แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 1035 สมองว่างเปล่า
มีปฏิกิริยาแบบนี้ก็แสดงว่าทุกคนล้วนเป็นคนปกติ
คนปกติไม่ว่านิสัยจะเย็นชาแค่ไหน ยามที่เจอเรื่องทั้งหลายแหล่ย่อมมีปฏิกิริยาบ้างตามสัญชาตญาณ
อย่างเช่น พอได้ฟังเรื่องที่โหดร้ายพวกนี้ก็จะรู้สึกสงสารเหยื่อ พอได้ฟังขั้นตอนในการทำร้ายเหยื่อก็จะรู้สึกสะอิดสะเอียน
แต่ผู้ต้องหาคนนั้นกลับมีท่าทางสบายๆไม่ทุกข์ร้อน
การเล่าด้วยท่าทางเรียบเฉยของเขาคล้ายกับว่าเรื่องพวกนั้นไม่ใช่เรื่องจริง เขาแค่เล่านิทาน ไม่มีอารมณ์ร่วม ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร ตอนเขาเล่าเรื่องคดีทำตัวเหมือนกับว่ากำลังเล่าเรื่องที่คนอื่นก่อ ไม่เกี่ยวกับเขาเลยสักนิด
ความรู้สึกเลือดเย็นเข้าไปถึงกระดูกแบบนี้ทำให้คนที่อยู่ในนั้นต่างรู้สึกขนลุก
เสี่ยวเชี่ยนเห็นตำรวจสืบสวนหญิงคนหนึ่งร้องไห้ออกมา
เป็นตอนที่ผู้ต้องหาเล่าออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่าเขาฆ่าเด็กผู้หญิงที่เป็นผู้บริสุทธิ์อย่างไร ตำรวจหญิงที่ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลายก็ทนไม่ไหว ร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกทั้งสงสารทั้งโกรธ ควบคุมอารมณ์ไม่ได้
แบบนี้ถึงจะเป็นปฏิกิริยาตอบสนองของคนปกติที่รัก โกรธ เกลียด ดีใจ คิดแค้นเป็น
แต่ภายในโลกของผู้ต้องหาคนนี้ดูเหมือนจะไม่มีสิ่งเหล่านี้อยู่เลย เขาไม่แคร์ว่าคนอื่นจะเป็นจะตาย หากใช้คำพูดแบบเขาก็คือ เขาไม่ได้ร้อนเงิน แต่ที่ทำเรื่องพวกนี้ก็แค่เพราะมันเป็นความชอบที่มาจากก้นบึ้งหัวใจ
ตอนที่ตำรวจหญิงร้องไห้ออกมาผู้ต้องหาก็หันไปมองคนที่อยู่รอบๆแวบหนึ่ง เสี่ยวเชี่ยนสบตากับสายตาเย็นชาคู่นั้น ในใจเหมือนถูกบางอย่างทิ่มแทง สายตาของเขาทำให้เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกไม่โอเคเป็นอย่างมาก เธอเบือนหน้าหนีไม่อยากมองผู้ชายคนนั้นตรงๆ
“ผู้หญิงที่อยู่ข้างนอกนั่นเป็นใคร?” ผู้ต้องหาชี้ไปที่เสี่ยวเชี่ยน
“เขาเป็นใครไม่เกี่ยวอะไรกับนาย ถามทำไม?” ตำรวจสืบสวนถาม
ผู้ต้องหาเลียปาก “ถ้าผมยังอยู่ข้างนอก ผมจะต้องครอบครองผู้หญิงคนนี้ให้ได้ ผู้หญิงสวยหมดจดแบบนี้นี่แหละสเปกผม”
“อย่ามาล้อเล่น!” ตำรวจพอเห็นผู้ต้องหาทำตัวอวดดีก็โมโหตบโต๊ะ
ผู้ต้องหายิ้มมุมปากอย่างไม่แคร์ ในสายตาของเขาคนพวกนี้ก็แค่ตัวตลกโชว์กายกรรมที่สมองไอคิวต่ำเท่านั้น
เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกแย่มากที่ถูกสายตาเหมือนงูจ้องฉกเหยื่อของคนร้ายจ้องมองมา บรรยากาศน่าอึดอัดมาก
ช่วงเช้าพอออกมาจากสถานกักกัน สีหน้าของสมาชิกในทีมจิตวิทยาต่างแย่มากทุกคน ไม่ต่างจากทีมของพี่หลี่ที่ก็มาด้วยในครั้งนี้
