แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 718
แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย – ตอนที่ 718 ประธานเชี่ยนแอบแสดงฝีมือทำอาหาร
พอเห็นสุ่ยเซียนหน้าถอดสี เสี่ยวเชี่ยนก็พูดภาษาใบ้กับอวี๋หมิงหลาง จริงเหรอ
อวี๋หมิงหลางขยับปากตอบกลับ หลอก
เสี่ยวเชี่ยนฉวยโอกาสตอนไม่มีใครเห็นหยิกเขาไปหนึ่งที อวี๋หมิงหลางหัวเราะฮี่ๆ ใครใช้ให้ทังสุ่ยเซียนคิดจะมาเอาเมียเขาไปนอนด้วยล่ะ นิสัยของจอมหึงแห่งเอเชียไม่เคยเปลี่ยนตั้งแต่แรก อวี๋เสี่ยวเฉียงแกล้งสุ่ยเซียน แก้แค้นที่ผู้หญิงคนนี้คิดแย่งเมียไปจากเขา~
เสี่ยวเชี่ยนมองอวี๋หมิงหลางย่างปลาห่ออะลูมิเนียมฟอยล์อย่างคล่องแคล่ว เธอเลยอยากลองบ้าง ปลาหมักเสร็จแล้ว เธอก็แค่เอามาห่อแล้ววางบนเตาย่าง ก็ไม่น่าจะมีปัญหาหรือเปล่า
ครั้นแล้วประธานเชี่ยนก็ฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีใครสนใจแอบห่อปลามาหนึ่งตัวด้วยความหวังที่คิดจะล้างภาพจอมระเบิดครัวทิ้ง จากนั้นก็แอบวางบนเตาย่าง ช่วงเวลาแห่งการพลิกโฉมประวัติศาสตร์มาถึงแล้ว
อวี๋หมิงหลางเห็นพฤติกรรมของเสี่ยวเชี่ยนทุกอย่าง เขาฉวยโอกาสตอนเสี่ยวเชี่ยนไม่เห็นแอบคลายห่อปลาของเธอเล็กน้อย
“พี่เคยเจอหม่าลุ่ยเหรอ” ตอนนี้หลิวเหมยไม่อยากพูดว่าผู้ชายคนนั้นเป็นแฟนของเธอด้วยซ้ำ เห็นพี่ชายกับพี่สะใภ้เข้ากันได้ดีขนาดนี้ อยู่ๆเธอก็รู้สึกว่าคำว่าแฟนมันไม่ได้เป็นง่ายๆเหมือนที่เธอจินตนาการไว้
“อืม เคยเจอแล้ว พี่ขอเป็นตัวแทนครอบครัวดูถูกในรสนิยมของเธอ เรื่องของเธอเดี๋ยวค่อยว่ากัน”
หม่าลุ่ยมาเยี่ยมชมการเรียนการสอน สถานที่เข้าร่วมก็คือหน่วยเสินเจี้ยนที่เพิ่งก่อตั้งพอดี ในฐานะที่อวี๋หมิงหลางเป็นหัวหน้าใหญ่ของที่นั่นก็ต้องออกมาต้อนรับเป็นธรรมดา เลยถือโอกาสสังเกตหม่าลุ่ยไปด้วย
ถึงจะแค่แอบมองตอนเขาอยู่ในกลุ่มคน แต่พี่หลางก็ไม่มีทางลืมหน้าตาของคนๆนั้นได้—หน้าตาแบบนั้นหลอกน้องสาวของเขาได้ยังไงกันเนี่ย
ยิ่งไปกว่านั้นตอนที่เสี่ยวเชี่ยนเผชิญหน้ากับครอบครัวนี้ เขาก็ได้ยินทุกอย่างผ่านเครื่องดักฟัง ทุกอย่างที่เขาได้ยิน เขาอยากจะตบรางวัลให้ลูกเชี่ยนที่แสนฉลาดของเขาอย่างงาม ตอกกลับได้สวยมาก ตัวแทนแห่งดวงจันทร์จะลงทัณฑ์พวกมนุษย์หน้าด้านเอง
“หลิวเหมย ผ่านเรื่องวันนี้มายังอยากจะแต่งงานอยู่ไหม ฉันว่าครอบครัวนั้นไม่เหมาะกับเธอเลยนะ” สุ่ยเซียนคิดดีแล้วก่อนพูด ถึงเธอจะไม่ได้สนิทกับหลิวเหมย แต่ก็ไม่อยากเห็นหลิวเหมยไปอยู่กับคนไม่ดี
