แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 709
แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย – ตอนที่ 709 เขาโอเคผมก็โอเค ทุกคนโอเคถึงจะเป็นสิ่งที่ดีจริงๆ
รอสายอยู่สักพักก็มีคนรับ
“ภรรยาคุณกับทังสุ่ยเซียนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันคุณรู้หรือเปล่า” อาเหม็ดจงใจดัดเสียง ไม่อยากให้อวี๋หมิงหลางฟังออกว่าเป็นเสียงของเขา แม้แต่แนะนำตัวก็ตัดทิ้ง พูดออกไปตรงๆเลย แฉไปเล้ย
ปลายสายเงียบไปสักพัก จากนั้นก็ได้ยินเสียงอวี๋หมิงหลางพูดเสียงเข้ม
“อันที่จริงเขามีผู้หญิงเยอะมาก ผมชินแล้ว เขาโอเค ผมก็โอเค ทุกคนโอเคถึงเป็นสิ่งที่ดีจริงๆ”
ตุ้บ โทรศัพท์ของอาเหม็ดตกลงบนพื้น สิ่งที่แตกไม่ใช่แค่โทรศัพท์ ยังมีทัศนคติของเขาที่จากไปแล้วไม่กลับมาด้วย
นี่เป็นคู่สามีภรรยาที่แปลกประหลาดขนาดไหนกันเนี่ย
เดิมอาเหม็ดคิดจะทำให้อวี๋หมิงหลางรู้สึกขยะแขยง แต่นึกไม่ถึงว่าจะถูกคำพูดของอวี๋หมิงหลางทำให้ช็อคจนโทรศัพท์ร่วงหล่นพื้น
อวี๋หมิงหลางวางสายอย่างใจเย็น แล้วพูดกับผู้ชายที่อยู่ข้างๆ
“ดูสิ เมียนายเอาใครก็ไม่รู้มาไว้ข้างตัว ดีนะที่ฝีมืองั้นๆ เมียฉันยังคุมสถานการณ์ได้”
ผู้ชายสองคนอยู่ในห้องทำงานของอวี๋หมิงหลาง บนโต๊ะทำงานของอวี๋หมิงหลางมีเครื่องรับสัญญาณตั้งอยู่ เสียงของเสี่ยวเชี่ยนกับสุ่ยเซียนดังออกมาอย่างชัดเจน
อย่าคิดว่ามีแค่อาเหม็ดเท่านั้นที่ติดเครื่องดักฟัง
นับตั้งแต่เสี่ยวเชี่ยนบอกอวี๋หมิงหลางเรื่องตัวตนที่แท้จริงของอาเหม็ดแล้ว อวี๋หมิงหลางก็ให้เสี่ยวเชี่ยนห้อยตุ๊กตาหมีที่ถูกยัดเครื่องดักฟังไว้ในท้องไว้ที่โทรศัพท์
เรื่องนี้เขาไม่ได้บอกเสี่ยวเชี่ยน แต่เขาเดาว่าเสี่ยวเชี่ยนน่าจะรู้
ถ้าปล่อยให้เมียถูกคนอื่นรังแกในอาณาเขตของตัวเอง แบบนั้นก็อย่าอยู่เลยดีกว่า ควรกลับบ้านไปขายมันเผา ตำแหน่งหัวหน้าใหญ่ทหารหน่วยรบพิเศษนี้สมควรยกให้คนอื่น
“One ครั้งนี้ต้องขอบใจนายกับแฟนมากที่ให้ความร่วมมืออย่างดี” ใบหน้าของจูเต๋อซีมีหนวดครึ้ม เขายังอยู่ในเครื่องแบบทหาร แต่ไม่มียศแล้ว
นั่นเคยเป็นเกียรติอันสูงสุดของเขา และเป็นความศรัทธาทั้งหมดของจูเต๋อซี แต่นับตั้งแต่วินาทีที่ถอดยศออก เกียรติแห่งความเป็นทหารก็เหลือไว้เพียงความทรงจำ กลายเป็นอดีตที่สวยงามที่สุดสำหรับเขา
“เกรงใจอะไรเล่า เรื่องนี้ต่อให้ฉันไม่เข้าไปยุ่ง เมียฉันก็ไม่มีทางนิ่งเฉยหรอก อย่าเห็นว่าเมียฉันปกติดูเป็นคนเย็นชาเข้าถึงยาก แต่ถ้าเขาชอบใครล่ะก็ เขาทุ่มสุดใจ ใครกล้ามาแตะต้องคนของเขาล่ะก็ ตายเป็นตาย”
อวี๋หมิงหลางรู้จักเมียของตัวเองดี
