แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 1038 พี่รองแทบคลั่ง
“คิดๆไว้ก็ดีนะคะ อีกสองปีฉันก็จะทำงานมีเงินเดือนแล้ว ถึงตอนนั้นการเงินบ้านเราก็จะดีขึ้น ต้องเตรียมเงินไว้สำหรับบ้านกับเรื่องเรียนของลูกสองคน”
ต้าอีไม่แคร์เรื่องพวกนี้ เธอเป็นเด็กกำพร้าไม่แคร์เรื่องสิ่งของนอกกาย
แต่เพื่อนๆรอบตัวบางครั้งก็มีพูดเรื่องแต่งงานขึ้นมาบ้าง รู้สึกว่าช่วงสองปีมานี้การแต่งงานเริ่มให้ความสำคัญกับทรัพย์สินมากขึ้น หมดยุคที่ซื้อแต่เฟอร์นิเจอร์แล้วเข้าอยู่บ้านพักสวัสดิการแล้ว
อีกทั้งประธานเชี่ยนก็เคยสอนเธอว่า อย่ามัวแต่เอาเงินไปฝากไว้ในธนาคาร แบบนั้นจะไม่งอกเงย ลงทุนอะไรก็ไม่สู้เอาไปซื้อบ้าน ในมือมีเงินเท่าไรก็ซื้อเท่านั้น ต้าอีเชื่อฟังประธานเชี่ยนที่สุด เงินของพี่รองพอซื้อบ้านสองหลัง เธอจึงตัดสินใจซื้อไว้ก่อนสองหลังเพื่อเก็บไว้ให้กับลูกทั้งสองคน
พี่รองชอบมองเวลาเธอจริงจัง และก็ยอมให้เธอเป็นคนจัดการเรื่องในครอบครัว มันให้ความรู้สึกว่านี่แหละครอบครัว
“ในเมื่อบ้านนี้กะซื้อไว้ให้พ่านพ่าน งั้นพรุ่งนี้พวกเราพาพ่านพ่านไปดู ให้เขาเลือกเอาเอง” พี่รองพูด
ต้าอีหมดคำจะพูด “ลูกเพิ่งจะอายุเท่าไร? เขาจะรู้ได้ไงว่าต้องเลือกบ้านแบบไหน? คุณคิดว่าซื้อบ้านเหมือนซื้อเสื้อผ้าเหรอ?”
ปกติพ่านพ่านเป็นคนเลือกเสื้อผ้าด้วยตัวเอง
“พวกเราก็เลือกทำเลที่พวกเราคิดว่าเหมาะสักสองสามที่แล้วพาเขาไปเลือกดู เขาชอบที่ไหนก็ซื้อที่นั่น”
พี่รองแอบคิดในใจ ถ้าโตขึ้นไปแล้วไม่ชอบก็ไม่เกี่ยวกับเขาแล้วนะ
อย่างไรเสียเรื่องบ้านถ้าอยู่ๆไปแล้วไม่ชอบก็ให้ลูกขายแล้วซื้อใหม่ก็ได้
“พอดีเลยผมจำได้ว่าแถวหมู่บ้านมีสวนสนุกเปิดใหม่ ในนั้นมีเล่นกระดานลื่นภูเขาทราย จะได้พาลูกไปเล่นด้วย”
เรื่องเล่นสิประเด็นหลัก พี่รองวันหยุดเยอะ
ต้าอีพยักหน้า ลูกชอบอยู่กับพ่อมาก
“เอ๋? พวกเสี่ยวเชี่ยนทำไมไม่เข้าบ้าน มาทำอะไรตรงนี้?” ต้าอีเห็นเสี่ยวเชี่ยนกับเสี่ยวเฉียงยืนอยู่หน้าหมู่บ้าน
พี่รองขับเข้าไปจอดข้างสองคนนั้น
“พี่รอง ผมมีธุระอยากยืมรถพี่หน่อย” เสี่ยวเฉียงพูด
“เอาสิ” พี่รองทำท่าจะลงจากรถ
“มันไกลพี่ไปกับผมหน่อย ต้าอีเข้าบ้านไปก่อน พ่านพ่านรออยู่”
พอได้ยินเสี่ยวเฉียงพูดแบบนั้นต้าอีก็ลงจากรถโดยไม่สงสัยอะไร พี่รองยังอยากลงจากรถไปช่วยต้าอีหิ้วของ แต่อวี๋หมิงหลางห้ามไว้แล้วส่งสายตาให้ทหารเฝ้ายามมาช่วยต้าอีหิ้ว
เสี่ยวเฉียงกับเสี่ยวเชี่ยนพากันขึ้นรถ
“ว่ามา เกิดอะไรขึ้น?”