ความอวดดีหรือความทะเยอทะยานกระหายชัยชนะของคนทั่วไปยังดูเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับผู้ต้องหาคนนี้ ไม่มีใครมีอารมณ์หาเรื่องทะเลาะเหมือนเช่นที่แล้วมา ทุกคนต่างอยู่ในสภาพอารมณ์ขุ่นมัว
“คนแบบนี้ยิงนัดเดียวยังน้อยไปด้วยซ้ำ” ทันใดนั้นมีคนในทีมศูนย์วิจัยพูดขึ้นมา
คนของทีมจิตวิทยาไม่พูดอะไร แต่ในใจกลับเห็นด้วยกับคำพูดนี้เป็นอย่างยิ่ง นี่เป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองทีมสามัคคีกันที่สุดแล้ว ทุกคนต่างรู้สึกว่าตัดสินโทษตายให้ผู้ต้องหาคนนี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ
ทีมจิตวิทยากินข้าวกลางวันกันอย่างง่ายๆแล้วกลับไปประชุมต่อที่หน่วย อาเพียวเป็นผู้ดำเนินการประชุมหลัก
“เท่าที่ได้ข้อมูลมาจากเมื่อช่วงเช้า ผมเชื่อว่าทุกคนน่าจะมีการวิเคราะห์เบื้องต้นกันบ้างแล้วในใจ—เสี่ยวเชี่ยนคุณคิดว่าไง?”
“นี่คือคนที่มีบุคลิกต่อต้านสังคม ท่าทีเย็นชาของเขาสอดคล้องกับคนประเภทนี้มากค่ะ”
นี่เป็นคนประเภทที่อันตรายมาก อีกทั้งยังซ่อนตัวตนเก่ง
ทุกคนพยักหน้า คนอื่นๆก็คิดแบบนั้น
“ถูกต้อง จากข้อมูลที่เรามีอยู่ คนๆนี้มีภาพลักษณ์ที่ดูปกติมากในสายตาคนรอบตัว ทุกคนต่างคิดว่าเขาเป็นคนสุภาพ มีมารยาท เอาใจใส่คนอื่น ไม่มีใครคาดคิดว่าคนแบบนี้จะเกี่ยวข้องกับคดีโหดร้ายพวกนั้น” อาเพียวพูดเสริม
“ในบรรดาคดีใหญ่ๆที่พวกเราเคยเจอ ผู้ร้ายหลายคนมีบุคลิกต่อต้านสังคม แต่จุดที่ต่างจากคนที่มีบุคลิกชอบใช้ความรุนแรงก็คือ พวกต่อต้านสังคมจะสติปัญญาดีมากแถมยังซ่อนตัวตนเก่ง พวกเขาจะแสร้งทำตัวเป็นมิตรกับคนทั่วไป ทำให้ทุกคนไว้ใจ เสี่ยวเชี่ยน ในมุมมองของคุณคนพวกนี้ยังมีลักษณะเด่นอะไรอีกไหม?”
พวกเขาจบมาทางด้านจิตวิทยาอาชญากรรม แตกต่างจากเสี่ยวเชี่ยนที่เป็นจิตแพทย์ตรวจรักษาคนไข้มามาก แต่ในประเด็นเรื่องนี้ก็มีความคาบเกี่ยวกันอยู่บ้าง
“คนที่มีบุคลิกประเภทนี้เรียกอีกอย่างว่า บุคลิกไร้ความรู้สึก ฉันเคยเจอคนที่มีบุคลิกผิดปกติพวกนี้ แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นทำผิดร้ายแรงเป็นนักโทษอุกฉกรรจ์อย่างที่เจอในวันนี้ ส่วนใหญ่ที่ฉันเคยเจอเป็นคนปกติที่ถูกคนที่ไม่ปกติพวกนี้ทำร้าย อย่างเช่น ผู้หญิงคนหนึ่งคบกับแฟนที่มีบุคลิกผิดปกติมานานหลายปี เธอรู้สึกว่าเข้ากันได้ดีมาตลอด แต่แล้วอยู่ๆผู้ชายคนนั้นก็หอบเอาเงินเธอหนีไป แม้แต่ลูกที่ยังอยู่ในท้องของผู้หญิง ผู้ชายคนนั้นก็ไม่สนใจ ฝ่ายหญิงรับไม่ได้อย่างรุนแรง”
