แฝดชายหญิง:แด๊ดดี้ต้องชนะใจหม่ามี๊นะ - ตอนที่ 134
หลี่อานอึ้งไป และรีบตามลี่ถิงเซิ่งออกจากกองถ่ายไป
สีหน้าของลี่ถิงเซิ่งจะว่าดีก็ไม่ใช่ แต่จะว่าไม่ดีก็ไม่ใช่อีก
เขาก็เหมือนปกติทั่วไป ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ออกทางสีหน้าเท่าไหร่
ลี่ถิงเซิ่งจ้องมองหลี่อานอย่างเย็นชา: “นายออกมาทำไม?”
หลี่อานอึ้ง: “ก็ประธานลี่ออกมา ผมถึงได้ตามออกมา”
ลี่ถิงเซิ่งเงียบไปหนึ่งวินาที: “เมื่อการถ่ายทำฉากเสร็จ ออกมาบอกฉัน”
ในใจของหลี่อานคิดว่า นี่มันคำขอที่แปลกประหลาดมาก
แต่ด้วยความที่เป็นผู้ใต้บัญคับบัญชา หลี่อานทำได้เพียงทำตาม: “ได้ครับ ประธานลี่”
เมื่อกลับมาถึงที่กองถ่าย หลี่อานถึงได้รู้ตัวอย่างเชื่องช้าว่า หรือว่าประธานลี่ไม่อยากเห็นภาพที่แอนนาจูบกับผู้ชายคนอื่น?
ถึงจะเป็นแค่มุมกล่อง แต่บรรยากาศก็ไม่เลว
ลี่ถิงเซิ่งออกจากสถานที่ถ่ายทำ สวี่รั่วฉิงได้มองไปทางเขา
นายแบบ: “คุณแอน?”
สวี่รั่วฉิงถึงได้สติกลับมา และคุยกับนายแบบต่อมาจะถ่ายทำอย่างไรดี
สวี่รั่วฉิงไม่ได้เรียนสายการแสดงมาโดยตรงนะ การแสดงของเธอคงสู้นักแสดงไม่ได้ เป็นเพียงโฆษณาน้ำหอมที่มีหัวข้อเดียวกับรักแรก ยิ่งเป็นคนที่ไม่แต่งหน้า ก็จะยิ่งสามารถแสดงออกความรักที่บริสุทธิ์และความไม่แน่ใจในความรักในช่วงวัยเรียนได้
คิ้วของผู้หญิงสั่นนิดหน่อย เมื่อนึกถึงจะจูบคนที่ตัวเธอชอบสมัยเรียน วินาทีนี้ทำให้คนที่อยู่ในสถานที่ถ่ายทำกลั้นหายใจ
และจางเฉิงที่เคยถ่ายทำโฆษณาด้านการค้านับไม่ถ้วนก็ยังเอ๋อไปเลย
เขากลับลืมตะโกน: “คัท”
ผ่านไปไม่นาน จางเฉิงถึงได้สติกลับมาและตะโกนออกมา: “คัท!”
เขาถึงกระโดดขึ้นมาจากเก้าอี้: “ประสบความสำเร็จมาก แอนนา ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมีพรสวรรค์ขนาดนี้! พูดจริงๆนะ ฉันคิดว่าคุณน่าจะพิจารณาเข้าวงการบันเทิงนะ!”
สวี่รั่วฉิงปล่อยมือที่จับเสื้อนอกของนายแบบ และใช้สายตาที่เย็นชามองไปที่จางเฉิง: “ผู้กำกับจาง ฉันเคยบอกแล้วว่าฉันไม่สนใจที่จะเข้าวงการบันเทิง ที่ฉันมาถ่ายโฆษณาเพราะอะไร คุณรู้ดีกว่าฉัน ไม่ใช่หรือ?”
ผู้กำกับจางยิ้มกริ่ม: “ถ้าต่อไปมีโอกาส ฉันยังหวังว่าจะได้ร่วมงานกับคุณนะ พักก่อนนะ อีกสักพักถ่ายฉากต่อไป”
ระหว่างที่หลี่อานออกจากสถานที่ถ่ายทำและคิดในใจ ดีที่ลี่ถิงเซิ่งไม่อยู่ตอนเขาถ่ายทำกัน ฉากจูบของแอนนาและนายแบบเมื่อกี้ดูสมจริงมาก เขายังเขินและใจเต้นแรงเลย
ถ้าลี่ถิงเซิ่งเห็นละก็ นายแบบคนนี้อาจจะถูกขึ้นบัญชีดำ และผู้กำกับจางก็อาจจะไม่รอดด้วย…..
