดนั้น ต่อไปก็คอยเตือนเขาด้วย ขัดคำสั่งหมอมันไม่ดี”
“แต่ผมก็ยังแปลกใจอยู่ดี คุณกับพี่หลี่เพิ่งเจอกันครั้งแรกไม่ใช่เหรอ? ลำพังแค่เวลาไม่กี่นาที แถมยังไม่ได้ทำความรู้จักกันเท่าไรด้วย คุณกลับมองออกว่าเขามีปัญหา?”
นึกไม่ถึงเลยจริงๆว่าพี่หลี่จะมีอาการแบบนี้ด้วย!