จูเต๋อซีอยากพูดขอบคุณอวี๋หมิงหลางกับเสี่ยวเชี่ยนอย่างจริงจัง แต่ก็รู้สึกว่าด้วยความสัมพันธ์ของเขากับอวี๋หมิงหลางถ้าจะให้พูดขอบคุณ ทำตัวเกรงใจ ก็จะดูแปลกๆ เขาจึงทำได้แค่เก็บบุญคุณในครั้งนี้เอาไว้ในใจ เอาไว้อีกหน่อยค่อยตอบแทน
“เรื่องทางนี้คงต้องรบกวนพวกนายสองคนไปก่อน ช่วยดูแลสุ่ยเซียนด้วย ฉันยังมีธุระต้องจัดการ อีกหลายวันกว่าจะกลับ”
“วางใจเถอะ อยู่กับพวกเราที่นี่รับรองแม้แต่เส้นผมก็ยังอยู่ครบ”
จูเต๋อซีพยักหน้า เขามองห้องทำงานของอวี๋หมิงหลางด้วยความอิจฉา ถึงแม้ห้องทำงานของทหารจะยึดหลักการสะอาดเรียบง่ายมาตลอด แต่พอได้กลับมาอีกครั้งหลังจากไป โต๊ะเก้าอี้ที่แสนเรียบง่ายนี้ล้วนเต็มไปด้วยความทรงจำ เขาชอบหน้าต่างบานใหญ่ที่อยู่ในห้องทำงานของอวี๋หมิงหลางที่สุด จากตรงนั้นสามารถมองเห็นสนามฝึกได้
เมื่อไปยืนตรงหน้าต่างจูเต๋อซีสามารถจินตนาการถึงอนาคตในอีกหลายปีให้หลังได้ อวี๋หมิงหลางจะยืนอยู่ตรงนี้เฝ้ามองสนามฝึกด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความภูมิใจ ตอนนี้คนในสนามฝึกยังน้อย หน่วยเพิ่งก่อตั้งยังรับคนมาไม่มาก แต่ในอนาคตจะเต็มไปด้วยเสียงตะโกนอันหนักแน่น นักรบที่น่ารักรุ่นแล้วรุ่นเล่าจะหมุนเวียนกันมาฝึกที่นี่ ใช้เลือดในกายอันร้อนแรงของพวกเขาสร้างประวัติศาสตร์ของตัวเอง ปกป้องประเทศ ปกป้องเกียรติของทหารหน่วยรบพิเศษ
“ห้องทำงานฉันไม่เลวเลยใช่ไหมล่ะ” อวี๋หมิงหลางมองออกว่าจูเต๋อซีเสียดาย
คนที่ปกติขี้บ่นที่สุด หลังออกจากหน่วยไปแล้วกลับนิ่งเงียบได้ขนาดนี้ แต่อวี๋หมิงหลางกลับเข้าใจความรู้สึกนี้
“ดีจริง มุมดี มองเห็นพฤติกรรมทุกอย่างของพวกเด็กใหม่ เข้ากับนิสัยเจ้าเล่ห์ของนายดี One ฉันรู้ว่าเรื่องที่นายชอบทำที่สุดก็คือแอบดูพวกทหารพนันกัน รอจนกว่าจะมีคนชนะแล้วนายก็ปรากฏตัว แสร้งทำเป็นเข้มงวดแล้วก็ยึดของกลางไป อาหารกระป๋องที่เมียนายกินน่ะ กี่กระป๋องที่ได้มาโดยวิธีหน้าไม่อายแบบนี้ ไหนพูดมาซิ”
“ฮ่าๆ” วิธีพูดคุยแบบนี้สิถึงจะสมกับเป็นจูขี้บ่นที่อวี๋หมิงหลางคุ้นเคย
“ตอนนี้นายเป็นถึงรักษาการแทนหัวหน้าใหญ่แล้ว ในฐานะที่เป็นผู้บัญชาการสูงสุดของที่นี่ นายจะทำตัวเหมือนตอนเป็นหัวหน้าหน่วยย่อยที่เที่ยวหลอกยึดอาหารกระป๋องไม่ได้แล้วนะ”
อวี๋หมิงหลางนั่งหมุนปากกาที่เก้าอี้ของตัวเอง เขานิ่งเงียบต่อคำพูดของจูเต๋อซี
“นายกำลังคิดอยู่ใช่ไหมว่า นายไม่หลอกเอาอาหารกระป๋องแล้วก็ได้ แต่จะเอาอย่างอื่นแทน” สมกับเป็นคู่หู แค่มองก็รู้ทุกอย่าง
