แฝดชายหญิง:แด๊ดดี้ต้องชนะใจหม่ามี๊นะ - ตอนที่ 104
เมื่อกี้หัวใจของสวี่รั่วฉิงเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อย
มือข้างที่ลี่ถิงเซิ่งใช้จับข้อมือของเธอไว้นั้น อุณหภูมิร้อนมาก
อุณหภูมิที่ร้อนสูงส่งผ่านมาที่ผิวหนังของเธอ แล้วก็ส่งมาถึงหัวใจของเธอ
ตุ๊บ…… ตุ๊บ……
จังหวะหัวใจยิ่งเต้นก็ยิ่งเร็ว
สวี่รั่วฉิงไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ เพราะกลัวว่าลี่ถิงเซิ่งจะเห็นว่าตัวเองหัวใจเต้นเร็วเกินไป
บรรยากาศที่สวยงามแบบนี้ อยู่ ๆ กลับโดนเสียงของผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่งมาทำให้ขาดตอนไป
น้ำเสียงของผู้ชายคนนั้นแฝงไว้ด้วยความหยอกล้อเสี้ยวหนึ่ง แล้วหลังจากที่มองดูท่าทางของสวี่รั่วฉิงและลี่ถิงเซิ่งชัดเจนแล้ว เขาก็หัวเราะพรืดคำหนึ่ง แล้วก็เอากระเป๋าพยาบาลที่อยู่ในมือวางลงบนโต๊ะอย่างแรง
“ไหนบอกว่าเป็นไข้สูงไม่ใช่เหรอ? ผมว่าคุณยังมีเรี่ยวแรงอยู่มากเลยนี่ ยังสามารถมาเล่นกุ๊กกิ๊กกับผู้ช่วยหญิงอยู่ที่นี่ได้อีก?”
ผู้ที่มาใหม่นั้นดวงตาเรียวยาว หลังจากที่เห็นหน้าตาของสวี่รั่วฉิงแล้ว ในดวงตาก็มีแววเยาะเย้ยกะพริบขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง
แล้วสวี่รั่วฉิงก็ตั้งสติกลับมาได้ ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ ก็คือหมอส่วนตัวของลี่ถิงเซิ่ง
สายตาเหล่มองไปทางลี่ถิงเซิ่ง หัวคิ้วของชายหนุ่มขมวดเข้าด้วยกัน เหมือนกับว่าจะไม่ค่อยพึงพอใจกับการปรากฏตัวมาของผู้มาใหม่
สวี่รั่วฉิงอยากจะชักมือของตัวเองกลับอย่างไม่ให้มีสุ้มเสียง
และครั้งนี้ ลี่ถิงเซิ่งไม่ได้ใช้แรงอีก สวี่รั่วฉิงจึงชักมือของตัวเองกลับมาได้อย่างราบรื่นมาก แล้วปล่อยลงข้างลำตัว
“ประธานลี่ ในเมื่อหมอส่วนตัวของคุณมาแล้ว งั้นฉันก็จะไปแล้วนะคะ” น้ำเสียงของสวี่รั่วฉิงบางเบา
เธอรู้สึกไม่ชอบผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้เลย
แบบไม่มีเหตุผลอะไร
ถึงแม้ว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้จะหน้าตาไม่เลว ร่างกายที่อยู่ภายใต้การนุ่งห่มด้วยชุดสูทสีเงินทั้งชุดนั้น สามารถดูออกได้ว่ารูปร่างไม่แพ้ให้กับนายแบบเลย
