แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 1072 โรคที่เกิดจากการนอกใจคือโรคจิตเวชอะไร
ตอนพี่ใหญ่ทิ้งบัตรไว้ให้เขากำลังคุยโทรศัพท์อยู่ ยังไม่ทันที่เฝิงม่านม่านจะได้พูดอะไรเขาก็ออกไปแล้ว
เสี่ยวเชี่ยนก็แค่เกริ่นนำให้พี่ใหญ่ ส่วนที่เหลือพี่ใหญ่คิดวางแผนเอาเอง ซึ่งมันทำให้เฝิงม่านม่านเชื่อได้พอดีและทำให้เฝิงม่านม่านไม่ได้เงินสักบาท พี่ใหญ่พูดเอาไว้ว่า
ให้เงินแค่แดงเดียวยังรู้สึกว่ามากไปเลยด้วยซ้ำ
เสี่ยวเชี่ยนกำลังนวดบ่าเป็นเพื่อนพี่สะใภ้ใหญ่อยู่ที่คลับ ราวกับว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
นวดเสร็จเสี่ยวเชี่ยนก็ให้พนักงานนวดออกไป พี่สะใภ้ใหญ่นอนคว่ำอยู่บนเตียงที่เต็มไปด้วยกลีบดอกไม้ หลับตา ดูไม่ออกว่ารู้สึกยังไง แม้แต่คิ้วก็ไม่ขมวด
“ฉันมีเรื่องสนุกจะเล่าให้ฟังค่ะพี่สะใภ้ใหญ่ พี่รู้ไหมคะ อีกหน่อยพวกพนักงานเสริมความงามส่วนใหญ่จบจากสาขาฉันทั้งนั้น พอเรียนจบหางานที่เหมาะสมไม่ได้ก็เลยไปทำงานที่คลินิกเสริมความงาม เดือนๆนึงได้เงินเยอะเลยนะคะ”
“หืม?” พี่สะใภ้ใหญ่ลืมตา
“พี่ว่ามันแปลกใช่ไหมคะ? อันที่จริงมันก็สอดคล้องกับความต้องการของสังคม คนที่มาที่แบบนี้ได้ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงที่มีรายได้สูง มีการงานมั่นคง เป็นคลินิกเสริมความงามก็จริง แต่จริงๆแล้วมาก็เพื่อผ่อนลายความเครียด ถ้าพนักงานนวดมีความรู้ด้านจิตวิทยาอยู่บ้าง ลูกค้าก็จะประทับใจในบริการมากขึ้นค่ะ”
ค่าใช้จ่ายของคลับเสริมความงามระดับสูงไม่ใช่น้อยๆ พนักงานที่ให้บริการก็ย่อมมีความรู้ความสามารถด้วย
“มีอะไรให้น่าคุยกับพนักงานเหรอ?” พี่สะใภ้ใหญ่ไม่ค่อยเข้าใจ
เธอมาคลินิกเสริมความงามเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ไม่ค่อยพูดเรื่องตัวเองเท่าไร
“ผู้หญิงที่รายได้สูงหลังเลิกงานไม่ค่อยอยากพูดเรื่องที่บริษัทเท่าไรหรอกค่ะ พวกเขาอยากหาคนคุยเรื่องไร้สาระด้วยมากกว่า อย่างเช่นเม้าท์แม่สามี คุยเรื่องลูกอะไรแบบนี้”
“ถ้าเป็นแบบนั้น ชีวิตพี่ก็สงบสุขมากแล้วสินะ” พี่สะใภ้ใหญ่พูด
เมื่อเทียบกับผู้หญิงร่ำรวยคนอื่น ชีวิตเธอราบรื่นมากกว่าใคร
พ่อแม่สามีดีกับเธอมาก วันๆเธอยุ่งอยู่แต่กับงานไม่ค่อยได้สนใจเรื่องอื่นเท่าไร ลูกชายสองคนก็เป็นเด็กดีไม่มีอะไรให้ต้องเหนื่อยใจ มาที่แบบนี้เลยไม่มีอะไรให้คุย
ทุกข์มากไปก็ไม่ดี สุขมากไปก็กลุ้ม เพราะชีวิตราบรื่นเกินไปผู้หญิงอย่างเฝิงม่านม่านถึงได้ฉวยโอกาสเข้ามาได้
“สงบสุขก็ใช่ว่าจะไม่ดี มีคนตั้งเท่าไรที่อยากได้ชีวิตที่สงบสุขแต่กลับไม่ได้”
พี่สะใภ้ใหญ่หลับตาอีกครั้ง เธอแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจความหมายที่เสี่ยวเชี่ยนพูด จากนั้นก็โบกมือ ความหมายคือให้เปลี่ยนเรื่องคุย
“ไม่รู้ทำไมวันนี้พี่ถึงรู้สึกมือชา เดี๋ยวต้องให้พนักงานนวดหน่อยแล้ว”
เสี่ยวเชี่ยนเพ่งมอง เกิดอาการมือชาเลยเหรอ?
