แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 905 พ่อลูกจิตใจสื่อถึงกัน สังหรณ์ใจอยู่ก่อนแล้ว
- Home
- แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย
- ตอนที่ 905 พ่อลูกจิตใจสื่อถึงกัน สังหรณ์ใจอยู่ก่อนแล้ว
“วันนี้ได้หยุดครับ ต้าหลงจะสอบแล้วไม่ใช่เหรอครับ ผมเลยมาให้กำลังใจน้อง” อวี๋หมิงหลางพอมาบ้านแม่ยายก็แสร้งทำตัวเป็นคนอ่อนโยนเป็นพิเศษ
“พี่! พี่เขย!” ต้าหลงออกมาจากห้องนอนด้วยสภาพหน้านิ่วคิ้วขมวด
เดิมคิดจะขอความเห็นใจจากพี่สาว แต่สิ่งที่ได้มากลับเป็นสายตามองเหยียดจากเสี่ยวเชี่ยน
“ก่อนสอบให้นายอยู่บ้านอ่านหนังสือเตรียมจิตใจให้พร้อม แต่ทำไมนายกลับกินจนอ้วนและก็โง่แบบนี้? แม่ ใส่ปุ๋ยเร่งโตให้น้องเหรอ? เดิมสมองก็ไม่ไหวอยู่ละ นี่กินจนอ้วนแบบนี้ ไปสอบทีสมองตื้อยิ่งกว่าเดิมแน่”
โวะ!
ฟ้าผ่ากลางหัวต้าหลงกลางวันแสกๆ เขารู้สึกเสียใจหนักมาก
“พี่! ผมอ้วนขึ้นไม่ถึงห้าโลเลยนะ ทำไมพี่ใจร้ายแบบนี้? อีกอย่างพี่ดูส่วนสูงของผมสิ จะร้อยแปดสิบอยู่แล้ว ผมกินนิดกินหน่อยก็เพื่อเสริมสร้างร่างกายไม่ใช่หรือไง!”
“ส่วนสูงร้อยแปดสิบ น้ำหนักเก้าสิบ ส่วนสูงกับน้ำหนักนายใกล้เหมือนโดเรม่อนเข้าทุกวัน บวกกับไอคิวของนาย ฉันล่ะกังวลเรื่องแต่งงานในอนาคตของนายจริงๆ”
เสี่ยวเชี่ยนจิกกัดน้องชายอย่างไร้ซึ่งความเมตตา ต้าหลงรู้สึกเสียดแทงใจสุดๆ
“ถุยๆๆ! คำพูดไม่เป็นมงคลแบบนี้ห้ามพูด!” เจี่ยซิ่วฟางถุยใส่เพื่อแก้เคล็ดตามความเชื่องมงาย
พ่อเลี่ยวเดินเข้ามาทักทายเสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางอย่างใจดี
“เหนื่อยกันไหม เข้าไปนอนพักสักหน่อยสิ เดี๋ยวอากับแม่จะไปทำกับข้าวให้”
“อาเลี่ยวคะ อาก็อ้วนขึ้นนะคะ” เสี่ยวเชี่ยนพูดตามความจริง
ดูท่าทางช่วงนี้แม่เธอจะบำรุงน้องชายที่ไม่เอาไหนไปมาก บำรุงเสียจนน้ำหนักขึ้นกันทั้งบ้าน
“ฮ่าๆ! ก็แม่เราน่ะทำอาหารอร่อยนี่นา คุณภาพชีวิตอาก็เลยดีขึ้น เดี๋ยววันนี้อาจะให้เขาแสดงฝีมือให้เต็มที่” พ่อเลี่ยวเรียกเสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางไปนั่ง จากนั้นก็จะไปช่วยเจี่ยซิ่วฟางเข้าครัวทำอาหาร
ภรรยาเขาลุกขึ้นมาทำนู่นทำนี่ตั้งแต่เช้าตรู่ พอรู้ว่าลูกสาวจะกลับมาก็เตรียมของกินให้มากมาย ตอนนี้ยังไม่เสร็จเลย
“แสดงฝีมืออะไร? เด็กคนนี้มีค่าอะไรให้ฉันต้องเหนื่อยด้วย? วันๆมีแต่เงินอยู่ในสายตา ดูแลครอบครัวไม่เป็น แม้แต่ต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็ยังทำไม่ได้ดี เด็กโง่คนนี้ทำให้ฉันอยากจะเป็นบ้าเข้าทุกวัน!” เจี่ยซิ่วฟางใช้นิ้วจิ้มหน้าผากเสี่ยวเชี่ยน ถึงปากจะดุด่าแต่ในคำพูดนั้นก็แฝงไปด้วยความสนิท
“ใช่! อยากจะบ้า!” ต้าหลงที่ถูกพี่สาวจิกกัดว่าอ้วนช่วยซ้ำเติม
“ต่อให้ฉันแย่แค่ไหน แต่ถ้าแบ่งเศษเสี้ยวออกมาสักส่วนหนึ่งก็ยังฉลาดกว่านาย ให้ฉันทดสอบไหมล่ะ อยากฝึกโหดดุจนรกก่อนสอบเข้ามหาลัยมะ?”
