แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 869 คดีนองเลือดที่เครื่องหมายถูกเป็นเหตุ
เสี่ยวเฉียงค้นวัตถุดิบของแม่ที่เมื่อวานมาทำเลี้ยงฉลอง เขาทำปาท่องโก๋กับทอดไข่สองฟอง แถมยังจัดวางเป็นตัวเลข100 จานนี้เป็นของเสี่ยวเชี่ยน ส่วนของแม่อวี๋เป็นโจ๊กกับกับแกล้มง่ายๆ
“เขายังวางเสื้อโลโก้เครื่องหมายถูกไว้ให้หนูบนเตียงด้วยนะคะ สีแดงด้วย…”
เสี่ยวเชี่ยนบ่นอย่างหมดแรง ตอนนี้รสนิยมของเสี่ยวเฉียงใกล้เคียงกับแม่วัยทองของเธอเข้าทุกที
“ก็ดีออก เขาคงอยากให้วันนี้ทุกอย่างราบรื่น ใส่เถอะจ้ะ”
เสี่ยวเชี่ยนอยากพูดออกไปว่า ใส่สีแดงเธอได้กลายเป็นดาวเด่นในงานที่ทุกคนจับจ้องแน่ มนุษย์ก็เป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง สัตว์ย่อมมีสัญชาตญาณไวต่อสีที่โดดเด่น แถมเสื้อยืดสีแดงยังทำให้ดูเชยอีกด้วย
แม่อวี๋สนับสนุนความคิด ‘สิริมงคล’ ของอวี๋หมิงหลางมาก เสี่ยวเชี่ยนจึงต้องยอมรับชะตากรรมใส่ไป
แต่เสื้อตัวนี้ไม่ได้ดึงดูดความสนใจจากทุกคน เพราะเสี่ยวเชี่ยนไม่ได้เข้าแข่งในวันที่สอง
กินอาหารเช้าเสร็จ คนคุ้มกันขับรถพาแม่อวี๋กับเสี่ยวเชี่ยนไปยังห้องถ่ายทอดสด
การแข่งขันมีการถ่ายทอดสด สนามแข่งจึงถูกจัดขึ้นในห้องออกอากาศของสถานีโทรทัศน์เมืองหลิน สถานีโทรทัศน์กับสถานีวิทยุอยู่ในตึกเดียวกัน แถมเสี่ยวเชี่ยนเคยจัดรายการวิทยุตอนกลางคืน จึงคุ้นเคยเส้นทางเป็นอย่างดี
ตอนนี้ยังมีชื่อเธอจัดรายการนั้นอยู่ ทางด้านศาสตราจารย์หลิวไม่ได้สั่งให้เธอจำเป็นต้องไปจัดรายการพาสเวิร์ดหัวใจอีก แต่ทางสถานีโทรทัศน์กลับเสียดายไม่อยากให้เสี่ยวเชี่ยนเลิก รายการของเสี่ยวเชี่ยนยอดผู้ฟังสูงมาก แต่ตอนนี้เธอยุ่งเรื่องที่บ้านรวมถึงต้องเตรียมแต่งงานจึงไม่มีเวลา ทางสถานีจึงใส่ชื่อเธอไว้ก่อน รอเธอกลับมาให้เข้ามาร่วมอาทิตย์ละครั้งสองครั้งก็ยังดี
“ไม่ไปรับต้าอีเหรอ?” แม่อวี๋เห็นเส้นทางที่รถมุ่งไปไม่ใช่ทางไปบ้านต้าอีจึงถามขึ้น
“พี่รองเพิ่งบินกลับมาเลยได้พักหลายวัน เดี๋ยวพี่รองไปส่งเขาค่ะ”
เวลานี้รถของเสี่ยวเชี่ยนใกล้ถึงที่หมายแล้ว ทันใดนั้นข้างหน้าก็มีบางอย่างทำให้คนขับรถต้องเบรกกะทันหัน
“เกิดอะไรขึ้น?” แม่อวี๋ถาม เสี่ยวเชี่ยนหรี่ตามองข้างหน้า มีคนมุงเต็มไปหมดไม่รู้ข้างในเกิดอะไรขึ้น
“ดูเหมือนข้างหน้าจะเกิดเรื่องน่ะครับ ถนนเส้นนี้เลยติดขัด เห็นทีคงต้องขับอ้อมแล้วครับ”
คนขับเองก็ไม่รู้ว่าข้างหน้าเกิดอะไรขึ้น ขณะที่เตรียมจะเลี้ยวเพื่อเปลี่ยนเส้นทาง ทันใดนั้นเสี่ยวเชี่ยนก็เห็นรถตำรวจสืบสวนพิเศษถูกขับเข้ามาจอดข้างถนน ตำรวจสืบสวนพิเศษที่ใส่ผ้าปิดหน้าพร้อมอาวุธจริงลงมาจากรถ
คนที่เดินนำมายืนอยู่ข้างรถเสี่ยวเชี่ยนพลางตะโกนใส่ลูกทีม
“เร็วหน่อย เร็วๆ”
เสี่ยวเชี่ยนคุ้นๆเสียงนี้
อวี๋หมิงหลางมีเพื่อนสมัยเรียนชื่อว่าหลินเจ๋อกว่าง เขาเป็นหัวหน้าตำรวจสืบสวนพิเศษของเมืองนี้ นี่น่าจะเป็นเขา
ข้างหน้าเกิดเรื่องขึ้นจริงๆเหรอ?