พี่รองมองออกจากสีหน้าของน้องชายที่ดูเหมือนมีบางอย่างอยากคุยกับเขา
“ก่อนคุยกันอย่างเป็นทางการฉันอยากให้พี่ดูนี่ก่อนค่ะ”
เสี่ยวเชี่ยนยื่นแบบทดสอบที่พ่านพ่านทำให้พี่รอง พี่รองกวาดตาดูอย่างรวดเร็ว เขาดูแล้วไม่ค่อยเข้าใจ แต่พออ่านผลสรุปในตอนท้ายที่เสี่ยวเชี่ยนเขียนไว้เขาก็หน้านิ่ว
“เธอสงสัยว่าช่วงนี้ลูกพี่มีปัญหาทางจิตเหรอ? งั้นพี่จะใช้เวลากับเขาให้มากขึ้น ช่วงนี้พี่ไม่มีบินพอดี มีแผนรักษาอะไรที่พี่ต้องร่วมมือไหม?”
พี่รองยังคิดว่าเป็นเพียงปัญหาเล็กๆ เสี่ยวเชี่ยนไม่ให้ต้าอีอยู่เขาก็เข้าใจ เพราะเป็นห่วงคนท้อง
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นสิพี่รอง ผมมีเรื่องอยากบอกพี่ พี่ต้องเตรียมใจให้ดี”
เสี่ยวเฉียงบอกไม่ได้ว่าพ่อแท้ๆของพ่านพ่านเป็นใคร ข้อมูลที่อยู่ระหว่างการสืบสวนพวกนี้ล้วนเป็นความลับ กับพี่ชายแท้ๆก็บอกไม่ได้ เขาจึงทำได้แค่บอกอ้อมๆว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุมาแล้วหลายคดี
หลังจากที่พี่รองฟังเรื่องทั้งหมดจบสีหน้าก็เคร่งเครียดขึ้นมาทันที
“ฉันรู้ว่าถ้ามองในเรื่องความรู้สึกพี่รับไม่ได้กับผลที่เป็นแบบนี้แน่นอน แต่พวกเราต้องมองปัญหาโดยใช้สติ”
เสี่ยวเชี่ยนรู้ว่าการที่ตัวเองพูดแบบนี้เป็นเรื่องที่โหดร้ายมาก แต่ในฐานะที่เป็นหมอเธอต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา ห้ามใช้อารมณ์ส่วนตัวมาพูดอะไรที่ดูเป็นการไม่รับผิดชอบ
“สติคืออะไร? สติก็คือ เธอจะบอกให้พี่ทิ้งลูกชาย เธอสงสัยว่าลูกชายพี่มีปัญหาทางจิต เธอโมเมยกนักโทษที่ไหนไม่รู้มาอ้างเพื่ออยากบอกว่าลูกชายพี่มีปัญหางั้นเหรอ?”