“พอเลย! ไม่ต้องมาเพิ่มความกดดันให้ผม!”
ต้าหลงพอนึกถึงเรื่องสอบก็ปวดหัว
ของบำรุงกินไม่ได้หยุดหย่อน น้ำหนักก็พุ่งพรวดเช่นกัน อาจเพราะน้ำหนักขึ้นไวเลยไปกดทับความรู้ในสมอง ทำไมเขารู้สึกว่าช่วงเวลาที่เขาเตรียมสอบนี้ดูเหมือนจะลืมความรู้ของเทอมก่อนไปจนหมดสิ้น…
“สองคนนี้จะพอได้หรือยัง? เจอหน้าก็ทะเลาะกัน!” เจี่ยซิ่วฟางถีบลูกชาย จากนั้นก็เอาจิ้มหน้าผากเสี่ยวเชี่ยนเบาๆพอเป็นพิธี
ต้าหลงเห็นแล้วก็เบ้ปาก “แม่ลำเอียงไปเปล่า? พี่เป็นลูกแม่แล้วผมไม่ใช่หรือไง?”
ทำไมถีบก้นเขา แต่กับพี่แค่จิ้มหน้าผากลงโทษ? แบบนี้มันเลือกปฏิบัติกันชัดๆ!
“ถ้าแกได้หนึ่งในสิบของพี่แกนะฉันก็ไม่อยากถีบแกหรอก ฉันแค่อยากลองดูว่าถีบแล้วน้ำในสมองจะกระฉอกออกมาได้บ้างหรือเปล่า พรุ่งนี้ตั้งใจทำให้ดี! หมิงหลาง นั่งพักก่อนนะ ไม่ก็เข้าไปนอนเอาแรงหน่อยก็ได้ เดี๋ยวกินข้าวแล้วแม่เรียก”
“ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวผมไปช่วยแม่ดีกว่า”
“ไม่ต้องๆ ใครก็ไม่ต้องเข้ามาทั้งนั้น เหล่าเลี่ยวคุณก็ไม่ต้องเข้ามาเหมือนกัน เหลือกับข้าวอีกแค่ไม่กี่อย่าง ฉันหั่นเตรียมไว้แล้ว เดี๋ยวรอพวกจู้จื่อมาฉันเอาลงไปผัดก็เสร็จ กับข้าวอย่างอื่นเสร็จหมดแล้ว”
พอได้ยินว่าจะมีคนอื่นด้วยเสี่ยวเชี่ยนก็หน้านิ่วด้วยความไม่พอใจ
“แม่เรียกพวกเขามากินข้าวด้วยเหรอ?”
“แล้วจะให้ทำไงล่ะ? เขามาตั้งไกลเพื่อมาหาเรา แล้วจะให้เรานั่งกินอยู่ในบ้านอย่างสบายใจมันเหมาะสมเหรอ?”
“แม่คงไม่ได้เรียกเขามาพักอยู่ห้องหนูนะ?” เสี่ยวเชี่ยนถือเรื่องนี้
จะว่าเธอเรื่องมากก็ได้ หรือจะบอกว่าเธออนามัยจัดก็ไม่เป็นไร แต่เตียงของเธอจะให้ใครมานอนส่งเดชไม่ได้ ก่อนหน้านี้เธอเคยเน้นย้ำกับแม่แล้วว่าไม่ว่าใครจะมาบ้านก็ห้ามให้คนนอกนอนห้องเธอทั้งนั้น
“ดูนิสัยหวงของของแกซิ! แล้วฉันจะกล้าให้คนอื่นมานอนเตียงแกได้ยังไง? อีกอย่าง พี่จู้จื่อของแกทำงานในธนาคารเลยนะ มีงานทำเป็นหลักแหล่งชีวิตไม่ได้มักง่าย เขาเห็นบ้านเราคับแคบพักด้วยไม่ได้ก็เลยไปพักบ้านลุงรองแกแล้ว—”
“แม่ให้เขาไปพักบ้านลุงรองเหรอ?”
