แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 816 ไม่มีทางทำตัวน่ารักขึ้นเพราะป่วย
นานวันเข้าความรู้สึกนี้ก็ส่งผลต่อสภาพจิตใจของผู้อำนวยการเป็นอย่างมาก ความรังเกียจตัวเองและหวาดกลัวว่าจะถูกรู้ความลับสร้างความสับสนในจิตใจ เธอเริ่มนอนไม่หลับ เริ่มหวาดระแวง เริ่มรู้สึกว่ามีคนสะกดรอยตาม เริ่มรู้สึกว่าคนอื่นมองมาด้วยสายตาแปลกๆ
ผู้อำนวยการรู้ว่าตัวเองควรไปพบจิตแพทย์ แต่การเข้าแผนกประสาทสำหรับคนที่มีความคิดแบบเธอนั้นมันเท่ากับบอกให้โลกรู้ว่าเธอเป็น ‘โรคประสาท’ ถ้าทุกคนรู้ว่าเธอเคยเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นกับตัวเองแล้วต่อไปยังจะมีหน้าอยู่ในสังคมได้อย่างไร?
ถึงเมืองหลินจะไม่ได้ใหญ่ แต่คนส่วนใหญ่ก็รู้จักกัน ผู้อำนวยการกลัวว่าถ้าเธอไปขอเข้าพบหมอประสาทแล้วจะถูกคนรู้เข้า ครั้นแล้วจึงใช้วิธีอ้อมๆ ไปหาหมอในเมืองเล็กๆที่ตัวเองคิดว่า ‘ปลอดภัย’ แทน
ใครจะไปคิดว่าขนาดมาเมืองอื่นก็ยังเจอคนรู้จัก…แน่นอนว่าผู้อำนวยการยังจำเสี่ยวเชี่ยนไม่ได้ เหตุผลหนึ่งก็เพราะผู้อำนวยการไม่ได้ใส่แว่นสายตาทำให้มองเห็นไม่ชัด อีกผลหนึ่งก็คือกำลังวิตกกังวลอยู่เลยไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่น
“ก็ได้ค่ะ คุณไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร ช่วยทำแบบทดสอบความรุนแรงที่คุณได้รับนี่ด้วยค่ะ ทำเสร็จแล้วเดี๋ยวฉันจะพูดถึงอาการคุณให้ฟัง”
เสี่ยวเชี่ยนค้นลิ้นชักก็พบแบบทดสอบที่ถูกพิมพ์ออกมาไว้แล้ว เนื่องจากเอกสารมีมากเธอจึงต้องใช้เวลาค้นอยู่สักพัก
“คุณเรียนจบที่ไหนมา รักษาคนมานานเท่าไรแล้ว ระดับการศึกษาสูงสุดคืออะไร…คุณรักษาคนเป็นจริงเหรอ?”
คนไข้ที่น่ารำคาญไม่ทางน่ารักขึ้นเพราะป่วย ดูอย่างผู้อำนวยการนี่ก็รู้
เสี่ยวเชี่ยนขี้เกียจตอบคำถามข้อสงสัยเรื่องความสามารถของเธอ นี่เป็นงานจิตสาธารณะ ถ้าเป็นงานส่วนตัวที่เธอรับเองแล้วเจอคนไข้แบบนี้ล่ะก็ เสี่ยวเชี่ยนจะไม่พูดพล่ามอะไรทั้งนั้นขึ้นราคาทันที
“ทำแบบทดสอบก่อนค่ะ”
เสี่ยวเชี่ยนยื่นเอกสารให้ ผู้อำนวยการรับเอามาทำ
ผ่านไปสักพัก ผู้อำนวยการก็กรอกเสร็จแล้วยื่นให้เสี่ยวเชี่ยน เสี่ยวเชี่ยนจึงเอามาเปิดดูแล้วก็วางลง
“จิตใจของคนเราไม่ได้เข้มแข็งอย่างที่ตัวเองคิด การตอบสนองทางเพศอยู่เหนือการควบคุมของสมอง ดังนั้นคุณต้องเลิกตำหนิตัวเองก่อน แล้วเปิดใจกับฉัน ฉันถึงจะกำหนดขั้นตอนการรักษากับคุณได้”
“ฉันไม่เข้าใจคุณหมายถึงอะไร…”
“ในบรรดาคดีที่ผู้หญิงถูกข่มขืน การที่ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วจะมีปฏิกิริยาตอบสนองในเรื่องอย่างว่านั้นเป็นเรื่องปกติมาก อารมณ์ร่วมที่เกิดขึ้นอยู่เหนือการควบคุมของสมอง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าอีกฝ่ายไม่มีความผิด ถ้าคุณไม่บอกตัวเองแบบนี้ และปฏิเสธที่จะพูดความจริงกับจิตแพทย์ ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไม่มีทางเดินออกมาจากอดีตที่ฝังใจได้หรอกค่ะ”
เสี่ยวเชี่ยนชอบประโยคหนึ่งที่อยู่ในนิยาย ถูกหมากัดหนึ่งครั้งรู้สึกเจ็บ จะคิดว่าตัวเองเป็นคนอ่อนแอแล้วหรือ?
