แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 640
แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย – ตอนที่ 640 เริ่มชักเย่อแล้ว
“รับจริงๆเหรอคะ?” เย่เสียวอวี่อึ้ง มีคนไม่เห็นแก่เงินจริงๆด้วยเหรอเนี่ย?
ศาสตราจารย์หลิวยังไม่ทันจะได้ตอบก็ได้ยินเสียงพยาบาลออกมาบอกว่าผู้ป่วยฟื้นแล้ว แต่ดูเหมือนอาการจะไม่ค่อยดีจึงให้ญาติรีบเข้าไปดู
ถอดเครื่องช่วยหายใจออกแล้ว เย่เสี่ยวเวยที่ไปเฉียดประตูยมโลกมาไม่ได้มีอาการตกใจอย่างที่คนปกติควรมี การถูกล้างท้องนั้นทรมานมาก โดยเฉพาะวิธีตายที่ทรมานที่สุดอย่างกินยานอนหลับ ตอนนี้เธอน่าจะรู้สึกเจ็บปวด แต่กลับไม่แสดงออกมา เอาแต่จ้องเพดาน
คล้ายกับว่าเธอไม่ใช่คนของโลกนี้
“เด็กวัยรุ่นอย่างพวกเธอนี่นะ เอะอะก็คิดสั้น มีอะไรให้น่ากลุ้มนักเหรอ? คนทั่วไปคิดว่าวิธีตายอย่างการกินยานอนหลับเป็นวิธีที่ทรมานน้อยที่สุดแต่เพ้อเจ้อทั้งนั้น! ยานอนหลับจะทำให้คนรู้สึกเหมือนเมารถสิบเท่า สติเลือนราง แต่ทั้งร่างกายกลับมีความรู้สึก รวมถึงความเจ็บปวดของอวัยวะภายในด้วย คนเรามันตายได้ง่ายๆที่ไหนกัน? ใช้ชีวิตให้ดีๆอย่าคิดอะไรไร้สาระนักเลย—”
พยาบาลห้องไอซียูที่ค่อนข้างมีอายุพูดเรื่อยเปื่อยออกมายืดยาว
เสี่ยวเชี่ยนกับศาสตราจารย์หลิวทำหน้านิ่วพร้อมกัน
“หุบปาก!” เสี่ยวเชี่ยนตะคอก
พยายาลแก่ถูกเสี่ยวเชี่ยนตะคอกแบบนั้นก็ยังไม่ยอมหยุด
“ฉันพูดผิดตรงไหนเหรอ?”
“ถ้าใช้ชีวิตดีๆได้ใครจะอยากทำเรื่องแบบนี้? คุณไม่ได้เข้าใจอะไรเลย! มีอะไรทำก็ไปทำเถอะค่ะ อย่ามาทำเป็นสอนการใช้ชีวิตเลย คุณไม่ใช่เขาจะเข้าใจความรู้สึกของเขาได้ยังไง”
สำหรับผู้ป่วยโรคซึมเศร้าความรุนแรงระดับกลางแล้วพวกเขาก็อยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่มันยากลำบากจริงๆ คำตำหนิของคนพวกนี้มีแต่จะเพิ่มภาระทางใจให้ผู้ป่วย ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
พอได้ยินเสียงเสี่ยวเชี่ยน เวยเวยที่เดิมทีอยู่ในสภาพเหมือนไร้ความรู้สึกก็หันหน้ามามองด้วยความยากลำบาก ร่างกายของเธอหนักมาก คล้ายกับติดอยู่ในบ่อโคลนขยับไม่ได้ อยากจะพูดก็ไม่มีเสียง ผลจากการกินยาประเภทนั้นคงต้องใช้เวลา1-2วันกว่าจะพูดได้
พอเสี่ยวเชี่ยนสังเกตเห็นก็รีบเดินเข้าไปเอามือข้างหนึ่งจับมือเธอเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็ลูบหน้าผากเวยเวยให้สัมผัสได้ถึงความอบอุ่น
“สวัสดีจ้ะเวยเวย นี่พี่เหม่ยเหวยเองนะ พี่มาเยี่ยมหนูแล้ว”
สายตาของเวยเวยจากที่ไม่จับโฟกัสก็ค่อยๆจ้องไปที่เสี่ยวเชี่ยน เธออยากรู้ว่านี่ภาพลวงตาหรือเปล่า
ร่างกายของเธอในเวลานี้เหมือนลอยอยู่ในอากาศ ทุกคนเคลื่อนไหวกันอย่างช้าๆ แต่พี่คนสวยคนนี้กลับทำให้เธอเห็นสีสัน
เธอพยายามจ้อง อยากจะมองให้ชัดๆว่าใช่พี่เหม่ยเหวยที่เคยฟังได้แค่เสียงจากในวิทยุหรือเปล่า?
