แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 1041 ประธานเชี่ยนได้ความรู้ใหม่ เสี่ยวเฉียงหาเรื่องโดนทุบ
- Home
- แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย
- ตอนที่ 1041 ประธานเชี่ยนได้ความรู้ใหม่ เสี่ยวเฉียงหาเรื่องโดนทุบ
ศาสตราจารย์หลิวให้สมุดบันทึกของตัวเองกับเสี่ยวเชี่ยนเท่านั้น เสี่ยวเชี่ยนก็เอาสมุดบันทึกของตัวเองให้ต้าอีเท่านั้น แต่บุคคลลึกลับคนนี้กลับเอาของสำคัญแบบนี้ให้เสี่ยวเชี่ยน
เคสการรักษาต่างๆที่อยู่ในเอกสารเสี่ยวเชี่ยนอ่านแล้วก็รู้สึกทึ่ง เธอรู้สึกได้เลยว่าคนเขียนต้องเป็นคนที่ฝีมือไม่ธรรมดา หรืออาจจะเก่งกว่าศาสตราจารย์หลิวด้วยซ้ำ!
มีการวิเคราะห์เคสใหญ่ๆระดับโลก สามารถเข้าร่วมเป็นหนึ่งในผู้วิจัยได้ก็แสดงว่าคนที่ส่งอีเมลฉบับนี้จะต้องมีสถานะที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน แถมแหล่งข้อมูลของเขาก็ใช่ว่าศาสตราจารย์หลิวจะมาเทียบได้
ความกลุ้มใจของเสี่ยวเชี่ยนได้รับการเยียวยาไปเกินครึ่ง เธออ่านเอกสารเหล่านั้นซ้ำไปซ้ำมากว่าสิบรอบ ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกได้ความรู้ใหม่เพิ่มขึ้น
ความรู้ความสามารถของหมอจะพัฒนาขึ้นก็ด้วยการสั่งสมประสบการณ์การรักษา เพื่อหาแนวทางของตัวเอง
แต่หมอแต่ละคนโดยเฉพาะจิตแพทย์จะมีข้อจำกัดเรื่องเคสคนไข้ที่เจอ อาการหรือโรคบางอย่างไม่มีทางได้พบเลยก็มี ต่อให้เสี่ยวเชี่ยนจะเก่งแค่ไหนก็ไม่มีทางแก้ปัญหาในเรื่องที่เธอยังไม่เคยเจอมาก่อนได้ ความรู้ของเธอมีจำกัด เคสรักษาที่มาถึงมือเธอก็มีขอบเขตที่จำกัดเช่นกัน
ถึงศาสตราจารย์หลิวจะค่อนข้างเก่งในเรื่องอาการจิตเวชที่พบบ่อยในสังคม แต่ถ้าเกี่ยวข้องกับเรื่องจิตวิทยาอาชญากรรมเธอก็ยังมีความรู้ไม่มากนัก แต่คนที่ส่งอีเมลให้เสี่ยวเชี่ยนคนนี้นั้นไม่เหมือนกัน เขาไม่เพียงแต่จะรอบรู้เรื่องอาการจิตเวชที่พบบ่อยในสังคม ยังเก่งเรื่องจิตวิทยาอาชญากรรมด้วย เคสรักษาที่เขาให้เสี่ยวเชี่ยนมาเป็นตัวอย่างที่ดีมาก
เมื่อภาวะบกพร่องด้านบุคลิกปรากฏในตัวคนทั่วไปจะส่งผลอย่างไร เมื่อภาวะบกพร่องด้านบุคลิกปรากฏในสภาพแวดล้อมหนึ่ง จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ผลที่ได้จากยี่สิบเคสนี้แตกต่างกัน อีกทั้งข้อมูลก็เป๊ะมาก ดูก็รู้ว่าเป็นประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญ ไม่ใช่นั่งเทียนเขียน
คนที่เขียนได้ละเอียดขนาดนี้มีอยู่แค่ไม่กี่คนแทบจะนับนิ้วได้เลย
และในบรรดาคนไม่กี่คนนั้น คนที่เสี่ยวเชี่ยนนึกได้และมีความเกี่ยวข้องกับตัวเองคงหนีไม่พ้นชีอวี่เซวียน บวกกับก่อนหน้านี้ชีอวี่เซวียนยังได้ให้หนังสือฟาร์มเจ็ดหมู่กับเธอมาเพื่อสอนการสะกดจิตแบบแทรกซึมด้วย…
เสี่ยวเชี่ยนลังเลเล็กน้อย เธอเคยแสดงออกไปอย่างชัดเจนแล้วว่าไม่ขอข้องเกี่ยวด้วย ถ้าแน่จริงก็ต้องลบเอกสารพวกนี้ทิ้งและเลิกดู แต่ว่าเอกสารพวกนี้มันสำคัญกับเธอมากในตอนนี้
แต่มือที่วางอยู่บนเม้าส์กลับคลิกลงไปไม่ได้
