แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 796 จิตแพทย์ขอให้คำแนะนำกับคุณนะ
เสี่ยวเชี่ยนเดินเข้าไปหา เห็นบรรดาเพื่อนนักศึกษาต่างหอบแบบสอบถามด้วยสภาพหน้าแดงเหงื่อแตกเพราะอากาศร้อน สีหน้าของต้าอีเหมือนจะเป็นลมได้ทุกเมื่อ ขนาดเสี่ยวเชี่ยนเดินเข้าไปหาเธอยังไม่มีแม้แต่แรงจะทักทาย เสี่ยวเชี่ยนไปยืนตรงหน้าเธอจึงพยักหน้าให้
แม่สาวเดจาวูที่พร้อมเป็นลมแดดได้ตลอดเวลา
“พวกเธอทำอะไรกันอยู่” เสี่ยวเชี่ยนถามต้าอี
“เถ้าแก่เล็กจับพวกเรามาช่วยแจกแบบสอบถามแล้วก็แจกใบปลิว” ริมฝีปากต้าอีกแห้งเผือด พูดจาอ่อนแรง
การสอบทีสิสของปริญญาตรีจบลงแล้ว เวลานี้ต้าอีควรได้อยู่บ้านดูแลพ่านพ่านกับสวีทกับอวี๋หมิงอี้ แต่ปริญญาโทต้าอีเลือกเถ้าแก่เล็กที่อยู่กลุ่มเดียวกับเสี่ยวเชี่ยน ดังนั้นจึงถูกจับมาทำงานนี้ด้วย
“งานส่วนตัว” เสี่ยวเชี่ยนหน้านิ่วอย่างไม่พอใจ
เธอไม่เห็นได้ยินเถ้าแก่ใหญ่บอกว่ามีงานต้องใช้คน นี่เลยน่าจะเป็นเถ้าแก่เล็กรับงานส่วนตัว แล้วใช้นักศึกษาของตัวเองมาทำงานให้ฟรี
“ถึงเป็นงานส่วนตัวก็ช่วยไม่ได้ ก็อยู่ในความดูแลของเขานี่นะ” รุ่นน้องคนหนึ่งถอนหายใจ “อิจฉาประธานเชี่ยนที่สุดเลย อยู่กับเถ้าแก่ใหญ่ไม่มีใครกล้าเรียกใช้”
“ตอนที่เขาทรมานฉันพวกเธอไม่เห็นหรือไง”
คำพูดนี้ไม่มีใครกล้าเถียง เถ้าแก่ใหญ่ตั้งเงื่อนไขกับเสี่ยวเชี่ยนไม่เหมือนกับนักศึกษาคนอื่น คนที่ใกล้ชิดฮ่องเต้ที่สุดถึงจะเป็นคนโปรด แต่เวลาซวยก็แจ็คพอตเหมือนกัน
“ยังมีแบบสอบถามกับใบปลิวเหลืออีกตั้งเยอะ เมื่อไรถึงจะแจกหมดล่ะเนี่ย ตากแดดนานกว่านี้พวกเราคงได้เป็นลมแน่” รุ่นพี่รุ่นน้องพากันบ่น
เสี่ยวเชี่ยนเห็นต้าอีทำงานไปเงียบๆ ไม่บ่นอะไร นี่แหละนิสัยของต้าอี
เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่ อย่างน้อยๆต้าอีก็เป็นลูกศิษย์ที่เธอปั้นมา แถมยังเป็นพี่สะใภ้รองด้วย เกิดเป็นลมล้มพับไปอวี๋หมิงอี้ปวดใจแย่
แต่เวลานี้จะให้พาตัวกลับเลยก็ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นต่อไปต้าอีจะลำบาก
จะให้ไปฟ้องเถ้าแก่ใหญ่ก็ไม่ได้เหมือนกัน เรื่องแบบนี้เถ้าแก่ใหญ่ก็ยุ่งไม่ได้ อย่างไรเสียคนที่มาแจกใบปลิวล้วนเป็นเด็กในสังกัดของเถ้าแก่เล็ก
เสี่ยวเชี่ยนกวาดตามอง จากนั้นเดินไปยังจุดที่ไม่มีคนแล้วล้วงโทรศัพท์ออกมา
“หลิวลี่ วันนี้พวกนายไปลาดตระเวนที่ไหน”
“วันนี้ไม่ได้ลาดตระเวน ไปทำความสะอาดพวกติดประกาศโฆษณา”