“พี่เองนะ ตอนนี้ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น พี่อยู่ตรงนี้ ไม่มีใครมาแย่งตัวหนูไปได้ พี่รู้ว่าตอนนี้หนูทรมานมาก และก็รู้ว่าหนูไม่อยากเป็นแบบนี้ แต่มันควบคุมไม่ได้ ไม่เป็นไรนะ หนูพักผ่อนก่อน พอหนูหายแล้วพี่จะช่วยหนูเอง หัวใจของหนูไม่สบายนิดหน่อย พี่รักษาให้ได้ นอนก่อนนะเด็กดี…”
เสี่ยวเชี่ยนจับมือเวยเวย รู้สึกได้ว่าเด็กผู้หญิงที่เพิ่งฟื้นขึ้นมานี้ดูเหมือนอยากจะออกแรงบีบมือเธอ แรงเพียงน้อยนิดนี้เสี่ยวเชี่ยนเข้าใจดีว่าตัวเธอเป็นเหมือนหนทางสุดท้ายที่จะช่วยเด็กคนนี้ได้แล้ว
เวยเวยอยากแสดงความรู้สึกแต่ก็พูดไม่ออก น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาเธอไม่หยุด เสี่ยวเชี่ยนเช็ดน้ำตาให้เธออย่างอ่อนโยน
“ไม่ต้องกลัวนะ ไม่ต้องเสียใจ พี่เข้าใจความรู้สึกของหนูดี พี่รู้ถึงความทุกข์ของหนู ไม่เป็นไร พี่รักษาหนูได้”
ภาพตรงหน้าทำให้ศาสตราจารย์หลิวกับเย่เสียวอวี่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสะเทือนใจ
พวกเธอสัมผัสได้ถึงความไว้ใจที่เด็กผู้หญิงที่หมดหวังมีให้กับเสี่ยวเชี่ยน
ทั้งๆที่เพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรก
แต่เสียงของเสี่ยวเชี่ยนอยู่เป็นเพื่อนเธอมาหลายคืนแล้ว เวยเวยอยากใช้วิธีฟังรายการของเสี่ยวเชี่ยนทำให้ตัวเองสัมผัสได้ถึงทุกข์สุขบนโลกใบนี้ ลองเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ลองแสร้งทำให้ตัวเองเหมือนคนปกติมากยิ่งขึ้น
แต่เธอก็ไม่พบความรู้สึกอย่างคนปกติได้จากรายการ กลับเกิดความรู้สึกดีๆกับเสี่ยวเชี่ยน เมื่อเทียบกับความชื่นชอบของคนทั่วไปแล้ว ความรู้สึกดีๆแบบนี้มันเบาบางมาก แต่สำหรับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า การจะหาสิ่งที่พวกเขาชอบได้นั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก
ผู้ป่วยสัมผัสไม่ได้ถึงความหวังของการมีชีวิตอยู่ต่อ และก็ยากมากที่จะเจอสิ่งที่พวกเขาชอบ แต่ก็ไม่ได้แสดงว่าพวกเขาไม่ต้องการความเข้าใจหรือการเอาใจใส่ เพียงแต่คนทั่วไปยากที่จะใช้วิธีที่เหมาะสมแสดงออกถึงการเอาใจใส่ บางครั้งการเอาใจใส่ของคนในครอบครัวกลับเป็นแรงกดดันอย่างหนึ่ง
เหม่ยเหวยคนที่ดูเป็นไอดอลอันสูงส่งเกินเอื้อมคนนี้อยู่ๆก็มาปรากฏตัวข้างเด็กผู้หญิงที่หมดหวังกับโลกใบนี้ เธอได้ทำให้เวยเวยมีความหวัง และได้ทำให้เสี่ยวเชี่ยนมีภาระขึ้นมาอีกอย่างหนึ่ง
“นอนเถอะ พี่จะอยู่เป็นเพื่อน” เสี่ยวเชี่ยนยืนจับมือเวยเวยอยู่ข้างเตียงจนกระทั่งเธอหลับไป