คิดไปคิดมา เธอจึงตัดสินใจตอบอีเมลกลับ ซึ่งพิมพ์ลงไปแค่ว่า ขอบคุณ
ไม่ว่าอย่างไร ยามที่เธอสมองตันไปหมดก็ได้อีเมลฉบับนี้ของชีอวี๋เซวียนนี่แหละที่ไขข้อข้องใจให้กับเธอ
นี่เป็นการช่วยเหลือครั้งที่สองจากชีอวี่เซวียน น้ำใจนี้เสี่ยวเชี่ยนไม่รับไม่ได้
อีกฝ่ายแทบจะตอบกลับในทันที มีเพียงอีโมติคอนหน้ายิ้มอันเดียว
คนๆนี้ฉลาดจริงๆ รู้ว่าถ้าคุยต่อยืดยาวอีกฝ่ายจะรำคาญ ไม่ได้เรียกร้องขอคำชมแต่กลับทำให้เสี่ยวเชี่ยนประทับใจ
กว่าอวี๋หมิงหลางจะกลับมาก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว เขาเห็นเสี่ยวเชี่ยนยังใส่ชุดเดียวกับเมื่อตอนกลางวัน แม้แต่ชุดอยู่บ้านก็ไม่เปลี่ยนไปใส่ ถึงขนาดที่ว่าไม่เปิดไฟห้องรับแขกด้วย ภายในห้องที่มืดสนิทมีเพียงแสงไฟจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ส่องสว่าง
“ลูกเชี่ยน อย่าบอกนะว่ายังไม่ได้กินข้าวเย็น?”
เห็นได้ชัดว่าใช่
“ฉันไม่มีเวลากิน…” เสี่ยวเชี่ยนเงยหน้าที่ซีดเซียว เธอกำลังอินกับเอกสารที่เหมือนมีมนต์สะกดพวกนี้
“มันคืออะไรเหรอ?” อวี๋หมิงหลางรู้ว่าเมียเขาไม่ใช่คนที่หมกมุ่นดูสิ่งที่ไม่ควรจนลืมกินข้าว สิ่งที่อยู่ในคอมพิวเตอร์จะต้องสำคัญมากแน่ๆ
“ถึงฉันจะไม่อยากยอมรับ แต่ปรมาจารย์ก็ยังเป็นปรมาจารย์อยู่วันยังค่ำ” เสี่ยวเชี่ยนปิดคอมพิวเตอร์
“ใคร?”
“ชีอวี่เซวียน เมื่อบ่ายเขาส่งเอกสารมาให้ฉัน ฉันรู้สึกตัวเองเหมือนถูกตอกกลับหน้าหงายยังไงไม่รู้”
“หืม?”
“ฉันคิดมาตลอดว่าตัวเองขึ้นถึงจุดสูงสุดแล้ว แต่พอฉันได้อ่านสิ่งที่เขาส่งมาให้ฉันถึงได้พบว่าตัวเองเพิ่งยืนอยู่แค่ช่วงกลางเขา หนทางยังอีกไกล”
อวี๋หมิงหลางนั่งฟังเธออย่างเงียบๆ เขารู้ว่าเสี่ยวเชี่ยนมั่นใจในความรู้ที่ตัวเองมีอยู่มาก นับตั้งแต่เธอเริ่มรักษาคนไข้มาก็ไม่เคยเจอเคสยากถึงขนาดที่เธอรักษาไม่ได้ แต่จะว่าไปกรณีของพ่านพ่านก็ไม่ได้ยากอะไร เพียงแต่มีเรื่องความรู้สึกส่วนตัวเข้ามาคั่นกลางก็เท่านั้น
แต่ทำไมเธอถึงได้ชมชีอวี่เซวียนไม่ขาดปากทั้งๆที่เธอบอกไม่ชอบมาตลอด? ก่อนหน้านี้ตอนที่ชีอวี่เซวียนส่งหนังสือหนังแกะมาให้เธอ เธอยังแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่าชีอวี่เซวียนให้มาอยู่เลย นี่ก็แสดงว่าความรู้สึกของเมียเขาเปลี่ยนไป
“อันที่จริงเรื่องของพ่านพ่านก็ไม่ถึงกับยาก แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าต้องจัดการยังไง จนกระทั่งฉันได้อ่านเอกสารที่เขาส่งมาให้ ถึงจะมีแค่สองเคสที่คล้ายกับพ่านพ่าน แต่เคสอื่นๆก็เป็นกรณีที่น่าศึกษามาก มันเป็นข้อมูลที่หาไม่ได้จากข้างนอก ทีมของเขาแข็งแกร่งมาก ข้อมูลบางอย่างในนี้ได้มาจากการติดตามผลอยู่หลายปี ข้อมูลพวกนี้ต่อให้เวลาผ่านไปอีกเป็นสิบปีก็ไม่มีทางเปิดเผยให้คนภายนอกได้รู้ สำหรับพวกเราแล้วมันคือ—”
เสี่ยวเชี่ยนไม่รู้ควรจะอธิบายยังไงดี
“คัมภีร์ทานตะวัน[1]?” อวี๋หมิงหลางต่อให้
เสี่ยวเชี่ยนถลึงตาใส่ “คัมภีร์วิทยายุทธ์ที่ไม่ต้องตอนตัวเองต่างหาก!”
