แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 808 เขาต้องถูกสวรรค์ลงโทษแน่เชื่อฉันสิ
ถ้าไม่มีสามีหน้าบวมคนนี้อยู่ บางทีผู้หญิงคนนี้อาจพูดขอบคุณก็ได้ แต่เนื่องจากสามีอยู่ด้วยเธอจึงทำได้แค่แสร้งทำเป็นไม่รู้จัก เธอไม่อยากให้สามีรู้ว่าตัวเองเคยถูกผู้ชายทำร้ายมาก่อน
เสี่ยวเชี่ยนอ่านใจคนออกมานานแล้ว เธอไม่แปลกใจที่เจอสถานการณ์แบบนี้
“เรื่องเป็นมายังไงฉันรู้แล้วระหว่างทางที่มา พูดมาสิคะว่าคุณจะเอาไงถึงจะยอมความ?” เสี่ยวเชี่ยนถามอีกฝ่าย
“ให้มันติดคุก ไม่มีอะไรต้องต่อรองอีก” ผู้ชายหน้าบวมเอาใหญ่
“ฉันขอให้ความรู้เรื่องกฎหมายคุณหน่อยนะคะ พวกคุณสองคนบาดเจ็บเล็กน้อยด้วยกันทั้งคู่ ถ้าไม่ประนีประนอม ตามกฎหมายก็ต้องแบ่งรับโทษกันไป ไม่ใช่แค่เขาจะถูกขังคุกห้าถึงสิบวัน คุณเองก็เหมือนกัน แถมทั้งสองฝ่ายยังต้องเสียค่าปรับ ถ้าคุณอยากจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดพวกเราก็จะเล่นเป็นเพื่อนคุณค่ะ”
ขนาดอวี๋หมิงหลางที่มีความรู้เรื่องกฎหมายไม่อยู่ตรงนี้ ประธานเชี่ยนก็ยังเอาอยู่
พอฟังเสี่ยวเชี่ยนพูดจบผู้ชายคนนั้นก็ลังเล ส่วนผู้หญิงข้างกายเขาที่ไม่กล้าสบตาเสี่ยวเชี่ยนกับฉิวฉิวก็ดึงแขนเขา
“ช่างเถอะค่ะคุณ…”
“ช่างเหรอ?” ผู้ชายคนนั้นหันไปหลังมือใส่ “นี่แกเป็นพวกเดียวกันมันเหรอ?”
ฉิวฉิวเห็นอีกฝ่ายลงไม้ลงมืออีกแล้วก็ลุกขึ้นโดยอัตโนมัติ ดูท่าทางเขาจะอัดมันเบาไป
เสี่ยวเชี่ยนยกมือห้ามฉิวฉิว “อยู่ข้างนอกชกกันไม่พอยังจะมามีเรื่องในโรงพักอีกเหรอ?”
ถ้ามีเรื่องในสถานีตำรวจแบบนั้นจะยิ่งเลวร้าย คงไม่ใช่แค่เรื่องยอมความแล้ว โดนจับขังทั้งคู่แน่นอน
“ทำไม ฉันตบเมียฉันแกเกี่ยวอะไรด้วย ฉันเหม็นขี้หน้าแกนานแล้ว พูดมาแกเป็นอะไรกับเมียฉัน? ฉันสั่งสอนเมียฉันอยู่ดีๆแกมีสิทธิ์อะไรมายุ่งด้วย?”
“ทำร้ายผู้หญิงคือพวกสารเลว แกมันไม่สมควรเกิดเป็นผู้ชาย” ฉิวฉิวอยากเข้าไปอัดอีกรอบ เอาให้ตายก็ยังไม่สาสม
“นี่มันเมียฉัน ฉันจะทำอะไรก็ได้”
“ถ้ายังไม่เลิกทำแบบนี้ฉันจะเรียกตำรวจเข้ามา คุณกล้าตบเมียต่อหน้าตำรวจไหมล่ะ?” เสี่ยวเชี่ยนหันไปมองผู้ชายคนนั้นด้วยสายตาเย็นชา อีกฝ่ายจึงหยุด
อันที่จริงฉิวฉิวอยากจะอัดผู้ชายคนนี้ให้รู้แล้วรู้รอด แต่เขารู้ว่าถ้าเขายุ่งไปมากกว่านี้ ผู้หญิงคนนั้นกลับไปคงถูกทำร้ายแน่
ครั้นแล้วฉิวฉิวจึงเอาบัตรประชาชนของตัวเองวางลงบนโต๊ะ “แกดูแล้วค่อยพูด ฉันไม่มีทางเป็นอะไรกับเมียแก ฉันแค่เห็นแกทำผู้หญิงเลยโมโหก็แค่นั้น”
ผู้ชายคนนั้นหยิบบัตรประชาชนฉิวฉิวขึ้นมาดูอย่างไม่เชื่อ พอเห็นว่าเป็นเพศหญิงเขาก็ตกใจมาก
“ที่แท้แกก็เป็นเก้าอี้รอง”