“รายงานหัวหน้า นักจิตวิทยาที่เรียกมาช่วยรถติดอยู่ครับ ตอนนี้เป็นชั่วโมงเร่งด่วนหัวหน้าคงรู้ดี…” เสียงตำรวจนายหนึ่งดังลอดเข้ามา เสี่ยวเชี่ยนได้ยินหลินเจ๋อกว่างก่นด่า
“อะไรกันวะเนี่ย ช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ยังจะรถติด? ไอ้Oneมันโทรมาหาฉันสองครั้งแล้ว บอกว่าถ้าพวกเรายังไม่เข้าไปอีกมันจะพาคนเข้ามาแล้ว”
หลินเจ๋อกว่างมีความอัดอั้นตันใจที่พูดออกไปไม่ได้ เขาพอจะนึกสีหน้าได้ใจของอวี๋หมิงหลางยามที่พาลูกน้องเก่งๆมาออก
พอได้ยินชื่อผู้ชายของตัวเองในที่สุดเสี่ยวเชี่ยนก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอเปิดประตูลงจากรถ
หลินเจ๋อกว่างที่กำลังฉุนเฉียวพอเห็นเสี่ยวเชี่ยนก็หรี่ตามองก่อน จากนั้นดวงตาก็เป็นประกาย
“น้องสะใภ้”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอคะ?”
“คุณเรียนด้านจิตวิทยามาใช่ไหม?” หลินเจ๋อกว่างจำได้ อวี๋หมิงหลางชอบโม้บ่อยๆว่าเมียเขาเก่งที่สุดในจักรวาลนี้ เป็นจิตแพทย์ที่เก่งมาก
“ถูกต้องค่ะ”
“งั้นช่วยพวกเราหน่อยได้ไหม? ข้างหน้ามีคนร้ายจับตัวประกันไว้สองคน นักจิตวิทยาที่พวกเราติดต่อไว้รถติดอยู่ เวลานี้การจราจรกำลังทำพวกเราเสียงาน”
“ตำรวจสืบสวนพิเศษไม่มีนักจิตวิทยาของตัวเองเหรอคะ?”
เสี่ยวเชี่ยนจำได้ว่าทีมตำรวจกับทีมตำรวจสืบสวนพิเศษจะมีรับนักจิตวิทยาไว้ใช้สำหรับเจรจากับคนร้ายที่จี้ตัวประกัน ยามปกติก็ทำงานไม่ต่างจากตำรวจทั่วไป แต่ถ้ามีเหตุก็ต้องเข้าเจรจา
“พวกเราก็มีอยู่หรอก แต่ไอ้หมอนี่มันไม่ยอมคุยกับพวกเรา บอกว่าจะคุยกับนักจิตวิทยา ลูกเดียว ดูท่าจะดูหนังฮ่องกงบ่อย…” หลินเจ๋อกว่างโมโหมาก ตอนที่คนของเขายังมาไม่ถึง ตำรวจพื้นที่เคยลองแสร้งทำเป็นนักเจรจา แต่ถูกจับได้ คนร้ายเกิดคลั่งขึ้นมาแทงตัวประกันไปหนึ่งคน
ช่วงนี้หนังฮ่องกงเกี่ยวกับการเจรจาตัวประกันดังมาก คนร้ายคนนี้ไม่รู้ว่าสมองสมประกอบดีหรือเปล่า จะให้ทำเหมือนในหนังให้ได้ ขอคุยกับนักเจรจาอย่างเดียว
“เสี่ยวเชี่ยน หนู…” แม่อวี๋ลงจากรถ พอได้ยินแบบนั้นก็คิ้วขมวดเข้าหากัน
เจอเรื่องแบบนี้จะปล่อยไปเฉยๆก็ไม่ได้ แต่วันนี้เสี่ยวเชี่ยนมีแข่งนะ
เสี่ยวเชี่ยนดูเวลา ยังเหลืออีกหนึ่งชั่วโมงกว่าจะเริ่มแข่ง หวังว่าเธอจะเอาอยู่
“ฉันจะลองดูค่ะ”