หนักกว่าที่คิด…
นี่ก็คือจุดประสงค์ที่เธอออกมากับพี่สะใภ้ใหญ่ ต้องการบำบัดจิตใจให้
ทันใดนั้นเองโทรศัพท์ของเสี่ยวเชี่ยนก็ดังขึ้น
“สุ่ยเซียนมีธุระเหรอ? อ่อ มีคนอยากปรึกษาฉัน? เขาอยากถามอะไรเหรอ?”
พอได้ยินเสี่ยวเชี่ยนคุยเรื่องงานพี่สะใภ้ใหญ่จึงลุกขึ้นจะออกไปหากาแฟดื่ม เสี่ยวเชี่ยนจะได้คุยอย่างสะดวก
แต่ประโยคถัดมาของเสี่ยวเชี่ยนกลับรั้งพี่สะใภ้ใหญ่ไว้ได้สำเร็จ
“เรื่องสามีมีเมียน้อย?”
ตอนเสี่ยวเชี่ยนพูดสายตาได้เหลือบมองพี่สะใภ้ใหญ่
พี่สะใภ้ใหญ่ก็หยุดอยู่ตรงนั้น
มาถึงตอนนี้ เรื่องแบบนี้กลายเป็นเรื่องที่อ่อนไหวมาก
“อ่อหลังจากเกิดเรื่องบางอย่างลูกค้าก็สงสัยว่าสามีตัวเองนอกใจ ถึงแม้จะไม่มีหลักฐานก็ตาม เกิดการระแวง? เธอบอกว่าเขาถึงขนาดสังเกตกางเกงในของสามีทุกวันเลยเหรอว่าเขาเปลี่ยนตอนอยู่ข้างนอกหรือเปล่า?”
เสี่ยวเชี่ยนพูดไปมองพี่สะใภ้ใหญ่ไป
สุ่ยเซียนที่อยู่ปลายสายไม่เข้าใจ “เชี่ยนเอ๋อวันนี้เธอเป็นอะไร ทำไมฉันพูดเสร็จเธอต้องพูดซ้ำด้วย?”
ทำอย่างกับจงใจพูดให้คนอื่นได้ยิน ปกติเวลามีเรื่องแบบนี้พอสุ่ยเซียนพูดเสร็จเสี่ยวเชี่ยนก็แค่ตอบอืม จากนั้นก็เลือกว่าจะรับหรือไม่รับ
“พูดถึงเรื่องนอกใจมันคือการขาดความเชื่อใจที่มีสาเหตุมาจากการรู้สึกขาดความรัก รู้สึกระแวง ซึ่งต่อมาก็จะทำให้รู้สึกหวาดกลัวและวิตกกังวล พอหนักเข้าก็จะนอนไม่หลับ ใจสั่น แขนขาชา ผู้ป่วยบางคนถึงขั้นเป็นผื่นแดงที่หน้าเลยก็มี การนอกใจไม่ใช่แค่สร้างผลกระทบทางจิตใจเท่านั้น ยังทำให้หวาดระแวงด้วย”
“เธอกำลังแกล้งหลอกใครอยู่น่ะ เอาเลย ฉันจะฟังให้เอง เชิญหมอเฉินเริ่มแสดงได้ค่ะ!” สุ่ยเซียนเหมือนจะเข้าใจอะไรขึ้นมาแล้ว จึงยอมยกเวลาให้เสี่ยวเชี่ยน ส่วนเธอจะเป็นผู้ฟังให้เอง
“การเยียวยาบาดแผลที่เกิดจากการนอกใจ ลดการหวาดระแวง หลายคนมักจะพูดปลอบใจตัวเองว่าอย่าคิดมาก ไม่มีอะไรหรอก ถ้าไม่เลือกอดทนไว้ก็ตัดขาดไปเลย อันที่จริงเวลาเจอปัญหาคนที่ควรนึกถึงเป็นอันดับแรกเลยก็คือจิตแพทย์อย่างพวกฉัน แม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยที่เกิดขึ้นในที่ทำงานก็มาระบายกับจิตแพทย์ได้แล้วทำไมเรื่องใหญ่อย่างปัญหาในชีวิตคู่ถึงต้องทนเก็บเอาไว้ด้วยล่ะ?”
