แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 596
แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย – ตอนที่ 596 ไปให้พ้นหน้ากับความว่างเปล่า
“ผมชื่อจือหมิง พ่อผมใช้ชื่อของผมตั้ง อยากให้กิจการบ้านเราเจริญรุ่งเรืองอย่างชื่อผม แต่ปีที่แล้วผมสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ติดเลยต้องกลับมาช่วยงานที่บ้าน กิจการก็ไม่ได้ดีเท่าไร สองเดือนมานี้มีแค่พวกคุณนี่แหละที่ยอมอยู่ค้าง”
รีสอร์ทดัง สภาพแวดล้อมสงบรมรื่น ฟังเสียงกบนอนชมดาว เสี่ยวเชี่ยนมองใบหน้าที่รู้สึกผิดของอวี๋หมิงหลาง ตอนนี้สิ่งที่อยากทำมากที่สุดก็คืออัดหน้าเขาให้เห็นดาวเห็นเดือน
ภาพที่อวี๋หมิงหลางจินตนาการไว้ว่าจับมือเสี่ยวเชี่ยนนั่งดูดาวในสวนที่มีความสงบร่มรื่น ภาพบรรยากาศอันแสนสุขนั้นสลายไปทันตา
หลังจากกินอาหารที่เจ้าของร้านตั้งใจทำให้อย่างเต็มที่ เสี่ยวเชี่ยนก็กลับไปห้องพักแขก เธอกระดิกนิ้วเรียกอวี๋หมิงหลาง เขารีบเดินตามไปอย่างดีใจ คิดว่าเธออภัยให้แล้ว
ปิดประตู มีแต่เสียงตุบตับดังออกมาจากข้างใน โชคดีที่อวี๋หมิงหลางหนังหนาร่างกายบึกบึน นี่ถ้าเป็นผู้ชายปกติคงคุกเข้าอ้อนวอนไม่ก็โมโหกลับไปนานแล้ว
เขาไม่หลบ ยืนตรงอยู่แบบนั้นปล่อยให้เสี่ยวเชี่ยนทั้งตบทั้งถีบระบายอารมณ์ตามสบาย พอเธอเหนื่อยจนนั่งหอบบนเตียงทำความร้อนแล้ว เขาจึงไปช่วยเธอจัดสัมภาระอย่างเงียบๆ
ปูเตียงให้อย่างดี ของก็จัดเรียบร้อย หลังจากทำทุกอย่างเสร็จแล้วเขายังไปเอาผ้าขนหนูชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้เธอ คนที่รู้ตัวว่าผิดทำได้แค่ใช้การกระทำแสดงถึงความรู้สึกผิด
เสี่ยวเชี่ยนมองอย่างเย็นชา เขาจัดการเสร็จเรียบร้อยก็มองหน้าเธอ เสี่ยวเชี่ยนชี้ไปข้างนอก
อวี๋หมิงหลางรีบทำตามคำสั่ง ลูกเชี่ยนให้เขาออกไป เขาก็จะออก
พอเขาออกจากห้องไปแล้วเธอก็ปิดประตู ไม่ได้มีเยื่อใยเลยแม้แต่น้อย
เขายืนอยู่หน้าห้องมองประตูที่ปิดอยู่อย่างเงียบๆ ไม่ถึงสามวินาทีประตูก็เปิดออก อุปกรณ์เต็นท์ถูกโยนออกมา ตามด้วยคำพูดที่แสนเย็นชาของเธอ
“พอฟ้าสว่างรีบหารถให้ฉันลงจากเขา ถ้ากล้าเล่นอะไรพิเรนทร์อีกล่ะก็เชิญนายหายสาบสูญไปได้เลย”
ดูท่าคืนนี้จะต้องไปนอนกางเต็นท์แน่แล้ว อวี๋หมิงหลางไม่ได้กลัวลำบาก เขามองประตูที่ปิดสนิทกับสัมภาระที่ถูกโยนออกมาพลางคิดว่า แผนการรักษาโรคหวาดกลัวการแต่งงานโดยใช้สถานการณ์จริงที่ศาสตราจารย์หลิวตั้งใจเตรียมให้เขาถูกเขาทำพังลงไปแล้ว
“ลูกเชี่ยน” เขาเคาะประตู
ข้างในไม่มีเสียง เห็นได้ชัดว่าเธอได้ยินแต่ไม่อยากสนใจ
“ผมจะไม่แก้ตัวอะไรทั้งนั้น ผมรู้ว่าครั้งนี้ผมทำเกินไป ผมไม่ควรหลอกคุณ”
ข้างในยังคงเงียบสนิท อวี๋หมิงหลางรู้ว่าเธอคงไม่หายโมโหง่ายๆ
เสี่ยวเชี่ยนไม่ใช่ผู้หญิงที่จะโกรธใครได้ง่ายๆ แต่ถ้าเธอโกรธขึ้นมาล่ะก็หายยาก อีกทั้งเธอเกลียดที่สุดก็คือการหลอกเธอ
ถ้าบอกว่าก่อนหน้านี้ที่พาเธอเดินอ้อมเขาทำให้เธอโกรธนิดหน่อยแล้วล่ะก็ การใช้งูหลอกเธอให้เธอเป็นห่วง นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะอธิบายได้แค่ในประโยคสองประโยค
โดยเฉพาะเธอไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไป เป็นผู้หญิงที่หวาดกลัวการแต่งงาน ยังไม่มั่นใจในการใช้ชีวิตคู่ พฤติกรรมของเขาถ้าเป็นผู้หญิงใจแคบไม่แน่อาจบอกเลิกไปแล้ว
อวี๋หมิงหลางอยากบอกกับเสี่ยวเชี่ยนว่า เรื่องงูเขาไม่ได้อยากจะหลอกเธอแต่แรกจริงๆ
ตอนที่เขาเห็นงูมันกำลังเลื้อยเข้าพงหญ้า เขามองไม่เห็นหัว การดูว่างูมีพิษหรือไม่มีภายในช่วงเวลาสั้นๆแบบนั้นทำได้แค่มองหัว เขามัวแต่คิดจะปกป้องเสี่ยวเชี่ยนเลยคิดเอาเองว่านั่นเป็นงูมีพิษ
เขาไม่ได้หลอกเสี่ยวเชี่ยนจริงๆ งูมีพิษส่วนใหญ่เป็นงูขี้เกียจ พอเห็นคนก็จะไม่ค่อยหลบ ในทางกลับกันงูไม่มีพิษแค่เห็นคนก็ตกใจเลื้อยหนีไปแล้ว งูในวันนี้เป็นงูสัตว์เลี้ยง จึงไม่ได้ระแวงคน ดังนั้นเขาจึงจำแนกชนิดของงูผิดไปอย่างไม่ตั้งใจ
ตอนที่เขาจับงูขึ้นมาถึงได้รู้ว่ามันไม่มีพิษ แต่นึกถึงคำที่ศาสตราจารย์หลิวบอก พยายามทำให้เธอเชื่อใจ เห็นถึงความสามารถของเขาในการรับมือกับปัญหา เขาถึงได้คิดแผนนั้นออกมา
จุดเริ่มต้นคือหวังดี แต่กลับทำให้เธอรู้สึกตรงกันข้าม
ตอนนี้เสี่ยวเชี่ยนเกลียดเขา เขาเองก็อธิบายไม่ได้ว่าทุกอย่างที่เขาทำล้วนต้องการช่วยเธอกำจัดโรคหวาดกลัวการแต่งงาน ทำได้แค่รับมือกับความโกรธของเสี่ยวเชี่ยนตามลำพัง
เขาไม่อยากให้เสี่ยวเชี่ยนรู้ว่าเขารู้เรื่องที่เธอเป็นโรคหวาดกลัวการแต่งงานแล้ว ถ้าอธิบายให้ชัดเจนถึงจุดประสงค์ที่เขาทำ เธอจะต้องรู้สึกกดดันมากกว่าเดิมแน่ เขายอมนั่งคิดหาวิธีทำให้เธอหายโหรธ ดีกว่าทำให้เธอเครียดหนักมากขึ้น จะแต่งเมื่อไรก็ได้ทั้งนั้น แต่เธอห้ามบอบช้ำทางจิตใจเป็นอันขาด
“ลูกเชี่ยน ถ้าคุณรู้สึกไม่ดีจะด่าจะทุบตีผมก็ได้ แต่อย่าเก็บความไม่พอใจเอาไว้” เขาเก็บคำอธิบายทุกอย่างไว้ แล้วพูดปลอบเธออย่างใจเย็น
อยู่ๆประตูก็เปิดออก เสี่ยวเชี่ยนยืนตรงหน้าเขาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก แล้วพูดอย่างเย็นชา
“ฉันเกลียดคนโกหกที่สุด”
“ผมผิดไปแล้ว”
“อวี๋หมิงหลาง ฉันจะบอกอีกครั้งนะ ฉันเกลียดคนโกหกที่สุด แต่นายโกหกแล้วโกหกเล่า” สายตาของเธอเย็นชายิ่งกว่าเดิม
อวี๋หมิงหลางกัดฟัน พยายามเก็บความจริงที่พูดออกไปไม่ได้
“ดีมาก ตอนนี้ไปให้พ้นหน้าฉันด้วยความไวเท่าแสง ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย ตอนนี้ไม่ ต่อไปก็ไม่”
ตอนเสี่ยวเชี่ยนพูด อันที่จริงเธอหวังจะให้เขาทำเหมือนตอนปกติที่พยายามจะอธิบายความจริง ขอแค่เขารับปากมาว่าจะไม่ทำอีก บางทีเธออาจไม่โมโหขนาดนี้
แต่เขากลับไปจริงๆ โดยไม่อธิบายอะไร
เสี่ยวเชี่ยนถีบประตูอย่างแรง คนเฮงซวย ตอนที่ควรเชื่อฟังกลับไม่ทำ ตอนที่ไม่ควรกลับเชื่องซะเหลือเกิน
ฟ้ามืดแล้ว เขานั่งมองดาวอยู่ในเต็นท์ที่กางในสวน ส่วนเธอนอนมองเขาอยู่บนเตียงในห้อง
เจ้าของร้านที่ดูซื่อๆยืนมองเต็นท์สีเขียวอยู่ริมหน้าต่างพลางถามภรรยาตัวเอง
“คนเมืองสองคนนี้มาทำอะไรที่นี่กัน? ทำไมกางเต็นท์ด้วยล่ะ? พวกเขาทะเลาะกันหรือเปล่า?”