อวี๋หมิงหลางครุ่นคิด เอาสิ่งที่เธอพูดเชื่อมโยงกับโลกนิยายกำลังภายใน “นั่นก็หมายความว่า ฝีมือของคุณในตอนนี้ก็ประมาณว่าเป็นศิษย์เอกของสำนักง้อไบ๊ ซึ่งก็คือจิวจี้เยียก[2] แต่สิ่งที่ชีอวี่เซวียนให้คุณ ก็เหมือนกับจิวจี้เยียกที่กลายเป็นมารในภายหลัง ฝึกวิชากรงเล็บกระดูกขาวจนติดอันดับยอดฝีมือ?”
เสี่ยวเชี่ยนไม่ชอบที่เขายกเธอเปรียบกับผู้หญิงที่ไม่ตัดเล็บคนนั้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าข้อมูลที่ชีอวี่เซวียนให้เธอมามันแตกต่างจากสิ่งที่เธอเคยศึกษา!
อวี๋หมิงหลางมองเสี่ยวเชี่ยนอยู่สักพัก สุดท้ายก็พูดประโยคคลาสสิกออกมา
“เมียจ๋า! ต่อไปห้ามซื้อลิปสติกสีดำ แล้วก็ห้ามแต่งหน้าเข้มด้วยนะ”
“…?”
“เพราะในละครน่ะ มีแต่ผู้หญิงที่จะกลายเป็นปีศาจที่แต่งแบบนั้น ต่อมาก็จะไปทำเรื่องเลวๆ”
เสี่ยวเชี่ยนจากที่เครียดอยู่ก็ผ่อนคลายลงทันที ไม่รู้ว่าควรจะโมโหหมอนี่พูดจาเพ้อเจ้อหรือขอบคุณที่เขาช่วยให้เธอผ่อนคลายดี
“ไม่ต้องเครียดขนาดนั้น เขาเก่งก็เรื่องของเขา คุณเองก็เก่งเหมือนกัน ไม่ต้องสนว่าตัวเองยังอยู่ห่างจากจุดสูงสุดอีกไกลแค่ไหน ตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว”
“ฉันไม่ได้เครียดเรื่องนั้น ฉันก็แค่รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมานิดหน่อย ก็เหมือนกับคนปีนเขาที่พอไปถึงยอดก็รู้สึกเบื่อ แต่อยู่ๆก็เห็นว่ายังมีทางให้ขึ้นไปต่อเสียอย่างนั้น”
คราวก่อนตอนที่ถูกนักสะกดจิตลึกลับนั่นหยามศักดิ์ศรี เสี่ยวเชี่ยนก็เกิดความรู้สึกแบบนี้มาบ้างแล้ว แต่ครั้งนี้แค่ชีอวี่เซวียนให้เอกสารเธอมา ก็ทำให้ความรู้สึกนั้นมันชัดเจนยิ่งขึ้น
“เรื่องพ่านพ่านคุณหาข้อมูลไปถึงไหนแล้ว?” อวี๋หมิงหลางกลัวว่าถ้าปล่อยเธอคิดต่อไปจะยิ่งกู่ไม่กลับ เมียเขามีจุดเด่นอยู่อย่าง ถ้าเธอมีเป้าหมายแน่วแน่แล้วก็จะนั่งศึกษาจริงจังจนลืมกิน คล้ายกับพวกจอมยุทธ์ที่เก็บตัวฝึก
“ฉันคิดมาตลอดช่วงบ่าย อยู่ๆก็เข้าใจขึ้นมาเรื่องหนึ่ง”
อวี๋หมิงหลางเห็นเธอทำหน้าเครียดจึงจริงจังขึ้นมาทันที
“อะไรเหรอ?”
[1] สุดยอดคัมภีร์เล่มหนึ่งในนิยายกำลังภายใน ปรากฏครั้งแรกในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักร
[2] ตัวละครในเรื่องดาบมังกรหยก