“อยู่ก่อน” ลี่ถิงเซิ่งพูดเสียงขรึม “คุณไปพักผ่อนที่โซฟาก่อน”
หลังจากที่พูดจบ เขาก็วางแท็บเล็ตที่อยู่ในมือลงบนเตียง ดวงตาที่เหนื่อยล้ามองไปที่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู “อุณหภูมิร่างกายสามสิบแปดจุดสององศา คุณช่วยสั่งยาลดไข้ให้ผมหน่อย”
หมอเดินมาถึงข้างเตียง บังอยู่ข้างหน้าสวี่รั่วฉิง แล้วก็ตรวจอุณหภูมิร่างกายให้ลี่ถิงเซิ่งอย่างไม่สนใจจนเสร็จเรียบร้อย แล้วก็หัวเราะอย่างหยอกล้อขึ้นมาคำหนึ่ง
“เป็นไข้สูง สั่งแค่ยาลดไข้ พรุ่งนี้คุณก็ไม่สามารถที่จะไปเข้าร่วมงานหลินฉวนอีโคโนมิคฟอรั่มได้หรอก”
พูดจบ เขาก็เหล่ตามองไปที่สวี่รั่วฉิงที่ยังคงนั่งจ้องมองเขาอย่างระแวดระวังอยู่บนโซฟาทีหนึ่ง
ในสายตาที่สวี่รั่วฉิงจ้องมองเขาอยู่นั้น ดูระแวดระวังเป็นอย่างมาก
เหมือนอย่างกับว่าวินาทีต่อไปเขาก็จะกระทำอะไรที่ไม่เป็นผลดีต่อลี่ถิงเซิ่งออกมา
หมอส่วนตัวคนนี้ไม่ได้สนใจการวิเคราะห์ของสวี่รั่วฉิงเลยแม้แต่น้อย แล้วเขาก็เอายาลดไข้ออกมาหลายกล่องมาโยนลงบนโต๊ะข้างเตียงอย่างสบายอกสบายใจ แล้วสั่งกำชับสวี่รั่วฉิงอย่างไม่เกรงใจเลยว่า “คุณผู้ช่วย ชีวิตประธานลี่ของพวกคุณอยู่ในกำมือของคุณแล้ว พรุ่งนี้เขาจะสามารถไปร่วมงานหลินฉวนอีโคโนมิคฟอรั่มได้หรือเปล่า ก็อยู่ที่คุณแล้ว”
สวี่รั่วฉิงเงียบไปครู่หนึ่ง แววระแวดระวังในสายตายังไม่ถดถอยออกไป
เรียกใครว่าผู้ช่วยน้อยกัน ไร้สาระจะตายอยู่แล้ว
“ยาเยอะขนาดนี้เลยเหรอ? คุณหมอ คุณคงไม่ได้อยากจะให้ประธานลี่ของเรากินยาจนตายไปหรอกนะ?” สวี่รั่วฉิงลุกขึ้น แล้วก็หยิบใบฉลากยาของยาลดไข้ขึ้นมาดู แล้วถามขึ้นอย่างไร้คำพูด
ลี่ถิงเซิ่งหัวเราะพรืด “เขาไม่มีความกล้าแบบนี้หรอก”
“คุณผู้ช่วย คุณเองก็ได้ยินแล้วนะ? ผมไม่มีความกล้าที่จะให้ประธานลี่ของพวกคุณตายหรอก” คุณหมอพูดขึ้น แล้วฝ่ามือก็มาวางลงบนไหล่ของสวี่รั่วฉิงเบา ๆ “ผมดูคุณเองก็ไม่ได้หน้าตาเหมือนเด็กแบบที่ลี่ถิงเซิ่งชื่นชอบมาก่อน ทำไม เขาเปลี่ยนสไตล์แล้วเหรอ? ถึงกับเริ่มรับสมัครผู้ช่วยสาวแล้วเนี่ย?”