พอหันไปก็เห็นเย่เสียวอวี่กับศาสตราจารย์หลิว พ่อแม่ในนามสองคนนั้นไปถามเรื่องค่าใช้จ่ายกับทางโรงพยาบาลแล้ว
“เห็นหรือยัง? นอกจากเฉินเสี่ยวเชี่ยนแล้ว เด็กคนนี้ก็ยากที่จะรับการรักษาจากคนอื่น” ศาสตราจารย์หลิวพูดกับเย่เสียวอวี่
“เธอมั่นใจว่าจะช่วยน้องฉันได้เหรอ?” เย่เสียวอวี่ตกใจกับสีหน้าของน้องสาวเมื่อครู่มาก
นั่นไม่ใช่เด็กผู้หญิงร่าเริงที่อยู่ในความทรงจำของเธอ ให้ความรู้สึกว่าเด็กคนที่อยู่บนเตียงได้ตายไปแล้ว แต่หลังจากที่เสี่ยวเชี่ยนปรากฏตัวก็เริ่มมีชีวิต ถึงเย่เสียวอวี่จะไม่เข้าใจเรื่องจิตวิทยาแต่ก็มองออก ดูเหมือนน้องเธอจะไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว
“ออกไปคุยกันข้างนอก”
พอเดินออกไปที่ระเบียง ศาสตราจารย์หลิวก็ยืนอยู่กับเสี่ยวเชี่ยน เย่เสียวอวี่ยืนกอดอก นี่คือท่าทางของคนที่ไม่ไว้ใจ
เธอไม่ไว้ใจเหม่ยเหวย แต่ตอนนี้นอกจากเหม่ยเหวยก็เหมือนจะไม่มีใครช่วยเวยเวยได้แล้ว
“ฉันจำเป็นต้องบอกเธอไว้ก่อน โรคซึมเศร้าแบ่งออกเป็นหลายประเภท อาการของแต่ละประเภทก็ไม่เหมือนกัน อีกทั้งสาเหตุก็มีมากมาย แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนพวกเราก็ต้องเตรียมพร้อมจะสู้ในระยะยาว ถ้าจะให้เปรียบเทียบอย่างเห็นภาพหน่อยก็ ตอนนี้พวกเรารวมทีมกันยืนเล่นชักเย่อ เวยเวยยืนอยู่กลางเชือก ฝั่งนี้เป็นหมออย่างพวกฉันกับคนในครอบครัวอย่างพวกเธอ อีกฝั่งเป็นยมทูต ถ้าดึงไม่ชนะจะผลจะเป็นยังไง…”
“เขาเพิ่งจะ15จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง!” เย่เสียวอวี่ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ
“แม้แต่เด็กก่อนเข้าวัยเรียนก็เป็นโรคจิตเวชได้ มันไม่เกี่ยวกับอายุ เอาแบบนี้ ให้เขาอยู่รอดูอาการที่โรงพยาบาลก่อนสองวัน พอพ้นขีดอันตรายแล้วก็ไปให้หมอแผนกประสาทสั่งยาอาการของเขาเป็นแบบนี้พึ่งจิตแพทย์อย่างเดียวไม่พอ ต้องใช้ยาร่วมด้วย”
“อีกหน่อยน้องฉันจะกลายเป็นโรคประสาทหรือเปล่า?” โรคประสาทคำๆนี้ฟังดูน่ากลัว เย่เสียวอวี่นึกไปถึงคนบ้า
“ตอนนี้สิ่งที่เธอต้องคิดก็คือทำยังไงถึงจะช่วยน้องสาวเธอจากเงื้อมมือยมทูตได้ ไม่ใช่เรื่องพวกนี้” ขณะที่เสี่ยวเชี่ยนกำลังคุยกับเย่เสียวอวี่เรื่องอาการอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงคนโวยวาย พอเงยหน้าไปมองก็เห็นแม่อุปการะของเวยเวยกำลังเถียงกับหมออยู่
ได้ยินไม่ค่อยชัดประมาณว่า “เงิน หลอกเอาเงิน พวกคุณหลอกเอาเงินฉันรู้หมด…”
เสี่ยวเชี่ยนถอนหายใจ แล้วก็นึกถึงปัจจัยสำคัญขึ้นมาได้
“เย่เสียวอวี่เธอพักคนเดียวหรือเปล่า?”