นี่เป็นตัวอย่างของเทศกิจที่ดี เรื่องเล็กๆอย่างแกะใบปลิวยังตั้งใจทำขนาดนี้
“เลิกทำเถอะ มาไล่ที่ที่ย่านการค้าหน่อย มีกลุ่มคนกำลังทำลายภาพลักษณ์ของเมือง เร็วเข้า มาลากคนพวกนี้ไปดื่มน้ำชาตากแอร์หน่อย”
“…พี่ เล่นไรเนี่ย”
“ฉันทำเพื่อภาพลักษณ์ของเมืองนะ รีบมาเร็ว เอารถคันใหญ่ๆมาด้วย”
เสี่ยวเชี่ยนวางสายแล้วไปซื้อชาเย็นๆกลับไปแจกให้ทุกคน ทั้งหมดจึงพากันนั่งพัก ระหว่างนั้นมีผู้หญิงที่แต่งตัวแฟชั่นแต่งหน้าจัดเต็มสะพายกระเป๋าสะพายข้างเดินเข้ามายืนลังเลต่อหน้าพวกเธอ
“ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ช่วยไหมคะ” ต้าอีเห็นผู้หญิงคนนี้ทำเหมือนมีอะไรจะพูดแต่ไม่พูดก็เลยถามดู เธอนึกออกแล้ว ผู้หญิงคนนี้เมื่อครู่เพิ่งช่วยเธอทำแบบสอบถามไป
“พวกคุณเป็นจิตแพทย์จริงๆเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ พวกเราเป็นจิตแพทย์ที่มีใบอนุญาตระดับสามสามารถให้คำปรึกษาได้ค่ะ” แบบสอบถามที่พวกต้าอีให้คนที่เดินผ่านไปมาทำนั้นยาวมาก แถมเถ้าแก่เล็กยังขี้งก ไม่ให้เงินมาซื้อของตอบแทนแจก เลยไม่มีใครอยากช่วยทำเท่าไร ตอนนี้พวกขายตรงกับนักต้มตุ๋นระบาดทั่วเมือง ใครจะไปรู้ว่าพวกเธอมาหลอกหรือเปล่า
ดังนั้นก่อนที่พวกเธอจะให้ทำแบบสอบถามจึงแนะนำตัวก่อนว่าเป็นจิตแพทย์ ออกมาหาคนช่วยทำแบบสอบถาม
“คือว่า พวกคุณคิดเงินยังไงคะ” ผู้หญิงคนนั้นสวมแว่นกันแดด ท่าทางดูเป็นกังวล ตอนถามยังมองไปรอบๆดูว่ามีคนไหม ไม่อยากให้ใครจำได้
ตอนนี้แทบจะไม่มีจิตแพทย์ในโรงพยาบาล หากต้องการหาหมอทำได้แค่ไปหาหมอประสาทเพื่อขอเข้ารับคำปรึกษา จึงทำให้คนภายนอกเข้าใจผิด คิดว่าคนที่ไปหาจิตแพทย์เป็นพวกมีอาการทางประสาท
ดังนั้นพอได้ยินว่าพวกต้าอีเป็นจิตแพทย์ ผู้หญิงคนนี้จึงอยากสอบถาม แต่ก็กลัวคนอื่นจะมาเห็น
“ตอนนี้ฉันไม่เก็บ—โอ๊ย” ต้าอียังไม่ทันพูดจบก็ถูกเสี่ยวเชี่ยนหยิก
“เขาชั่วโมงละยี่สิบหยวนค่ะ”
“ตอนนี้ฉันยังเก็บค่ารักษาไม่ได้ คุณไปหาคนนี้เถอะค่ะ” ต้าอีเป็นคนซื่อสัตย์ เธอจะกล้าเก็บเงินได้ยังไง ตัวเองยังวิชาไม่แก่กล้า เลยยกให้ประธานเชี่ยนดีกว่า
“คุณคิดเท่าไร” ผู้หญิงคนนั้นหันไปถามเสี่ยวเชี่ยน รู้สึกท่าทางของเสี่ยวเชี่ยนดูไม่ธรรมดา
เสี่ยวเชี่ยนยังไม่ทันได้ตอบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าของผู้หญิงคนนั้นก็ดังขึ้น เธอรีบเอาออกมากดรับ