สวี่รั่วฉิงเม้นปากไว้ แล้วก็สะบัดมือของชายหนุ่มออกอย่างไม่มีสุ้มเสียง หัวคิ้วขมวดกันไว้
“คุณผู้ชายท่านนี้ ฉันไม่ได้สนิทกับคุณนะคะ” สวี่รั่วฉิงเปิดปากพูดขึ้น
“เสิ่นเหย่” อยู่ ๆ ลี่ถิงเซิ่งก็เปล่งเสียง
ในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเขา มีแววเย็นยะเยือกแผ่ออกมาเสี้ยวหนึ่ง
เหมือนกับว่าจะเตือนให้เสิ่นเหย่ อย่าพูดจาไร้สาระอีก
“ได้ ในเมื่อดูแล้วคุณยังไม่ตายในเร็ว ๆ นี้แน่ แถมยังมีสาวงามดูแลอยู่ข้าง ๆ อีก ดูน่าสบายออก”
เสิ่นเหย่เก็บข้าวของจนเรียบร้อย แล้วในตอนที่จะจากไป ตอนที่เดินผ่านสวี่รั่วฉิง ฝีเท้าก็หยุดลง
ในมือของสวี่รั่วฉิงถือน้ำร้อนไว้แก้วหนึ่ง กำลังเตรียมจะให้ลี่ถิงเซิ่งกินยาตามที่หมอสั่ง
“คุณหมอเสิ่นยังมีเรื่องอะไรอีกเหรอคะ?” ดวงตาของสวี่รั่วฉิงมองบนขึ้นมาเล็กน้อย และไม่มีปฏิกิริยาอะไร
เธอรู้สึกได้โดยสัญชาตญาณว่า คุณหมอเสิ่นที่อยู่ตรงหน้านี้กับลี่ถิงเซิ่งจะต้องมีเบื้องหลังที่ลึกซึ้งต่อกันมากแน่
ในแววตาที่เสิ่นเหย่จ้องมองไปที่สวี่รั่วฉิงนั้นแฝงไว้ด้วยความหมายที่เยาะเย้ยเสี้ยวหนึ่งและยังมีความหมายที่ลึกซึ้งด้วย
เขาค่อย ๆ โน้มตัวลงมา อยู่ที่ข้าง ๆ หูของสวี่รั่วฉิง แล้วพูดขึ้นว่า “คุณผู้ช่วย ผมเห็นแก่ที่คุณหน้าตาไม่เลว จึงใจดีที่จะเตือนคุณสักหน่อยว่า อย่าถลำตัวไปให้ลึกมากนัก คุณเดินเข้าไปในใจของเขาไม่ได้หรอก”
ดวงตาของสวี่รั่วฉิงกระตุกขึ้นเล็กน้อย
เธอเพิ่งอยากจะเงยหน้าขึ้นมา ถามว่าเพราะอะไร
เสิ่นเหย่ก็ยืดตัวขึ้น ที่มุมปากมีรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้งอันหนึ่งอยู่
เขาโบกมือให้ลี่ถิงเซิ่งทั้งที่หันหลังอยู่ แล้วก็จากไปอย่างสบาย ๆ
สวี่รั่วฉิงเอาน้ำมาวางลงบนโต๊ะหัวเตียง “ประธานลี่ กินยาตามเวลาด้วยค่ะ ถ้าหากว่าวันนี้ไข้ไม่ลด งานหลินฉวนอีโคโนมิคฟอรั่มในวันพรุ่งนี้คุณคงจะไปไม่ได้แน่”
ดวงตาดำสนิทของลี่ถิงเซิ่งจ้องมองสวี่รั่วฉิงอยู่อย่างมืดขรึม
ริมฝีปากที่เรียวบางเม้มกันเป็นเส้นตรงเส้นหนึ่ง
เมื่อกี้เสิ่นเหย่ได้พูดคุยอะไรกับหญิงสาวนะ?
เธอถึงได้มีปฏิกิริยาที่ตกใจและแปลกใจอยู่บ้างแบบนี้?
ถึงแม้ว่าเสิ่นเหย่จะเป็นเพื่อนของลี่ถิงเซิ่งมาตั้งแต่เด็ก แต่ในด้านการแพทย์ก็ประสบความสำเร็จถึงที่สุด ไม่งั้นลี่ถิงเซิ่งก็คงจะไม่มีทางให้เขามาเป็นหมอส่วนตัวของตัวเองแน่
เขาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งในน้อยคนที่รู้ความในใจเมื่อหกปีก่อนของลี่ถิงเซิ่ง
ลี่ถิงเซิ่งรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างมีไม่บ่อยนัก
เมื่อกี้เสิ่นเหย่ได้บอกเรื่องเมื่อหกปีก่อนให้แก่หญิงสาวแล้วเหรอ?
