แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 1086 ไม่ได้ง่ายแบบนั้น
เธอได้ยินวิทยุรายงานเสียงดังฟังชัด
“เมื่อไม่กี่วันมานี้มีบ้านหนึ่งขังสุนัขขนาดใหญ่ไว้ในบ้าน แต่กลับนึกไม่ถึงว่ามันจะพลัดตกจากระเบียงมาทับคนที่เดินผ่านมาตาย ขณะนี้ญาติผู้ตายกำลังเรียกร้องค่าชดเชยและเรื่องได้เข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องแล้วครับ…”
สุนัขขนาดใหญ่…ดูเหมือนหมาบ๊องนั่นก็ตัวใหญ่อยู่นะ จากหลักการเรื่องความเร็วที่เพิ่มขึ้นเมื่อตกจากที่สูง ถ้าตกลงไปทับคนต่อให้ไม่ตายก็อาการร่อแร่?
นึกถึงคำพูดที่เสี่ยวเฉียงกำชับนักกำชับหนาก่อนไปให้ดูแลหมาตัวนั้นให้ดี ไหนจะสายตาอ้อนวอนของเขาอีก เสี่ยวเชี่ยนหักพวงมาลัยกลับ ก็ได้!
เธอยอมรับในความซวยนี้แล้ว
เธอเลี้ยวรถกลับไปบ้านเดิม
ทำตัวต่อต้านแต่กลับเป็นแบบนี้มันช่างน่าเศร้า
เธอไปรับหมาบ๊องนั่นกลับบ้านด้วยดีกว่า ถ้าเสี่ยวเฉียงกลับมาจากทำภารกิจแล้วเห็นหมาตายจะต้องโมโหมากแน่ โดยส่วนตัวเธอเกลียดการเอาสัตว์ที่มีขนมาไว้ในบ้านมาก แต่นึกถึงท่าทางของเขาในวันนี้ยอมถอยสักก้าวก็ไม่เป็นไร
อวี๋หมิงหลางเป็นคนที่รักพวกพ้องมาก เขาคิดถึงความรู้สึกของเธอเลยเอาหมามาเลี้ยงไว้ที่นี่ไม่พากลับบ้าน แค่นี้ก็พัฒนาขึ้นไม่น้อยแล้ว
อีกอย่างก่อนหน้านี้มีเรื่องเมียน้อยเข้ามารบกวนจิตใจ แต่พอเรื่องกลับกลายเป็นแบบนี้เสี่ยวเชี่ยนก็หายเครียดไปมาก ถึงเธอจะไม่สบอารมณ์เรื่องเลี้ยงหมา แต่ถ้าเทียบกับเรื่องสามีแอบเลี้ยงใครไว้นอกบ้าน เรื่องแค่นี้มันเล็กน้อย
ดังนั้นพอต้าอีมาดูเสี่ยวเชี่ยนด้วยความเป็นห่วง เธอจึงไม่ได้เห็นภาพภรรยาร้องไห้คร่ำครวญที่สามีมีเมียน้อย แต่กลับเห็นเสี่ยวเชี่ยนประจันหน้ากับหมา ต้าอีถึงกับงง
“ประธานเชี่ยน…นี่มัน…อะไรกัน?!”
หมาที่ถูกประธานเชี่ยนล่ามไว้ที่ประตูคืออะไร?