“อาจารย์บอกว่าปีนี้ฉันต้องแต่งงาน นอกจากเขาก็ไม่มีใคร…” หลิวเหมยพูดๆอยู่ก็เริ่มไม่แน่ใจ
“ท่านผู้นำเคยกล่าวไว้ว่า ไม่มีบ้านก็ไม่มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็น ครอบครัวหม่าแค่บ้านยังไม่มีปัญญาซื้อเลย แต่กลับคิดจะยึดอำนาจทุกอย่าง เหมยจื่อ เธอยอมเหรอ”
พอได้ยินเสี่ยวเชี่ยนพูดถึงท่านผู้นำ สมองของหลิวเหมยก็ปรากฏภาพผู้ชายใส่แว่นความรู้สูงขึ้นมาทันที
“ผู้นำคนไหนกันพูดแบบนี้…” หลิวเหมยสะบัดหน้า ทำไมอยู่ๆเธอก็นึกถึงเลี่ยวฟู่กุ้ยขึ้นมาได้
“เลี่ยวฟู่กุ้ยไง พี่ชายพี่เอง”
เสี่ยวเชี่ยนตีเนียนนำเสนอพี่ชายตัวเอง
พอได้ยินเสี่ยวเชี่ยนพูดถึงท่าทีของเลี่ยวฟู่กุ้ยที่มีต่อการซื้อเรือนหอ หลิวเหมยก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา
เห็นสีหน้าของน้องสาวในเวลานี้ อวี๋หมิงหลางจึงถามเสี่ยวเชี่ยน
“เมียจ๋า แบบนี้เขาเรียกว่าอะไรนะ”
“หลังจากใช้สมองตรึกตรองดี ความรู้สึกนี้ไม่ใช่อย่างที่หวัง” เสี่ยวเชี่ยนสรุปออกมาได้ตรงประเด็น อวี๋หมิงหลางพยักหน้าแล้วหันไปมองอาเหม็ด
อาเหม็ดไม่ค่อยเข้าใจเรื่องกาพย์กลอน แต่เขารู้สึกได้ว่า ‘ความรู้สึกนี้ไม่ใช่อย่างที่หวัง’ มันช่างเสียดแทงใจเขา คำพูดนี้ไม่ใช่แค่เหมาะกับอวี๋หลิวเหมย ยังเหมาะกับเขาด้วย
อาเหม็ดมองไปทางเสี่ยวเชี่ยนด้วยความสับสน อยู่ๆเขาก็เข้าใจขึ้นมาหน่อยว่าที่ช่วงหลายวันนี้ตัวเองดูผิดแปลกไปเป็นเพราะอะไร
ปรากฏว่าเขาก็ยังมองไม่เห็นเสี่ยวเชี่ยนอยู่ดี อวี๋หมิงหลางเข้ามากันซีนอีกครั้ง Hi น้องชายที่จับจ้องเมียคนอื่น ยังสบายดีไหม
อาเหม็ดอยากจะอ้วกกับสีหน้าทะเล้นของอวี๋หมิงหลาง จึงอาศัยจังหวะที่ไม่มีคนสนใจ—เรียกว่าไม่มีใครสนใจตั้งแต่แรกเลยดีกว่า เขาถูกกำหนดมาแล้วว่าเป็นส่วนเกินของงานนี้ อย่างไรเสียก็ไม่มีใครมองเขา เขาจึงเดินไปที่เตาย่าง เล็งปลาเผาของเสี่ยวเชี่ยน นี่เป็นปลาที่เธอทำสินะ…
ตอนนี้สถานการณ์ของหลิวเหมยอารมณ์แบบขึ้นหลังเสือแล้วลงยาก
วันนี้ยังไม่ทันจะได้ไปดูบ้านก็ถูกเสี่ยวเชี่ยนเรียกมา พรุ่งนี้ต้องไปดูบ้านที่เป็นโครงการของพี่ใหญ่ พอนึกถึงแม่หม่าลุ่ยที่ความคิดแบบคนหัวโบราณเอามาผูกมัดผู้หญิงสมัยนี้ แล้วนึกถึงหม่าชิงที่เอาใจยาก ไหนยังจะพ่อหม่าลุ่ยที่ชอบพูดแทรกขึ้นมา แค่นี้หลิวเหมยก็ปวดหัวแล้ว
เสี่ยวเชี่ยนเห็นหลิวเหมยสับสนก็ค่อยๆพูดขึ้นมา “ต้องการคำปลอบโยนไหม”
“ต้องการค่ะ”
“คำปลอบโยนของพี่สะใภ้เธอมีพิษทั้งนั้น” อวี๋หมิงหลางพูดแทรก เขารู้จัก ‘เจ๊เชี่ยนผู้ทรงอิทธิพล’ ดี ไม่เคยหรอกที่จะเห็นการพูดจาปลอบโยนแบบปกติ