เก้าอี้รองเป็นคำแสลงหมายถึงคนที่ผู้ชายก็ไม่ใช่ผู้หญิงก็ไม่เชิง
ฉิวฉิวฟังแล้วก็โมโหเส้นเลือดปูด “ฉันจะเป็นอะไรก็ไม่เกี่ยวกับแก ยังไงก็ดีกว่าไอ้หน้าตัวเมียที่ทำร้ายผู้หญิงแบบแกแหละโว้ย”
“ในเมื่อเรื่องก็ชัดเจนแล้ว คุณก็เลิกงี่เง่าไร้เหตุผลเสียที” เสี่ยวเชี่ยนพูด
“ช่างเถอะ เห็นแก่ที่เป็นผู้หญิงหรอกนะ งั้นยอมความก็ได้” ผู้ชายคนนั้นพอแน่ใจว่าฉิวฉิวเป็นผู้หญิงก็รู้สึกหมดอารมณ์ การข่มขู่ของเสี่ยวเชี่ยนก่อนหน้านี้ก็มีผล เขาไม่อยากถูกจับขัง ในเมื่อเสนอทางออกให้แล้วเขาจึงยอมความ
ฉิวฉิวกำหมัดแน่นสองมือ เวลานี้เขารู้สึกโกรธมาก สายตาดูถูกของผู้ชายคนนั้นหลังดูบัตรประชาชนของเขามันทำร้ายจิตใจของเขามาก
“ไม่ว่าตอนนี้นายจะคิดอะไรอยู่อดทนอดกลั้นเอาไว้ ไม่อย่างนั้นนายจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เข้าใจ?”
คำพูดของเสี่ยวเชี่ยนช่วยระงับความโมโหของฉิวฉิวลงได้
หลังจากที่ยอมความกันได้ก็ไปถูกตำรวจอบรม จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็แยกย้ายได้ ฉิวฉิวยืนอยู่ตรงบันไดทางเข้าโรงพัก เห็นผู้หญิงคนนั้นกับสามีเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามอง สายตาของฉิวฉิวทั้งโกรธทั้งเศร้า
นี่คือผู้หญิงที่เขาเคยทุ่มเทช่วยด้วยใจ
เขาช่วยให้เธอกลับเข้ามาอยู่ในสังคมได้ หลังจากไม่ได้เจอกันหลายปี พอเจอกันครั้งนี้เธอแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเขากับประธานเชี่ยน
“ความเห็นแก่ตัวเป็นนิสัยคนอย่างหนึ่ง โมโหด้วยเรื่องแบบนี้ไม่คุ้มหรอกนะ”
เสี่ยวเชี่ยนยืนข้างฉิวฉิวพลางพูด
“ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเอาผู้ชายเลวๆแบบนี้เป็นสามี”
ยอมทำตัวว่านอนสอนง่ายให้ผู้ชายที่ชอบใช้ความรุนแรงคนนั้นตบ แต่ไม่ยอมพูดขอบคุณเสี่ยวเชี่ยนกับฉิวฉิวที่เคยช่วยเหลือไว้
“คนเรามีชะตากรรมเป็นของตัวเอง เขาจะเลือกแบบไหนก็ไม่เกี่ยวกับพวกเรา นายทำสิ่งที่นายทำได้แล้ว ไม่ต้องไปคิดถึงเขาอีก”
แต่ไหนแต่ไรเสี่ยวเชี่ยนไม่เคยให้ค่าผู้หญิงที่รนหาความรุนแรงเองอยู่แล้ว เธอกับผู้หญิงคนนั้นจบสิ้นความสัมพันธ์กันตั้งแต่รักษาเสร็จ เจอหน้ากันอีกครั้งก็เป็นแค่คนแปลกหน้า
เพียงแต่ประธานเชี่ยนปวดใจแทนฉิวฉิวตอนที่เขาหยิบบัตรประชาชนออกมาให้อีกฝ่ายดู เพื่อนของเธอโดนดูถูกแบบนี้เธอไม่มีทางปล่อยคนๆนั้นแน่ ต่อให้อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ฉิวฉิวก็ยังเป็นห่วงว่าผู้หญิงคนนั้นจะถูกทำร้ายอีก นี่แหละนะคนจิตใจดี
ฉิวฉิวไม่ใช่คนปล่อยวางได้ง่ายๆแบบประธานเชี่ยน เขารับไม่ได้ที่ผู้หญิงที่ตัวเองเคยช่วยกลายเป็นแบบนี้
“ยอมปล่อยผู้ชายแบบนั้นไปไม่ได้จริงๆ”