อวี๋หมิงอี้รีบขวางต้าอีไว้ทันที เธออยากเปลี่ยนรองเท้าเข้าไปในบ้านแต่อวี๋หมิงอี้ไม่ให้เข้า
คนท้องต้องอยู่ให้ห่างจากวัตถุมีขน ในหนังสือเขียนไว้
เสี่ยวเชี่ยนกำลังนั่งนวดแขนที่ปวดอยู่ที่โซฟา การพามันกลับมาเหมือนเป็นภัยพิบัติอย่างหนึ่ง มันไม่ให้ความร่วมมือกับเธอเลยสักนิด ลากยังไงก็ไม่ขยับ สุดท้ายเสี่ยวเชี่ยนเลยชี้ไปที่เสื้ออวี๋หมิงหลางที่อยู่บนตัวพลางข่มขู่มัน บอกว่านี่เป็นคำสั่งของอวี๋หมิงหลาง มันถึงจะยอมให้ลากออกไป
“ออกจะชัดเจนก็หมาไง อ่อ เพราะมันเคยทำงานในค่ายทหารต่อให้ปลดประจำการแล้วก็ต้องเรียกว่าสุนัข เท่าที่ฉันสังเกตอยู่นานมันน่าจะเป็นลาบราดอร์สายพันธุ์แท้”
“ลาบราดอร์?” ต้าอีทำตัวเหมือนนกแก้ว พูดตามเสี่ยวเชี่ยน
“ใช่ เธอดูสิ ขนของมันไม่ได้ยาวมาก รูปร่างหน้าตาคล้ายหมาเฝ้าท้องนา สีขนน้ำตาลออกทองๆเชยสะบัด ดังนั้นฉันขอฟังธงว่ามันคือลาบราดอร์ขนเหลืองไม่ใช่โกลเด้น”
เพื่อให้แน่ใจในเรื่องนี้เสี่ยวเชี่ยนถึงกับสืบค้นข้อมูลในอินเตอร์เน็ต
สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์กับโกลเด้นคล้ายกันมาก อวี๋หมิงหลางเองก็ไม่ได้บอกว่ามันพันธุ์อะไร เสี่ยวเชี่ยนเลยไปหาเอง ในสายตาของเธอหมาตัวนี้ไม่ต่างอะไรกับหมาเฝ้าท้องนา แต่ดูเหมือนค่ายทหารจะมีกฎอยู่ว่าไม่เลี้ยงหมาบ้าน ดังนั้นเธอจึงเดาว่านี่เป็นพันธุ์ลาบราดอร์
ในเน็ตบอกว่าถึงลาบราดอร์กับโกลเด้นจะคล้ายกันมาก แต่โกลเด้นดูดีมีสกุลกว่าเยอะ ลาบราดอร์เหมือนหมาบ้าน ถ้าเดินๆอยู่แล้วเจอหมาตัวใหญ่ขนสีน้ำตาลทองที่ดูดีมีสกุลแต่ไม่รู้ว่าพันธุ์อะไรให้รู้ไว้เลยว่าคือโกลเด้น แต่ถ้าเห็นหมาตัวใหญ่ขนน้ำตาลทองเหมือนกัน แต่ดูบ้านนอกมาก นั่นไม่ใช่หมาบ้าน แต่มันคือลาบราดอร์”
เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกว่าหมาตัวนี้ไม่ควรชื่อคนสวย ควรเรียกว่าสาวบ้านนามากกว่า
“เธอไม่ชอบเลี้ยงหมาไม่ใช่เหรอ? ทำไม—?!” ต้าอีทำหน้าตกใจ
ในสมองจินตนาการเตลิดไปไกล ประธานเชี่ยนคงไม่ใช่จับได้ว่าเสี่ยวเฉียงมีเมียน้อย ด้วยความโมโหเลยเอาหมามาเลี้ยงเพื่อทำลายศพไม่ให้เหลือซาก?
ในสมองของคนท้องปรากฏภาพหลังจากที่ประธานเชี่ยนทำการแยกชิ้นส่วนศพของอวี๋หมิงหลางแล้วก็เอาให้หมาแทะ…
“นี่ก็คือความรู้สึกที่แตกต่างในทางจิตวิทยาไงล่ะ”
ต้าอีทำหน้างง เธอตามความคิดของประธานเชี่ยนไม่ทัน
“ความหมายก็คือเวลาที่เธอรู้สึกว่าเรื่องมันเลวร้ายมากๆแต่อยู่ๆก็เจอเรื่องที่เลวร้ายกว่า เธอก็เลยยอมรับเรื่องเลวร้ายก่อนหน้านี้ได้ ก็เหมือนกับฉันที่ไปตามจับเมียน้อย แต่กลับพบว่าไม่มีเมียน้อยมีแต่หมา ความรู้สึกที่แตกต่างกันนี้มันเลยทำให้ฉันไม่ได้รังเกียจหมาหน้าตาบ้านนอกนี่เท่าไร เข้าใจมะ?”
ต้าอีพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ ดังนั้นสรุปคืออวี๋หมิงหลางไม่ได้ทำเรื่องที่ผิดต่อเสี่ยวเชี่ยน?
