แฝดชายหญิง:แด๊ดดี้ต้องชนะใจหม่ามี๊นะ - ตอนที่ 1
บทที่1 ให้คุณได้เข้าใจถ่องแท้
โรงแรมนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดของเมืองหลินชวน
ภายในห้อง เพรสซิเดนสูท แสงแดดทะลุผ่านม่านหน้าต่างตกกระทบลงบนเตียงใหญ่
ร่างกายที่สวยงามกำลังปรากฏ รอยแดงตรงไหปลาร้า อยู่บนผิวที่ขาวราวหิมะนั้นสะดุดตาเป็นอย่างมาก
สวี่รั่วฉิงขยี้ตาจากการตื่นนอนอย่างงัวเงีย ขยับตัวเล็กน้อย สังเกตเห็นว่าปวดสุดๆ ไปทั้งตัวทั้งส่วนบนและส่วนล่าง
โดยเฉพาะส่วนล่างนั่นที่ปวดจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ ทำให้เธอขมวดคิ้วแน่น สีหน้าซีดเซียว
ผลึบ
ที่นี่คือที่ไหน
หลังจากสูดหายใจไปทีนึง สวี่รั่วฉิงเพิ่งจะสังเกตเห็นว่านี่ไม่ใช่ห้องของเธอ
เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น
สวี่รั่วฉิงส่ายหัว สังเกตเห็นว่าความจำนั้นเลือนรางมาก
ทันใดนั้น เธอก็หันหลังมา สายตาตกไปอยู่บนร่างของชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ
ผู้ชายคนนี้…
บนพื้นยังมีเสื้อผ้ากระจายอยู่ แล้วก็ยังมีหน้ากากจิ้งจอกที่เธอสวมอยู่ตลอดเวลา ก็ตกอยู่อีกฝั่งนึง
เธอทำได้แค่เลือกหยิบเสื้อผ้าที่ดูเรียบร้อยหน่อยจากกองเสื้อผ้าที่ขาดหลุดลุ่ยมาคลุมอยู่บนตัว
ยังไม่ทันให้สวี่รั่วฉิงได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเกิดอะไรขึ้น
จู่ๆ ตรงนอกประตูก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เธอเอาหน้ากากที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นมาสวมโดยอัตโนมัติ
จากนั้น ประตูห้องก็ถูกคนใช้แรงผลักออก คนกลุ่มหนึ่งพังประตูเข้ามา
แสงวาบขึ้นมาส่องไปที่คนทั้งสองบนเตียงไม่หยุด นำโดยนักข่าวหนังสือพิมพ์บันเทิงที่ใหญ่ที่สุด
“คุณสวี่ครับ ขอถามหน่อยครับว่าการที่คุณปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป็นเรื่องบังเอิญรึเปล่า หรือว่าตระกูลสวี่มีปัญหา ต้องการให้คุณตกลงสิ่งที่บอกสื่อไม่ได้กับนักธุรกิจไฮโซบางคนหรอครับ”
หัวของสวี่รั่วฉิงกระแทกดังปึงไปทีนึง เธอนึกออกแล้ว
งานเลี้ยงหน้ากากเมื่อคืน สวี่รั่วยีเป็นคนพาเธอมา แม้กระทั่งหน้ากาก เธอก็เป็นคนเตรียมให้
ในตอนนั้นสวี่รั่วฉิงสงสัยมาก น้องสาวไม่ยอมให้เธอออกบ้านไม่ใช่รึไง
ทำไมจู่ๆ ถึงให้เธอเข้าร่วมงานเลี้ยงหน้ากากครั้งนี้ด้วยล่ะ
แล้วก็มีแชมเปญแก้วนั้นเมื่อคืนด้วย…
สวี่รั่วฉิงหรี่ตาลง ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกได้ว่านี่เป็นการสมรู้ร่วมคิด
“ฉันเปล่าค่ะ”