“อืมๆ เธอใจกว้าง พูดอะไรก็ถูกหมด” สุ่ยเซียนเออออไปตามเรื่อง
“วิธีรักษาแบบใช้สติลดความเครียดจะช่วยให้ควบคุมอารมณ์ได้ เวลาเจอกับปัญหาที่ผ่านไปไม่ได้ก็ควรไปขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ เพราะหลายคนเลยล่ะที่ไม่ยอมรักษาตั้งแต่เนิ่นๆที่เริ่มมีปัญหา กว่าจะไปขอความช่วยเหลือจากจิตแพทย์ก็กลายเป็นโรคจิตเวชไปแล้ว แบบนั้นจะยิ่งจัดการยาก”
“โอเค ฉันยอมแล้วค่ะหมอเฉิน ขนาดโทรคุยกับเพื่อนยังหลอกต้มคนได้ ฉันควรเก็บค่าเสียเวลาจากเธอไหม เธอเห็นฉันเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการรักษาใช่ไหม?”
“จะเอาเงินฉันไม่มีให้หรอก บอกลูกค้าเธอนะว่าฉันรับเคสนี้ ราคาก็ตามเดิม”
เสี่ยวเชี่ยนวางสายแล้วหันไปยิ้มให้พี่สะใภ้ใหญ่ “อยากมาปรึกษากับฉันไหมคะ?”
คำพูดเมื่อครู่ของเสี่ยวเชี่ยนทำให้พี่สะใภ้ใหญ่เข้าใจอะไรขึ้นมาบ้าง
เธอยกมือที่รู้สึกชาของตัวเอง “นี่ ก็เป็นโรคจิตเวชเหรอ?”
เธอรู้สึกมือชากำลังจะไปให้พนักงานนวดอยู่พอดี
เสี่ยวเชี่ยนพยักหน้า เธอกลัวว่าพี่สะใภ้ใหญ่จะมีอาการข้างเคียงจากเรื่องนี้ก็เลยตามมา การนอกใจก็เหมือนกับกิโยตินในชีวิตคู่ ‘การนอกใจ’ ครั้งนี้ของพี่ใหญ่เป็นเพียงแผนของเฝิงม่านม่าน แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่สำเร็จ
พี่ใหญ่ประคองชีวิตคู่เอาไว้ได้ แต่เรื่องนี้ก็สร้างความสะเทือนใจให้กับพี่สะใภ้ใหญ่ เธอแสดงออกภายนอกว่าเข้มแข็ง แต่ในใจกลับบอบช้ำ ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปกติ
การที่อยู่ๆก็รู้สึกมือชานั้นเป็นปฏิกิริยาตอบสนองทางร่างกายที่ได้รับผลกระทบจากจิตใจถูกทำร้าย
สำหรับผู้หญิงแล้วการเปลี่ยนงานตอนอายุสามสิบ หย่าตอนสี่สิบ นับเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิต แน่นอนว่าพี่สะใภ้ใหญ่ไม่มีทางหย่า แต่เรื่องนี้ก็ทำให้เธอสะเทือนใจไม่น้อยเหมือนกัน
โรคจิตเวชที่เสี่ยวเชี่ยนวางแผนให้เฝิงม่านม่านเป็นชื่อว่าโรคกลัวเอดส์ ถ้าอย่างนั้นอาการของพี่สะใภ้ใหญ่ในเวลานี้เสี่ยวเชี่ยนคิดว่าอาจเรียกว่าโรคกลัวการหย่าร้างก็เป็นได้
เพราะแคร์มากจึงกลัวจะเสียไป เฝิงม่านม่านกลัวตายกับกลัวร่างกายอ่อนแอ พี่สะใภ้ใหญ่กลัวชีวิตคู่พังและกลัวการสูญเสียครอบครัว
มนุษย์ก็เป็นมนุษย์อยู่วันยังค่ำ ไม่ใช่เทพ
“เสี่ยวเชี่ยน อย่างพี่เรียกวิตกจริตไหม? เห็นๆอยู่ว่าเรื่องไม่มีอะไร สิ่งที่พี่ได้ครอบครองอยู่ก็มีตั้งเยอะแล้ว แต่ทำไมพี่กลับเสียใจในเรื่องที่ยังไม่แน่ใจแบบนี้ พี่ควรจะหนักแน่นกว่านี้หรือเปล่า?”
เสี่ยวเชี่ยนกอดปลอบพี่สะใภ้ใหญ่ “พี่จะบอกกับคนไข้ของพี่ไหมคะว่าที่ป่วยเป็นเพราะคนไข้ทำตัวเอง อ่อนแอเอง?”