ความเจ็บปวดกับความสุข ความรู้สึกสองอย่างนี้บางครั้งก็อยู่เหนือการควบคุมของสมอง มีเคสที่ผู้หญิงถูกล่วงละเมิดที่ไม่ยอมแจ้งความมากถึง90% นอกจากสาเหตุที่ว่ากลัวถูกคนวิพากษ์วิจารณ์แล้ว ยังมีผู้หญิงที่แต่งงานแล้วส่วนหนึ่งเป็นแบบเดียวกับผู้อำนวยการที่รู้สึกละอายเพราะตัวเองดันมีความสุขกับเรื่องนี้ ก็เลยไม่ยอมแจ้งความ ในส่วนลึกจิตใจของเหยื่อไม่ยอมให้อภัยตัวเองง่ายๆ
ความคิดที่ขัดต่อหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่ว่าต้องมีเซ็กส์ด้วยความรัก ถ้าไม่รักก็ไม่ควรเกิดความรู้สึก ความคิดแบบนี้ขัดต่อกลไกทางร่างกายของมนุษย์ และได้กลายเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายมีอาการทางจิต คนอย่างผู้อำนวยการที่มีความคิดแบบคนหัวโบราณไม่เพียงแต่จะปิดกั้นความคิดคนอื่น ยังปิดกั้นตัวเองด้วย
เสี่ยวเชี่ยนพูดมาถึงขนาดนี้ผู้อำนวยการก็ยังไม่ยอมพูดความจริง
“ฉันไม่เข้าใจคุณพูดเรื่องอะไร”
เสี่ยวเชี่ยนปิดแฟ้มประวัติ เงยหน้ามอง ถึงเวลาต้องใช้ไม้เด็ดแล้ว
เสี่ยวเชี่ยนใช้นิ้วเคาะแบบทดสอบที่ผู้อำนวยการเพิ่งทำไปเบาๆ “จากผลแบบทดสอบโรคPTSDหรือโรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรงนี้แสดงให้เห็นว่า ในช่วงที่ผ่านมาคุณถูกทำร้ายจากคนต่างเพศ ทำให้ตอนนี้คุณทำตัวแยกออกจากสังคม มีแนวโน้มเป็นโรคซึมเศร้า ถึงขั้นที่ต้องได้รับการรักษาแล้ว ถ้าคุณยังใช้วิธีหลบเลี่ยง ชีวิตประจำวันของคุณและการทำงานก็จะได้รับผลกระทบ”
“ข่มขู่ฉันเหรอ”
“ก็ได้ค่ะ งั้นฉันจะพูดตามตรง แว่นกรอบดำของคุณอยู่ที่บ้านฉัน”
หลังจากที่เสี่ยวเชี่ยนทิ้งระเบิดเสร็จ ภายในห้องก็เกิดความเงียบทันที
ตอนแรกผู้อำนวยการยังไม่เข้าใจ แว่นของเธอไม่ได้อยู่ที่บ้านเหรอ? ทำไมหมอคนนี้พูดว่าอยู่บ้านตัวเองล่ะ?
เดี๋ยวนะ แว่นของเธอที่ทำตอนหลังไม่ใช่กรอบสีดำ ส่วนแว่นกรอบดำที่เคยใส่ มันตกตอนเกิดเรื่องไม่ใช่เหรอ?