“ที่รักเหรอคะ ฉันยังเดินเที่ยวอยู่เลย อยู่ในย่านการค้านี่แหละ ฉันเดินคนเดียว ไม่ได้มากับใคร ได้จ้ะ งั้นเดี๋ยวฉันรอคุณที่ใต้ป้ายโฆษณานะ สีของป้ายโฆษณาวันนี้เหรอ รอเดี๋ยวนะ—” ผู้หญิงคนนั้นหันไปมอง “สีเขียว”
ท่าทางตอนรับสายดูระมัดระวังมาก ต้าอีเห็นแล้วก็ไม่เข้าใจ คุยโทรศัพท์กับแฟนตัวเองต้องขนาดนี้เลยเหรอ เธอกับพี่รองเวลาคุยโทรศัพท์ไม่เห็นลุกลี้ลุกลนแบบนี้
ผู้หญิงคนนั้นคุยเสร็จก็ปรับสีหน้าเป็นปกติแล้วถามเสี่ยวเชี่ยนว่าเท่าไรต่อ มองออกเลยว่าเป็นผู้หญิงที่มีความระมัดระวังมาก ก่อนทำอะไรต้องรอบคอบ
“ของฉันชั่วโมงละสองพันถึงห้าพันไม่เท่ากัน” เสี่ยวเชี่ยนมองการแต่งตัวของผู้หญิงคนนี้ จากนั้นก็มองรอยฟกช้ำที่ถูกแว่นกันแดดบังไว้ ถึงจะโบกเครื่องสำอางมาอย่างหนาแต่ก็พอดูออก บวกกับสีหน้าท่าทางที่คุยโทรศัพท์เมื่อครู่ก็พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“บ้าหรือเปล่า ไม่ปล้นเลยล่ะ” ผู้หญิงคนนี้ตกใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อฟังราคาของเสี่ยวเชี่ยน จากยี่สิบเป็นสองพัน ต่างกันเยอะไปไหม
พอเห็นเธอหันตัวจะเดินหนีเสี่ยวเชี่ยนจึงเรียกไว้
“ตอนนี้ลูกศิษย์ฉันฝึกงานอยู่ในโรงพยาบาลกลาง เขาเป็นหมอที่เก่งเหมือนกัน ถ้าต่อไปคุณอยากไปหาเขาก็ไปที่โรงพยาบาลตอนที่เขาเข้าเวร จ่ายแค่ค่าลงทะเบียนก็พอ ยี่สิบ”
ค่าลงทะเบียนรักษาโรคทั่วไปหนึ่งหยวน แต่แผนกจิตเวชใช้เวลาให้คำปรึกษานานกว่าจึงคิดแพงกว่า แต่ราคาก็ถูกเหมือนซื้อผักกาดขาวแล้ว
“ฉันไม่ได้ป่วย ไม่ไปหรอก”
“ไม่ไปก็ได้ วันนี้ฉันอารมณ์ดี ค่ารักษาชั่วโมงละสองพันของฉันจะไม่คิด ฉันให้คำแนะนำฟรี คนขี้ขลาดกลัวคนกล้า คนกล้ากลัวคนบ้าบิ่น ถ้าเกิดการทำร้ายขึ้นมาอีก ก็ขอให้คุณสู้กลับอย่างสุดความสามารถนะคะ”
“คุณ—” ผู้หญิงคนนั้นหันกลับไปด้วยสีหน้าตกใจ เธอยังไม่ได้พูดอะไรทำไมจิตแพทย์ที่เรียกราคาสูงลิ่วคนนี้ถึงได้รู้ว่าเธออยากถามอะไร
แม้แต่ต้าอีก็มองเสี่ยวเชี่ยนอย่างอึ้งๆ ต้าอีเองก็ไม่เข้าใจว่าเรื่องอะไร
“ทำไมคุณพูดแบบนั้น” ผู้หญิงคนนี้ท่าทีเปลี่ยนไป
เสี่ยวเชี่ยนพูดอย่างใจเย็น “นี่ก็คือความแตกต่างระหว่างสองพันกับยี่สิบ ลูกศิษย์ฉันช้าเร็วก็ต้องขึ้นมาอยู่ในระดับนี้เหมือนกัน คุณปรึกษาเขา เขาก็ช่วยแก้ปัญหาได้เหมือนกัน เพียงแต่อาจจะช้ากว่าวิธีของฉันก็เท่านั้น”
“แต่ทำไมคุณถึงให้ฉันสู้กลับ รู้จักฉันเหรอ” เธอถามอย่างระแวง
“ไม่รู้จัก ฉันก็แค่ให้คำแนะนำคุณในมุมมองของจิตแพทย์ก็เท่านั้น” เสี่ยวเชี่ยนไม่อยากพูดมาก ยิ่งเธอไม่พูดผู้หญิงคนนี้ก็ยิ่งอยากรู้