เสี่ยวเชี่ยนถลึงตาใส่เขา อวี๋หมิงหลางรีบพูดแก้ “แต่ยาพิษถ้าใช้ให้ถูกที่ก็รักษาโรคได้ คำปลอบโยนที่มีพิษถ้าได้รับในปริมาณที่เหมาะก็จะล้างสิ่งสกปรกในสมองออกไป ตอนยังสาวเลือกคู่ไม่ระวัง สิ่งสกปรกที่อยู่ในสมองของเธอตอนนี้จะกลายเป็นน้ำตาในวันหน้า”
พูดจบยังหันไปรอคำชมจากเสี่ยวเชี่ยน เมียจ๋า เค้าพูดเจ๋งปะ
เสี่ยวเชี่ยน หึ ออกมา แสดงออกว่าก็น่าพอใจอยู่
“1.01ยกกำลัง365เท่ากับ37.8 แต่0.99ยกกำลัง365ได้0.03 เธอรู้ไหมว่ามันหมายถึงอะไร”
“ฉันเข้าใจแล้ว พี่สะใภ้นี่แหละที่เข้าใจฉัน พี่สะใภ้หมายความว่า ให้ฉันค่อยๆพยายามไปทุกวัน สะสมไปอีกหนึ่งปีให้หลังมันก็จะดีขึ้นเอง” สมกับเป็นนักจิตวิทยา ปลอบคนได้มีระดับมาก
หลิวเหมยพอเจอคำพูดของเสี่ยวเชี่ยนเข้าไปก็เหมือนได้พบทางสว่างทันตา พี่สะใภ้ต้องการจะบอกเธอว่าให้พยายามเข้าไว้เดี๋ยวก็จะได้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ คำพูดของพี่สะใภ้เฉียบสุดๆ
“ไม่ใช่อย่างที่เธอเข้าใจ ถึงแม้คติประจำใจต่างๆหรือพวกอบรมวิชาขายตรงจะชอบบอกว่าถ้าพยายามมากกว่าคนอื่นก็ย่อมได้รับผลตอบแทน แต่ในสายตาของพี่มันคือคำหลอกลวง 1.01 กับ 0.99 ระยะห่างระหว่างมันไม่ใช่ความพยายาม แต่เป็นพรสวรรค์กับวาสนา”
“พรสวรรค์”
“ในเรื่องของการทำงานกับการใช้ชีวิต เราจะคิดว่ามันคือพรสวรรค์ก็ได้ ในเรื่องความรักเราจะคิดว่ามันคือวาสนาก็ได้ อย่างเช่น 1.01ก็คือคนที่ไอคิวสูงกว่าคนอื่นโดยกำเนิด ก็เหมือนกับพี่ชายของเธอ วันๆไปตีเทนนิสกับสาว แต่กลับสอบได้ที่หนึ่ง ส่วน0.99ก็คือ คนแบบเฉินจื่อหลงน้องชายของพี่ที่ไม่ว่าจะเรียนแค่ไหน ข้างตัวมีคนระดับดอกเตอร์ติวให้ก็ยังสอบได้แค่250คะแนน”
“พี่หมายความว่า…คนที่ไอคิวต่ำจะพยายามยังไงก็ไม่มีประโยชน์” หลิวเหมยสะเทือนใจ แต่มันก็ทำให้เธอตื่น
“จะบอกว่าไอคิวต่ำก็ไม่ถูก ก็แค่คนเรามีสิ่งที่ถนัดต่างกัน บางคนเหมาะกับการเรียนหนังสือ บางคนเหมาะจะไปทำอย่างอื่น เรียนไม่เก่งไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ว่าไร้อนาคต พวกเราจะเอาเรื่องนี้มาใช้มองในมุมของความรักก็ได้ ระยะห่างระหว่างเธอกับหม่าลุ่ยก็คือระยะห่างระหว่าง 0.99กับ1.01 ขาดความรู้สึกที่มีให้กัน จะพยายามแค่ไหนก็ไม่ได้ความรู้สึกของครอบครัวที่ต้องการหรอก เรียนไม่เก่งยังเลือกทำงานอย่างอื่นได้ แต่แต่งงานผิดคนกลับต้องสูญเสียมากกว่าที่คิด”
คนมากความพยายามตั้งกี่คนที่ต้องอยู่บนระยะห่าง0.02นี้