คนบุคลิกผิดปกติพวกนี้ใช่ว่าจะเป็นคนร้ายก่อคดีเสมอไป มีบ้างที่เป็นคนธรรมดา คนแบบนี้จะมีอยู่ที่ 4.3%-9% ซึ่งก็หมายความว่า ในบรรดาคนหนึ่งร้อยคนอย่างน้อยๆจะมีคนแบบนี้อยู่ประมาณห้าถึงสิบคน หรืออาจจะมากกว่านั้น
คนประเภทนี้ชอบแย่งชิงของๆคนอื่น ความสามารถสูง ไร้ความละอายใจ หากพูดภาษาชาวบ้านก็คือคนหน้าด้านที่เจ้าเล่ห์ การที่คนพวกนี้ยังยืนอยู่ในสังคมได้ก็เกี่ยวกับเรื่องความหน้าไม่อาย คนที่สติปัญญาดีแถมยังไม่แคร์สายตาคนอื่น ไม่สนว่าคนอื่นจะรู้สึกอย่างไร มันเป็นพลังที่ทำให้คนพวกนี้ยืนหยัดอยู่ได้
และสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ คนประเภทนี้ฉลาดมาก จุดที่แตกต่างจากคนที่ชอบใช้ความรุนแรงก็คือ คนที่มีบุคลิกแบบนี้เก็บซ่อนตัวตนเก่งมาก เขาจะซ่อนความต้องการของตัวเองไว้เป็นอย่างดี ทำให้ตัวเองกลายเป็นที่รักของคนทั่วไป หรือถึงขนาดที่ว่าดีกับคนอื่นเป็นพิเศษ ซึ่งการทำตัวดีของเขานั้นล้วนมีจุดประสงค์ คนที่ไม่มีประโยชน์กับเขาเลยสักนิด เขาจะไม่มีทางทำดีด้วยเด็ดขาด
นี่เป็นเรื่องที่คิดๆแล้วก็น่ากลัวเป็นอย่างมาก มนุษย์เราเป็นสัตว์สังคมที่ต้องไปมาหาสู่กัน แต่ในสายตาคนประเภทนี้จะไร้ความรู้สึกผูกพันอย่างจริงใจ ทุกอย่างล้วนเป็นเครื่องมือเพื่อผลประโยชน์ ต่อให้ต้องทำถึงขั้นเอาชีวิตคนพวกนี้ก็ยังไร้ความละอายใจ
ผู้ต้องหาคดีร้ายแรงส่วนใหญ่เป็นคนที่มีบุคลิกประเภทนี้
แต่ละคนพากันเสนอความคิดเห็น สุดท้ายเสี่ยวเชี่ยนได้พูดประเด็นสำคัญออกมา
“บุคลิกประเภทนี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะถ่ายทอดสู่รุ่นต่อไป ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่มีแนวคิดที่มีน้ำหนักมากพอมาพิสูจน์ว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องยีน แต่ฉันขอเสนอว่าให้หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของผู้ต้องหาไว้เพื่อเอาไว้ใช้ศึกษาต่อไป”
ถ้าสามารถหาสาเหตุของที่เป็นตัวก่อให้เกิดบุคลิกแบบนี้ได้ บางทีอาจมีส่วนช่วยลดจำนวนคดีประเภทนี้ในอนาคตได้ ถึงแม้ว่านี่จะเป็นกระบวนการที่กินเวลานานมาก แต่แวดวงวิทยาศาสตร์นั้นพัฒนาอยู่ตลอด
“ข้อเสนอของเสี่ยวเชี่ยนดีมาก พวกเราจดไว้ในรายงานด้วย—จริงสิ คนๆนี้มีลูกหรือเปล่า?”
ลูก…สมองของเสี่ยวเชี่ยนเหมือนมีบางอย่างแวบเข้ามา
“ผู้ต้องหาไม่มีลูกครับ เขาเป็นโสด”
การศึกษาข้อมูลของคนร้ายยังคงดำเนินต่อไป มีแค่เสี่ยวเชี่ยนที่ตกอยู่ในห้วงคิดหนัก
“พวกเราวิเคราะห์ข้อมูลของผู้ต้องหาหมดแล้ว ตอนนี้เรามาวิเคราะห์ข้อมูลของเหยื่อกันบ้าง”
อาเพียวแจกเอกสารให้ทุกคน เสี่ยวเชี่ยนเปิดข้ามหน้าแรกๆไปยังหน้าที่เธอต้องการ รูปเหยื่อปรากฏอยู่ในเอกสารอย่างชัดเจน
สมองของเสี่ยวเชี่ยนว่างเปล่าขึ้นมาทันที