แบบนั้นก็ดีเลย
วันนี้เธอเอาแต่คิดเรื่องนี้ พอลูกชายหลับเธอจึงรีบมาดูประธานเชี่ยน
“พวกเธอไม่เข้ามาเหรอ ยืนทำอะไรตรงประตูน่ะ” เสี่ยวเชี่ยนกวักมือเรียก
“กลับบ้าน” พี่รองเห็นท่าทางของเสี่ยวเชี่ยนก็รู้ว่าไม่มีอะไรแล้วจึงเตรียมพาต้าอีกลับ เขายังจำได้ว่าห้ามให้หมาเข้าใกล้คนท้อง
“พี่รองพ่านพ่านเป็นไงบ้างคะ?” เสี่ยวเชี่ยนถามพี่รองที่เตรียมชิ่ง
“หยุดอ้วกแล้ว พรุ่งนี้ให้น้ำเกลืออีกวันก็ไม่น่ามีอะไรแล้ว”
“งั้นพรุ่งนี้ให้น้ำเกลือเสร็จพาพ่านพ่านกลับไปอยู่บ้านแม่นะคะ”
เสี่ยวเชี่ยนนึกถึงเรื่องที่อวี๋หมิงหลางบอกว่านักโทษแหกคุก เธอไม่วางใจ
นักโทษคนนั้นเป็นคนฉลาด คงรู้อยู่แล้วว่าตัวเองยังไงก็ตาย เกิดออกมาแล้วสืบจากแม่พ่านพ่านจนมาเจอพ่นพ่านได้จะทำไง?
พี่รองถามเสี่ยวเชี่ยนทางสายตา เขารู้ว่าเสี่ยวเชี่ยนไม่ใช่คนที่จะพูดเรื่องไร้สาระ
“ภารกิจครั้งนี้ของเสี่ยวเฉียงคือตามจับนักโทษแหกคุก ไม่รู้ว่าอีกกี่วันจะกลับ พ่อกับแม่พวกเราก็คงเป็นห่วงคิดถึงหลาน พี่พาพ่านพ่านกลับไปคนแก่เห็นหลานก็สบายใจ พวกเราก็วางใจ”
เสี่ยวเชี่ยนพูดออกมาแบบนี้เธอเชื่อว่าระดับสติปัญญาอย่างพี่รองจะต้องเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่
ตามคาด พี่รองฟังจบใช้เวลาคิดแค่สองวินาทีก็เข้าใจ
หรือเสี่ยวเชี่ยนจะหมายความว่า—
เขาหันไปมองเสี่ยวเชี่ยน เสี่ยวเชี่ยนพยักหน้าให้ ใช่ หมายความแบบนั้นแหละ
“เดี๋ยวพี่พาพ่านพ่านกลับเลย พรุ่งนี้ค่อยให้พยาบาลมาให้น้ำเกลือที่บ้าน”
พี่รองตัดสินใจเด็ดขาด นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
“ทำไมรีบแบบนั้นล่ะคะ?” ต้าอีไม่รู้เรื่องอะไรตั้งแต่แรก เธอแอบรู้สึกได้ว่าคำพูดเมื่อกี้ของเสี่ยวเชี่ยนฟังดูแปลกๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าสองคนนี้คุยเรื่องอะไรกัน
“ไม่มีอะไรหรอกก็แค่คนแก่คิดถึงหลาน รีบกลับไปทุกคนก็วางใจ สภาพแวดล้อมของโรงพยาบาลที่แม่พวกเราทำงานดีที่สุดแล้ว พ่านพ่านก็จะได้มีคนดูแลเป็นอย่างดีด้วย”
คำพูดนี้ของเสี่ยวเชี่ยนก็แฝงความนัย
ขอแค่พ่านพ่านกลับไปอยู่ในความดูแลของพ่ออวี๋แม่อวี๋ ย่อมมีความปลอดภัยเต็มร้อย
บ้านพักสวัสดิการของทหารเหมือนกัน แต่หมู่บ้านที่พ่ออวี๋แม่อวี๋อยู่ความปลอดภัยเข้มงวดกว่าบ้านพักของสองพี่น้องในเมืองนี้ และเหตุผลสำคัญคือขอแค่พ่านพ่านไปอยู่บ้านพ่ออวี๋ก็เท่ากับตัดขาดจากโลกภายนอก ครูที่โรงเรียนก็ไม่รู้ว่าเด็กไปไหน พ่ออวี๋มีทหารอารักขาส่วนตัว ที่บ้านมีน้าแม่บ้านคอยบริการ ต้าอีกับพ่านพ่านไม่ต้องออกไปไหน รอจนกว่าอวี๋หมิงหลางจะจับคนร้ายกลับมาได้
“แต่ทำไมฉันรู้สึกว่าคำพูดของพวกเธอสองคนฟังดูเหมือนมีอะไร?” ต้าอีมองเสี่ยวเชี่ยนแล้วหันไปมองพี่รองที่อยู่ๆก็ทำหน้าเครียด เซ้นส์เธอบอกว่าเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นแล้ว แต่สองคนนี้ไม่คิดจะบอกเธอ