เรื่องเกี่ยวข้องกับคนในครอบครัว สีหน้าของพี่รองแย่ลงไปมาก
เมื่อครู่อวี๋หมิงหลางก็ถามเสี่ยวเชี่ยนด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต่างจากพี่รอง แต่เวลานี้พอเห็นพี่รองเป็นแบบนี้เขาก็ไม่ลังเลที่จะออกหน้าปกป้องเสี่ยวเชี่ยน
“พี่รอง เสี่ยวเชี่ยนไม่ได้หมายความแบบนั้น อีกอย่างพี่ระวังคำพูดของพี่หน่อย อย่าพูดด้วยน้ำเสียงแบบนั้นกับเมียผม”
พี่รองเริ่มรู้สึกได้ว่าตัวเองพูดเกินไปจึงรีบขอโทษเสี่ยวเชี่ยน
“ขอโทษนะเสี่ยวเชี่ยน พี่ไม่ได้ตั้งใจ”
เรื่องมันเกิดขึ้นอย่างกะทันหันมาก พี่รองเป็นแบบนี้ก็ปกติ
เสี่ยวเชี่ยนพยักหน้าด้วยความเข้าใจ
“ฉันเข้าใจสาเหตุที่ทำให้อารมณ์พี่เป็นแบบนี้ค่ะ ตอนนี้จะพี่ก็ดี ฉันก็ดี พวกเราอย่าเอาอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง เราต้องใจเย็นๆ ค่อยๆหาทางแก้ไข แบบนี้ถึงจะยุติธรรมกับพี่ ลูกชายพี่ และก็ลูกที่ยังอยู่ในท้องต้าอีค่ะ”
จิตแพทย์เป็นอาชีพที่พิเศษมาก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ยังคงต้องวางตัวเป็นกลางและใจเย็นเวลาทำงาน ห้ามใช้อารมณ์เด็ดขาด
พี่รองสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดหายครั้ง เขาหันไปมองถนนด้านนอก
มีแม่คนหนึ่งเข็นรถเด็กอ่อนเดินผ่านไป
เขานึกถึงตอนพ่านพ่านเล็กๆ เลี้ยงดูตั้งแต่ตัวนิดเดียวมาจนถึงตอนนี้ นึกถึงตอนพ่านพ่านเรียกพ่อได้ครั้งแรก นึกถึงตอนที่พ่านพ่านพ่นน้ำลายใส่เขาด้วยความไร้เดียงสา คิดไปคิดมาความรู้สึกอึดอัดใจก็โอบล้อมรอบกายเขา
เสี่ยวเชี่ยนนั่งรอเงียบๆ เธอรู้ว่าเรื่องแบบนี้การจะให้คนทั่วไปยอมรับได้ต้องใช้เวลา เพราะมันโหดร้ายมาก
“เสี่ยวเชี่ยน จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญอย่างเธอตอนนี้พวกเราควรทำไง เอาเด็กไปทิ้งคงไม่ได้แน่ นั่นลูกพี่”
สติพี่รองกลับมาแล้วส่วนหนึ่ง สมกับเป็นนักบิน สุขภาพจิตดีมากกว่าคนปกติ
“คำแนะนำของฉันก็คือพาพ่านพ่านไปที่บ้านฉันให้ฉันทำการสังเกตพฤติกรรมระยะใกล้ไปช่วงหนึ่ง ว่ากันตามเหตุผลถึงคนที่มีบุคลิกแบบนี้จะเป็นภัยสูง แต่ก็เกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมของครอบครัวเหมือนกัน พี่กับต้าอีดีกับเด็กขนาดนั้น ครอบครัวเราก็อบอุ่น บางทีอาการอาจไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ฉันคิดก็ได้ค่ะ”
“แล้วถ้าอาการของพ่านพ่านแย่กว่าที่คิดล่ะ?” อวี๋หมิงหลางถาม
บรรยากาศภายในรถเข้าสู่ความเงียบ
นี่เป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ
“แม่ฮะ น้องชายผมอยู่ในนี้สบายดีไหมฮะ?”
พ่านพ่านเอามือน้อยๆวางทาบลงไปบนท้องของต้าอี จากนั้นก็เอาหน้าแนบท้องต้าอีด้วยความสงสัย
“ไม่รู้ว่าเป็นน้องชายหรือน้องสาวนะ แต่วันนี้ที่ไปตรวจดูคุณหมอบอกว่าน้องแข็งแรงดีจ้ะ”
“น้องชายสิฮะ! น้องอยู่ในนี้ต้องเป็นเด็กดีนะ ห้ามรังแกคุณแม่” พ่านพ่านชี้ท้องต้าอีพลางพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
พี่รองเปิดประตูเข้ามาเห็นภาพนี้พอดีก็รู้สึกอยากร้องไห้
นี่เป็นภาพที่อบอุ่นที่สุดปกติที่สุดในครอบครัวเขา แต่พอมาเห็นตอนนี้กลับรู้สึกปวดใจ
“พ่อฮะ!” พ่านพ่านพอเห็นพ่อกลับมาก็ยิ้มหน้าบานด้วยความดีใจ
นี่เป็นการแสดงออกเล็กๆน้อยๆแต่กลับทำให้พี่รองสะเทือนใจ