ผู้อำนวยการหน้าซีด หรือว่า หรือว่า…
“คืนนั้นคนที่ช่วยคุณเป็นเพื่อนของฉัน คุณน่าจะจำได้ว่ามีผู้หญิงช่วยคุณไว้ และคุณก็ได้ติดค้างคำขอบคุณเขา รวมถึงคำขอโทษด้วย เพราะก่อนหน้านี้เขาไปสมัครงานที่โรงเรียนของคุณ แต่คุณกลับปฏิเสธเขาด้วยเรื่องที่เขาเป็นผู้หญิง ตอนที่เกิดเรื่องเพื่อนของฉันคิดแต่จะช่วยคนเท่านั้น แต่คุณกลับด่าเขาแล้ววิ่งหนีไป”
เสี่ยวเชี่ยนพูดความจริงออกมาด้วยท่าทางนิ่งๆ
ความหมายคือ เลิกทำเสียเวลาได้แล้ว ฉันรู้ทุกอย่างหมดนั่นแหละ ยอมรับสักที
ผู้อำนวยการหน้าซีด จากนั้นก็รู้สึกมึนหัวเหมือนโลกหมุนไปมา
เธอเริ่มหายใจถี่ ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะซวยขนาดนี้ เธออุตส่าห์มารักษาศูนย์บำบัดจิตใจของเมืองอื่นเพราะกลัวคนรู้จักเห็น ไม่นึกว่าจะมาเจอคนที่รู้เรื่องราวทุกอย่าง
“แก แก จะเอาเท่าไร”
“20”
“ฉันหมายถึง แกต้องการเท่าไรถึงจะหุบปากเรื่องนี้ไว้” ผู้อำนวยการโกรธจนปากสั่น ตอนนี้เธอกลัวมาก รู้สึกเหมือนชะตาตัวเองตกอยู่ในกำมือคนอื่น
“ค่ารักษา20 แต่คุณทำแบบทดสอบด้วยอาจต้องเพิ่มเงินเล็กน้อย เดี๋ยวไปจ่ายเงินที่เค้าน์เตอร์ได้ ดังนั้นตอนนี้คุณคงเปิดอกพูดกับฉันได้แล้วนะคะ”
“ฉันถามว่าแกจะเอาเงินเท่าไรถึงจะไม่พูดเรื่องนี้ออกไป เอาเท่าไรฉันจะให้หมด”
“ฉันชอบเงินก็จริง แต่ก็ต้องอยู่บนหลักการ ฉันหาเงินด้วยความสามารถของตัวเองนั่นก็เพราะฉันเก่ง แต่ฉันยังไม่ตกต่ำถึงขนาดแบล็กเมล์คนไข้หรอกนะคะ อันนั้นมันผิดกฎหมาย”
เรื่องที่อาจทำให้ทหารในบ้านเธอเดือดร้อนประธานเชี่ยนไม่ทำหรอก เงินน่ะเธอหาได้อยู่แล้ว แต่การข่มขู่คนอื่นเพื่อหวังเงินแบบนี้มันเสียศักดิ์ศรี
“ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะไม่อยากได้เงินเลย หรือเธออยากจะแย่งตำแหน่งผู้อำนวยการของฉัน? แบบนั้นมันเกินไปหรือเปล่า”
เสี่ยวเชี่ยนเปิดแฟ้มประวัติแล้วเขียนบางอย่าง
“คุณอาจมีอาการของโรคหลงผิดชอบคิดไปเองด้วย เดี๋ยวทำแบบทดสอบโรคหลงผิดเพิ่มนะคะ”
โรงเรียนบ้านๆแบบนั้นให้ฟรีเธอยังไม่เอาเลย ผู้อำนวยการคนนี้คิดเข้าข้างตัวเองเกินไปหรือเปล่า
“เธอวางแผนขุดความลับของฉันไม่ใช่เพราะเรื่องพวกนี้หรือไง? ฉันจะบอกให้นะ ฉันไม่ปล่อยให้เธอได้ใจหรอก ไม่มีทาง…” ผู้อำนวยการลุกโซซัดโซเซถอยหลัง
เสี่ยวเชี่ยนปิดแฟ้มประวัติ
“ดูท่าทางอาการคุณจะหนักมาก อาจต้องให้หมอประสาทช่วยสั่งยาระงับประสาทด้วย แถมคุณยังไม่ไว้ใจฉัน งั้นเอาแบบนี้ คุณเปลี่ยนจิตแพทย์ จากนั้นค่อยไปหาหมอประสาทที่อยู่ห้องข้างๆเพื่อให้เขาสั่งยาให้ จะได้รักษาอาการนอนไม่หลับของคุณในช่วงนี้”
ในเมื่ออีกฝ่ายไม่เชื่อในตัวเธอ งั้นประธานเชี่ยนก็ไม่บังคับ