“ฉันจะยึดอะไรกลับมามันก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าพวกนั้นพนันอะไรกัน ในฐานะที่เป็นรักษาการแทนหัวหน้าใหญ่ ฉันมีหน้าที่สั่งสอนเจ้าเด็กพวกนี้ให้รู้ถึงภัยของการพนัน”
“นายนี่นะ…นายน่ะเป็นพวกน่ารำคาญที่ชอบทำให้คนเหม็นขี้หน้า ตอนที่ฉันเห็นนายครั้งแรกนายกำลังฝึกทหารอยู่ที่สนาม ตอนนั้นฉันคิดว่าทำไมถึงได้มีครูฝึกที่เข้มงวดแบบนี้ ฉันยังคิดอยู่ว่าจะไปร้องเรียนผู้บัญชาการ”
“นายไม่ได้แค่คิด นายไปร้องเรียนจริงๆ” อวี๋หมิงหลางจำเรื่องนี้ได้ดีเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆ พวกคนทำงานฝ่ายบริหารขี้บ่นจู้จี้จุกจิก จูขี้บ่นนี่แหละตัวดี
“ฮ่าๆ ยังจำได้อยู่อีกเหรอ”
“ฉันจะจำไปตลอดชีวิต”
จูเต๋อซีไม่มีทางลืมท่าทางอวี๋หมิงหลางที่ชี้หน้าเขาในตอนนั้น เพราะเขาเอาเรื่องอวี๋หมิงหลางไปรายงานหัวหน้าใหญ่ เขายังคิดอยู่ว่าอวี๋หมิงหลางจะต้องอัดเขาแน่ เพราะสีหน้าในตอนนั้นเหมือนเขียนเอาไว้ว่า ไม่มีทางยอมง่ายๆ
“ฉันยังจำสิ่งที่หัวหน้าใหญ่พูดกับฉันได้เลย เขาบอกว่า ถ้าฉันอยู่ที่นี่หนึ่งเดือนฉันก็จะเข้าใจOne ถ้าตอนนั้นฉันยังยืนยันจะร้องเรียนนายก็ให้ข้ามเขาขึ้นไปฟ้องผู้บัญชาการได้เลย”
“หึ” อวี๋หมิงหลาง หึ ออกมา ตอนที่จูเต๋อซีเพิ่งย้ายมาที่หน่วยตอนนั้นแทบจะกลายเป็นแม่นมของทุกคน เป็นห่วงพลทหารประหนึ่งลูกในไส้ พอเห็นเขาฝึกโหดเข้าหน่อยก็มางัดข้อ
ต่อให้หลังจากนั้นเขากับจูเต๋อซีทำงานเข้าขากันได้ดีแล้ว แต่เวลาเจอหน้าก็ยังไม่ถูกชะตากันเท่าไร อวี๋หมิงหลางเรียกจูเต๋อซีว่าจูขี้บ่น ส่วนจูเต๋อซีเรียกเขาว่าจอมเผด็จการ
“อันที่จริงหัวหน้าใหญ่ยังพูดอีก แต่ฉันไม่ได้บอกนายมาตลอด ตอนนี้ฉันจะไปแล้วมันก็ถึงเวลาที่ฉันควรพูดแล้ว หัวหน้าใหญ่บอกว่า ยามที่เขาแก่จนผมหงอกเต็มหัวแล้วนึกถึงอดีตที่สวยงามที่สุดในชีวิต คนที่มีบทบาทสำคัญที่ทำให้เขาประทับใจที่สุดก็คงจะเป็นนายนะ One ซุปเปอร์ฮีโร่ที่ใช้วิธีแบบพิเศษในการปกป้องคนทั้งทีม”
“หุย หัวหน้าใหญ่เป็นคนพูดจาน่าขนลุกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร เล่นเอาขนลุกไปทั้งตัวแล้วเนี่ย” อวี๋หมิงหลางเอามือลูบแขนด้วยความทนไม่ไหว “จูขี้บ่นนายอย่ามาโม้เลย หัวหน้าไม่ใช่คนที่พูดจาแบบผู้หญิง เขาน่าจะพูดแบบนี้มากกว่า เป็นเหมือนพี่น้องที่กินข้าวหม้อเดียวกันหลับนอนด้วยกัน ไม่เห็นต้องทำเป็นเรื่องใหญ่ นายเหม็นขี้หน้าOneก็จัดการตามสบายเลย จะดักตีหัว คลุมกระสอบทรายลากไปอัดก็แล้วแต่ เรื่องขัดแย้งภายในก็จัดการให้จบภายใน แต่ถ้าพวกนายไปแตกคอกันข้างนอกเมื่อไรล่ะก็ ฉันจะเด็ดนกเขาพวกนายออกมาเลยคอยดู”