ถ้าไม่ได้ทะเลาะกัน ทำไมผู้หญิงอยู่ในห้อง ส่วนผู้ชายไปนอนเต็นท์?
แต่ถ้าจะบอกว่าทะเลาะกันล่ะก็ไม่น่าเป็นไปได้ ออกมาเที่ยวก็ต้องสนุกสนานสิ จะทะเลาะกันทำไม?
อวี๋หมิงหลางที่ถูกเสี่ยวเชี่ยนเตะออกมาจากห้องนั่งอยู่ในเต็นท์ ในมือถือหนังสือ ‘การดูแลแม่หมูหลังคลอด’ ที่ยืมมาจากจือหมิง เขาใช้ไฟฉายส่องอ่าน
โลกนี้มันช่างบังเอิญจริงๆ หนังสือเล่มนี้เขาเคยยืมมาจากห้องสมุดตอนที่เพิ่งตามจีบเสี่ยวเชี่ยน เพื่อใช้กลบเกลื่อนหนังสือเล่มอื่นที่ยืม
ตอนนี้ขอแต่งงานถูกปฏิเสธ เสี่ยวเชี่ยนขึ้นบัญชีแค้น เขาก็ยังได้มาเจอหนังสือเล่มนี้อีก คนอื่นมีแต่นับวันจะยิ่งทำให้เมียรักมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ทำไมเขากลับนับวันจะยิ่งถูกเตะออกมา?
ถูกเตะน่ะยังไม่เท่าไร ตอนนี้สิ่งที่อวี๋หมิงหลางกลัวมากที่สุดก็คือสีหน้าเย็นชาของเสี่ยวเชี่ยนนั่น เขากลัวว่าเมื่อกี้ถ้าตัวเองเดินออกมาช้า ปากเล็กๆสวยๆของเธอจะพูดอะไรที่เป็นการตัดเยื่อใยออกมา
อย่างเช่น พวกเราไม่เหมาะสมกัน คนบ้าปัญญาอ่อนอย่างนายไม่คู่ควรกับฉัน พวกเราเลิกกันเถอะ…
แค่จินตนาการถึงภาพนั้นอวี๋หมิงหลางก็รู้สึกจิตใจหนักอึ้งคล้ายกับมีหินก้อนใหญ่หลายก้อนมาถ่วงไว้ เขาจะปล่อยเธอสุดที่รักไปได้อย่างไร
แต่เขาทำให้เธอโกรธขนาดนั้นแล้ว ยังจะมีโอกาสให้แก้ตัวอีกเหรอ?
เขาเป็นหัวหน้ากลางของหน่วยรบพิเศษ ทหารที่เขาฝึกมีอัตราการบาดเจ็บและเสียชีวิตน้อยที่สุดในบรรดาทหารบกด้วยกัน เขาเป็นมือสไนเปอร์ กระสุนของเขาไม่เคยพลาด
แต่บทบาทในการเป็นแฟนนั้นดูเหมือนเขาจะล้มเหลวเป็นอย่างมาก เขาใช้พลังทั้งหมดที่มีก็ยังคลายปมในใจของเธอไม่ได้ กลับทำให้เธอโมโหมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
ควรทำอย่างไรให้เธอรู้สึกอบอุ่น ใช้อะไรพยุงชีวิตคู่และความรัก อวี๋หมิงหลางมองดวงดาวที่เต็มท้องฟ้า สมองยังคงว่างเปล่า