“เขาต้องถูกสวรรค์ลงโทษแน่เชื่อฉันสิ”
ฉิวฉิวพอได้ยินเสี่ยวเชี่ยนพูดแบบนั้นก็พอเดาได้ว่าเสี่ยวเชี่ยนจะลงมือ ถ้าประธานเชี่ยนอยากเล่นงานใครมักจะชอบพูดว่าคนๆนั้นต้องถูกลงโทษ จากนั้นไม่กี่วันคนที่ล่วงเกินประธานเชี่ยนก็จะซวย แต่ก็ไม่มีใครตามสืบมาจนถึงตัวประธานเชี่ยนได้
“ประธานเชี่ยน เธอ…”
“ชู่ววว” เสี่ยวเชี่ยนทำปากชู่ว ประเด็นนี้จึงจบลง
แต่ฉิวฉิวก็ถูกทำร้ายจิตใจไปแล้ว คำว่า‘เก้าอี้รอง’ ที่ผู้ชายคนนั้นพูดได้ดูหมิ่นศักดิ์ศรีของเขา เขาจึงยิ่งมุ่งมั่นที่จะเก็บเงินไปศัลยกรรมเพื่อกลายเป็นผู้ชายที่แท้จริงให้ได้
ผ่านไปไม่ถึงสองวันรถของผู้ชายคนนั้นก็ถูกคนทุบ แถมยังเลือกทุบตรงจุดที่กล้องวงจรปิดถ่ายไม่เห็น ทำให้เป็นคดีที่เอาผิดใครไม่ได้ และที่ซวยยิ่งกว่าก็คือต่อมาอยู่ๆเขาก็ถูกไล่ออกจากงาน
ผู้หญิงคนนั้นยอมอยู่ให้ตัวเองถูกทำร้ายต่อ เรื่องนี้ประธานเชี่ยนทำอะไรไม่ได้ แต่ใครก็ห้ามมาแตะต้องเพื่อนประธานเชี่ยน
“พี่สะใภ้” หลิวเหมยที่รอทั้งสองคนอยู่ด้านนอกพอเห็นออกมากันแล้วจึงรีบเข้าไปหา คนที่อยู่ข้างๆหลิวเหมยคือไป๋จิ่นที่เอากล้องถ่ายรูปมาด้วย
“ประธานเชี่ยนทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะคะ” ไป๋จิ่นพอเห็นเสี่ยวเชี่ยนก็มีสีหน้าตกใจ
“มาช่วยเพื่อนนิดหน่อย เธอมาทำอะไรเหรอ?”
“มีคนร้องเรียนว่าเกิดเหตุทะเลาะวิวาทฉันเลยมาสัม…นี่ อย่าบอกนะว่าคนที่มีเรื่องคือนาย?” ไป๋จิ่นเห็นหน้าฉิวฉิวมีแผลก็ตกใจ
“ไม่ต้องสัมภาษณ์หรอก ไม่มีอะไรน่าเขียนหรอก”
“ฉิวฉิวเป็นฮีโร่นะ ทำไมจะไม่ให้ไม่เขียนล่ะ” หลิวเหมยยังโมโหไม่หาย “โลกนี้มันอะไรกัน ผู้ชายคนนั้นใช้กำลังกับผู้หญิงในที่สาธารณะ ฉิวฉิวเข้าไปช่วยแต่กลับถูกจับ ไม่ยุติธรรมเลย แบบนี้ไม่เรียกฮีโร่เหรอ?”
“การใช้ความรุนแรงในครอบครัวอย่าว่าแต่ข้างนอกเลย ต่อให้เกิดในบ้าน แจ้งความไปตำรวจก็ขอให้ยอมความอยู่ดี เรื่องนี้มันต้องได้รับความร่วมมือจากผู้หญิงด้วย ถ้าผู้หญิงไม่ให้ความร่วมมือก็ทำอะไรยาก ฉิวฉิวเป็นฮีโร่แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมรับก็เท่านั้นแหละ”
“ผู้หญิงแบบนี้สมองมีแต่น้ำหรือไง? ใครดีใครร้ายไม่รู้เลยเหรอ?” หลิวเหมยฟังแล้วก็ยิ่งโมโห
เสี่ยวเชี่ยนยักไหล่ เรื่องในครอบครัวคนข้างนอกคงตัดสินไม่ได้ ถ้าผู้หญิงที่ถูกใช้ความรุนแรงในบ้านไม่มาขอความช่วยเหลือเธอก่อน ต่อให้เธอเห็นแล้วก็ไม่ขอเข้าไปยุ่งอยู่ดี สถานการณ์ของแต่ละบ้านไม่เหมือนกัน คนที่ถูกทำร้ายยินยอมที่จะใช้ชีวิตแบบนี้ ตัวเองคิดไม่ได้ คนอื่นช่วยยังไงก็ไร้ประโยชน์
ไป๋จิ่นพอได้ยินว่าฉิวฉิวเป็นฝ่ายไปช่วยก็ตกใจ เอาแต่มองฉิวฉิว