หลินเจ๋อกว่างรีบสั่งให้แหวกคนออกแล้วพาเสี่ยวเชี่ยนเข้าไปในเส้นที่ตำรวจกั้นไว้
รองหัวหน้าที่ยืนอยู่ข้างหลินเจ๋อกว่างเครียดจนเหงื่อแตก เขากระซิบข้างหูหลินเจ๋อกว่าง
“ลูกพี่ คนนี้ไหวเหรอ? ถ้าเกิดไปยั่วโมโหคนร้ายขึ้นมา…”
เกิดตัวประกันอีกคนโดนแทงด้วย พวกเขาทั้งทีมได้ซวยยกทีมแน่
“ฉันเชื่อOne เขาบอกว่าเมียเขาเป็นจิตแพทย์ที่เก่งมาก งั้นก็ต้องใช่”
ถึงหลินเจ๋อกว่างจะเคยเจอเสี่ยวเชี่ยนแค่ไม่กี่ครั้ง ตอนที่อวี๋หมิงหลางกับเขาดื่มเหล้ากัน อวี๋หมิงหลางเคยเล่าผลงานของเมียให้ฟัง เขาจึงรู้ว่าเสี่ยวเชี่ยนเคยมีประสบการณ์เจรจากับคนร้าย ปกติเขาอาจจะมีชอบลับฝีปากกับอวี๋หมิงหลางบ้าง แต่เขาก็เชื่อใจอวี๋หมิงหลาง
อีกอย่างตอนนี้ไม่มีเวลาให้คิดเยอะแล้ว คนร้ายเหมือนกำลังจะคลุ้มคลั่ง
เสี่ยวเชี่ยนแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินคำสบประมาทที่สองคนนี้คุยกัน เธอถามถึงสถานการณ์ในตอนนี้ หลินเจ๋อกว่างจึงเล่าให้ฟังอย่างคร่าวๆ
ส่วนรายละเอียดก็คือ ผู้หญิงสองคนนี้ขับรถชนรถที่สวนมา ผู้หญิงหนึ่งในนั้นอารมณ์ฉุนเฉียวลงจากรถมาโต้เถียง อาจจะพูดรุนแรงเกินไป เจ้าของรถอีกคันจึงใช้ความรุนแรงอย่างไม่มีทีท่ามาก่อน จับผู้หญิงสองคนนั้นขึ้นรถตู้ของเขา แล้วตะโกนว่าต้องการเจอนักเจรจา แถมยังแทงผู้หญิงไปคนหนึ่งเพราะมีตำรวจพื้นที่ปลอมตัวเป็นนักเจรจา ตอนนี้ทั้งสามคนอยู่ในรถ ผู้หญิงคนหนึ่งบาดเจ็บ ส่วนอีกคนเสียสติไปแล้ว
“ผู้ชายคนเดียวจับตัวประกันผู้หญิงไว้สองคน?” เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกเหลือเชื่อ
ชายหญิงมีพละกำลังต่างกันก็จริง แต่จะเป็นไปได้ไงที่ผู้หญิงสองคนจะถูกจับเป็นตัวประกันพร้อมกัน? พยายามสู้หน่อยอย่างน้อยก็น่าจะหนีได้สักคนไหม?
“ได้ยินว่าอยู่ๆเขาก็หยิบมีดออกมาจี้คอผู้หญิงคนหนึ่งไว้แล้วขู่ให้อีกคนขึ้นรถ”
เสี่ยวเชี่ยนประมวลข้อมูลที่ได้มา สุดท้ายสรุปออกมาได้ว่า
คนร้ายคนนี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะสมองมีปัญหา
ถ้าเป็นคนปกติต่อให้เป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียว เจอเรื่องแบบนี้ก็อาจขาดสติพลาดทำผิดได้ง่ายๆ แต่มากสุดก็คือโต้เถียงแล้วทำร้ายร่างกายหรือไม่ก็แทงคน ไม่มีทางทำเรื่องน่าเบื่ออย่างจับคนเป็นตัวประกันแล้วขอพบนักเจรจาหรอก