ลุงรองตัดขาดกับบ้านเสี่ยวเชี่ยนนานแล้ว ตอนนั้นทะเลาะกันแย่งสมบัติของยาย บ้านลุงรองทำเรื่องไม่ดีกับเจี่ยซิ่วฟางสารพัด ถ้าไม่มีอวี๋หมิงหลางกับเสี่ยวเชี่ยนรับมือ ป่านนี้เจี่ยซิ่วฟางคงถูกกลั่นแกล้งจนไม่เหลือชิ้นดีไปแล้ว
“แกจะตกใจอะไร! ฉันไม่ได้เป็นคนบอกให้พวกเขาไปพัก พวกเขาไปกันเอง ตอนแรกไม่ยอมบอกฉันด้วย บอกแต่ว่าไปพักโรงแรม ต่อมาเมียจู้จื่อเผลอหลุดปากพูดออกมาฉันถึงได้รู้ว่าพวกเขาไปนอนบ้านนั้น แกก็เลิกคิดมาก ถึงบ้านเราจะไม่ได้ยุ่งกับลุงรองแล้วแต่พวกจู้จื่อก็ยังเป็นญาติบ้านนั้นอยู่นะ”
“พักอยู่กับคนบ้านนั้นได้ก็คงไม่ใช่คนดีอะไรหรอก” ต้าหลงแอบบ่น ถึงตอนนั้นเขาจะยังเด็ก แต่ก็รู้ว่าแม่กับพี่สาวถูกรังแกขนาดไหน
“เดี๋ยวถีบให้!” เจี่ยซิ่วฟางคิดจะถีบลูกชาย ไอ้เด็กคนนี้บังอาจว่าญาติต่อหน้าพี่เขยตัวเอง ไม่รู้จักให้เกียรติเลย
“เอาล่ะๆ ลูกยังต้องสอบนะ อย่าทำร้ายร่างกายเลย” พ่อเลี่ยวรีบเข้าห้าม เจี่ยซิ่วฟางดุต้าหลงสองสามคำแล้วเดินเข้าครัว
เสี่ยวเชี่ยนกลับรู้สึกว่าน้องชายเธอที่กำลังน้ำหนักพุ่งคนนี้พูดถูก
คนเหมือนกันมักจะมีแรงดึงดูดเข้าหากัน
แต่ก็มีจุดที่เหนือความคาดหมายของเธอ แม่เธอบอกว่าจู้จื่อเป็นญาติที่มาจากบ้านเกิด แต่ทำไมถึงทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร?”
ดูท่าทางจะมีหลายเรื่องที่เธอไม่รู้
“เฉินจื่อหลง เข้าไปในห้องกับฉันหน่อย ฉันจะทดสอบว่าติวเป็นไงบ้างแล้ว”
“ไม่เอาอะพี่…ปล่อยผมไปเถอะนะ นี่ผมทำใจว่าไม่ผ่านไว้แล้วนะ”
“ดูทำตัวเข้า!” เสี่ยวเชี่ยนถลึงตาใส่น้องชาย เฉินจื่อหลงไม่กล้าเถียงผู้หญิงที่มีอิทธิพลที่สุดของบ้าน เดินตามเสี่ยวเชี่ยนเข้าห้องอย่างเงียบๆ
อวี๋หมิงหลางนั่งที่โซฟาคุยสัพเพเหระกับพ่อเลี่ยว ทั้งเรื่องเล็กน้อยในครอบครัวหรือแม้แต่เรื่องข่าวสารบ้านเมือง
คุยได้ไม่กี่นาทีพ่อเลี่ยวก็เหลือบมองไปที่ห้องครัว แม่เสี่ยวเชี่ยนวุ่นอยู่กับการทำอาหาร เครื่องดูดควันกำลังส่งเสียงทำงาน
พ่อเลี่ยวกระซิบถาม “หยุนฉางไม่ได้เกิดเรื่องอะไรใช่ไหม?”
คนเป็นพ่อย่อมรู้จักลูกตัวเองดี ขนาดเสี่ยวเชี่ยนยังดูออกว่าฟู่กุ้ยเกิดเรื่อง แล้วคนเป็นพ่อจะไม่รู้สึกอะไรเลยได้อย่างไร ถึงเลี่ยวฟู่กุ้ยจะโทรมาบอกเขาแล้วว่าไปเที่ยว แต่พ่อเลี่ยวคิดๆดูแล้ว ถ้าลูกชายไม่เกิดเรื่องอะไรร้ายแรงมีหรือจะยอมเสียการเสียงานแบบนี้?
อวี๋หมิงหลางไม่แปลกใจเลยที่พ่อเลี่ยวจะเอะใจ สมองระดับผู้พิพากษาระดับสูงแบบนี้ถ้าไม่ฉลาดสิแปลก