ลี่ถิงเซิ่งหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วหยิบยาลดไข้สองแคปซูลขึ้นมาจากฝ่ามือที่อ่อนนุ่มของสวี่รั่วฉิง แล้วก็กินพร้อมกับน้ำอุ่นกลั้วคอ แล้วก็แหงนหน้าขึ้นมากลืนลงไป
“เมื่อกี้เขาพูดอะไรกับคุณ?” ลี่ถิงเซิ่งเก็บความในใจที่สับสนวุ่นวายของตัวเองให้เรียบร้อย แล้วถามขึ้น
น้ำเสียงของลี่ถิงเซิ่งขรึมต่ำมาก พออยู่ในห้องนอนที่เงียบสงบ ทำให้คนรู้สึกลุ่มหลง
สวี่รั่วฉิงรู้สึกว่าน้ำเสียงของลี่ถิงเซิ่งนั้นช่างน่าฟังมาตลอด แต่ว่าตอนที่เขาเป็นไข้นั้น ในน้ำเสียงที่ขรึมต่ำของเขายังแฝงไว้ด้วยความแหบแห้งเสี้ยวหนึ่ง
ราวกับไวน์ที่มีอายุ ทำให้คนมึนเมา
“เหม่ออะไร” ลี่ถิงเซิ่งเห็นว่าสวี่รั่วฉิงเหม่อลอย ดวงตาที่ดำลึกอยู่แล้วก็ยิ่งลึกซึ้งเข้าไปอีก
หรือว่าเสิ่นเหย่จะบอกเรื่องราวเมื่อหกปีก่อนให้กับเธอแล้วจริง ๆ?
ถึงแม้ว่าจิ้งจอกน้อยลึกลับคนนั้นจะเป็นปมในใจของเขาตลอดไป
แต่ว่าลี่ถิงเซิ่งกลับไม่อยากให้สวี่รั่วฉิงรู้เรื่องนี้เข้า
สวี่รั่วฉิงกระแอมไอเบา ๆ ทีหนึ่ง
น้ำเสียงของเธอบางเบามาตั้งแต่แรก พอตอนนี้มาดังอยู่ในหูของลี่ถิงเซิ่ง กลับทำให้เขาคันยิก ๆ รู้สึกแล้วทรมานมาก
ลี่ถิงเซิ่งแค่คิดถึงน้ำเสียงที่บางเบาของสวี่รั่วฉิง สีหน้าก็ยิ่งเคร่งขรึมมากขึ้น
เขาไม่อยากจะให้ใครได้ยินเสียงแบบนี้ของหญิงสาวเข้า
สวี่รั่วฉิงรู้สึกเขินอายเล็กน้อย เธอยอมรับว่าตอนนี้รู้สึกดีกับลี่ถิงเซิ่งขึ้นมาบ้างแล้ว
ไม่งั้นก็คงจะไม่อยู่ดูแลเขาต่อหรอก
เพียงแต่ว่าคำพูดที่คุณหมอเสิ่นพูดมาเมื่อกี้……
ทำไมถึงเหมือนกับว่าเข้าใจความสัมพันธ์ของเธอกับลี่ถิงเซิ่งผิดไป
สวี่รั่วฉิงเปิดปากพูดขึ้นอย่างยากลำบาก “เอ่อ ประธานลี่ เมื่อกี้คุณหมอเสิ่นเขา……”
“เขาทำไม?” ลี่ถิงเซิ่งเงยหน้าขึ้นมาถามไปประโยคหนึ่ง
สวี่รั่วฉิงคิดไป นี่จะให้เธอพูดว่ายังไงดีล่ะ
หรือว่าจะให้พูดจริง ๆ ว่า เมื่อกี้หมอส่วนตัวของประธานลี่บอกว่าฉันแอบรักคุณ แต่ว่าเขาก็ยังบอกอีกว่าพวกเราสองคนไม่มีทางเป็นไปได้แน่ ทางที่ดีให้รีบถอนตัวให้เร็วที่สุดดีกว่า
“ทำไมถึงไม่พูดแล้วล่ะ” ลี่ถิงเซิ่งถามขึ้น
“……ประธานลี่ ฉันพูดไปแล้วคุณอย่าหัวเราะนะคะ” สวี่รั่วฉิงพูดตอบขึ้นมา
อยู่ ๆ ลี่ถิงเซิ่งก็คลี่มุมปากยิ้มขึ้นมา
“ได้ ผมรับปากคุณ”
“เมื่อกี้หมอส่วนตัวของประธานลี่บอกว่า ที่ฉันแอบรักคุณมันไม่มีทางเป็นไปได้ ให้ฉันรีบถอนตัวออกมาก่อนดีกว่า”