นักข่าวยิ้มเจ้าเล่ห์ ไม่ได้ปิดบังสายตาที่รังเกียจนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว
“คุณสวี่ครับ อย่าปิดบังเลยครับ เอาหน้ากากออกเถอะ คุณเป็นคุณของตระกูลสวี่ ตอนนี้ให้พวกเราได้ดูว่าคุณสวยขนาดไหน”
สวี่รั่วฉิงรู้สึกแค่ว่าหัวของเธอนั้นบวมใช้ได้ แล้วคำพูดนี้ของนักข่าว กลับทำให้เธอสีหน้าเปลี่ยน “พวกคุณอยากจะทำอะไรกัน”
เธอคิดได้ว่าทั้งหมดนี้ต้องเป็นแผนของน้องสาวแน่นอน ถ้าไม่งั้นคงไม่บังเอิญขนาดนี้หรอก
ถ้าให้พวกเขาถ่ายใบหน้าที่อยู่ใต้หน้ากากของตัวเองล่ะก็ ถ้างั้นตัวเองก็คงหมดกัน
ยังไงเธอก็คาดไม่ถึง ว่าน้องสาวที่ปกตินั้นเรียบร้อยต่อหน้าเธอ ลับหลังกลับมีนิสัยที่ชั่วร้ายแบบนี้
และในตอนนี้ นักข่าวก็กำลังจะลากชายที่โดนผ้าห่มคลุมไว้ ดูว่าผู้ชายที่เธอแอบมีความสัมพันธ์ด้วยคือใคร
ใบหน้าเล็กๆ ของสวี่รั่วฉิงเต็มไปด้วยความตกใจ เธอเอาผ้าปูที่นอนม้วนตัวแล้วผลักผู้คนออก แล้ววิ่งออกไปข้างนอก
ทุกคนพากันรีบตามไป
จากนั้นในตอนที่สวี่รั่วฉิงวิ่งไปอยู่ตรงมุม ทันใดนั้นก็ถูกคนตีไปที่ท้ายทอยทีนึง
เห็นหญิงสาวที่สลบลงกับพื้นแล้ว คนนั้นพูดเสียงต่ำ “คุณผู้หญิงครับ จะจัดการกับเธอยังไงดีครับ”
“เหอะ เธอหมดประโยชน์แล้ว ไอ้นั่นโดนวางยา คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกมันช่วยไว้ จัดการมันให้ฉันซะ ฉันไม่อยากเจอหน้ามันอีก
“ครับ”
มองดูสวี่รั่วฉิงที่ถูกใส่ลงไปในกระสอบ เธอแสยะยิ้มโดยไม่รู้ตัว “ถึงจะมีความสามารถท่วมตัวแล้วยังไงล่ะ ยังไงก็เป็นแค่ผู้หญิงที่เป็นลูกนอกคอกที่เกิดมาต่ำต้อยคนนึงเท่านั้นแหละ”
พูดจบ เธอก็เริ่มถอดเสื้อผ้าบนตัวเธอออก แกะผ้าปูที่นอนสีขาวออก แล้วก็กลับไปทางที่เพิ่งจะวิ่งมาเมื่อกี้
ตอนที่ออกไปนั้นเจอกับพวกนักข่าวที่แบกกล้องอยู่พอดี
เธอหน้าแดง นักข่าวที่อยู่ตรงหน้านั้นพากันอึ้ง เห็นได้ชัดว่าคาดไม่ถึงว่าบุคคลนี้จะเป็นคุณตระกูลสวี่อีกคน สวี่รั่วยี
ไม่ใช่ว่าเป็นคนนั้นหรอ
“ถ่ายพอรึยัง”
พูดจบ สวี่รั่วยีก็ผลักทุกคนออกแล้วกลับไปที่ห้อง
เธอนอนอยู่บนเตียง จับไปที่หน้าของชายหนุ่มที่กรามชัดอย่างหลงใหล “นับจากวันนี้ คุณเป็นของฉัน”
ชายหนุ่มบนเตียงเหมือนจะรู้สึกถึงสัมผัสของหญิงสาว ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“จิ้งจอกน้อย……อย่าไป”
“ฉันไม่ไปไหนหรอกค่ะ”
……
หลังจากนั้นสามวัน ลี่ถิงเซิ่งก็ได้ข่าวของผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตัวเอง แพร่ไปทั่วเมืองหลินชวน
ยิ่งไปกว่านั้นคือมีข่าวว่า อีกไม่นานพวกเขาก็จะแต่งงานแล้ว
ทันใดนั้น ทุกคนก็พากันอิจฉา