“ประธานลี่ ตอนนี้เขากำลังพักกันอยู่ อีกสักพักจะถ่ายทำฉากต่อไป”
ลี่ถิงเซิ่งพยักหน้าตอบคำว่าอืม: “ฉันรู้แล้ว”
หลี่อานฟังจากคำพูดของเขายังเดาอารมณ์ของเขาไม่ออกเลย เลยไม่กล้าเล่าบรรยากาศการถ่ายทำเมื่อกี้ให้เขาฟัง
การถ่ายทำหลังจากนี้ ประสบความสำเร็จมาก ตอนที่ถ่ายทำเสร็จ นายแบบได้เดินตรงหน้ามาคุยด้วย
“คุณแอน ครั้งนี้ได้ร่วมงานกับคุณรู้สึกดีใจมาก หวังว่าจะได้ร่วมงานกันอีกนะครับ”
นายแบบมีหน้ามีตาที่สดใส ตอนที่เขายิ้มทำให้คนรู้สึกร่าเริง
เผชิญหน้ากับคนแบบนี้ สวี่รั่วฉิงจะทำสีหน้าที่เย็นชาก็ไม่ได้
เธอพยักหน้าและเก็บของตัวเองยิ้มอ่อนๆ: “ขอบคุณนะ แต่ฉันไม่ใช่นักแสดง ต่อไปเราคงไม่ได้ร่วมงานกันอีกแล้ว”
ริมฝีปากจองนายแบบเงยขึ้นมา: “อาจจะได้ร่วมงานกันอีกก็ได้นะ”
สวี่รั่วฉิงมองไปที่หนึ่งเขา: “ถ้าเราได้ร่วมงานกันอีก ฉันเลี้ยงข้าวนายได้นะ ก็ถือว่าฉันแพ้การพนันก็แล้วกัน”
พูดจบ สวี่รั่วฉิงโบกมือให้เขาเตรียมตัวจะกลับไป
ลี่ถิงเซิ่งยื่นอยู่ไม่ไกลจากเธอ กำลังถือโทรศัพท์อยู่ ไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไร
ผ่านไปหลายวินาที โทรศัพท์ของสวี่รั่วฉิงที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อคลุมสั่น
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาดู เป็นข้อความวีแชทที่ส่งมาจากผู้ชาย
“ไปแล้ว”
สวี่รั่วฉิงอมยิ้ม เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า
เธอเดินไปหาลี่ถิงเซิ่ง: “หลี่อานคงไม่ถูกคุณไล่กลับไปอีกแล้วนะ?”
ลี่ถิงเซิ่งเหลือบตาไปมองสวี่รั่วฉิงอย่างเฉยเมย : “ขับรถมามั้ย? ”
สวี่รั่วฉิงส่ายหัว: “ไม่ได้ขับรถมา ถ้าขับรถแบบนั้นมากองถ่ายจะดูเด่นเกินไป ฉันนั่งแท็กซี่มา”
ลี่ถิงเซิ่ง: “…….”
เธอขับรถซูเปอร์คาร์สีแดงมาทำงานที่บริษัททุกวัน ทำไมถึงไม่รู้สึกโดดเด่น
รถที่ลี่ถิงเซิ่งขับมาวันนี้ธรรมดามาก ถ้าไม่ใช่แฟนคลับรถยี่ห้อนี้ อาจจะดูไม่ออก
สวี่รั่วฉิงกะพริบตา: “ปอร์เช่918?”
ลี่ถิงเซิ่งยักคิ้วและพยักหน้า
ดวงตาของสวี่รั่วฉิงส่องประกาย
ความชอบของเธอมีไม่เยอะ หนึ่งคือน้ำหอม สองคือรถซูเปอร์คาร์
เธอเคยเห็นปอร์เช่918ที่งานมอเตอร์โชว์ แต่คนที่ต่อแถวลองขับเยอะมาก เธอเลยขี้เกียจต่อแถว
ตอนนี้รถคันนี้อยู่ตรงหน้า……
ลี่ถิงเซิ่งมองปราดไปที่สวี่รั่วฉิง แววตาของผู้หญิงที่มองซูเปอร์คาร์อย่างเร่าร้อน ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเขาเองยังเทียบไม่ได้กับซูเปอร์คาร์นี้เลย
“อยากลองขับหรือ?” ลี่ถิงเซิ่งถามอย่างเฉยชา
สวี่รั่วฉิงพยักหน้าไม่หยุด เธอหันหน้าเอียงข้างและเงยหัวขึ้นมา ทำเหมือนกระต่ายตัวหนึ่ง: “ได้หรือ?”
ลี่ถิงเซิ่งมีแววตาที่แฝงไปด้วยรอยยิ้ม
“ได้สิ” เขาส่งกุญแจที่อยู่ในมือให้สวี่รั่วฉิง
สวี่รั่วฉิงรับไว้ และรีบขึ้นรถไป และไปนั่งที่เบาะข้างคนขับ
การตกแต่งภายในไม่ต้องพูดถึง เป็นการตกแต่งที่หรูที่สุด
สายตาของสวี่รั่วฉิงไปสังเกตการตกแต่งในรถ ตอนที่ลี่ถิงเซิ่งรัดเข็มขัดเสร็จก็ได้เหยียบคันเร่งพุ่งออกไป
สายลมยามค่ำคืนพัดไปที่ใบหน้าของสวี่รั่วฉิง เศษผมพัดไปตามลมอยู่ข้างๆหู
ดวงตาที่สดใสกำลังมองไปทางข้างหน้า ตอนที่แซงหน้ารถคันข้างหน้า ผู้หญิงคนนี้เป็นเหมือนดั่งเสียงกระดิ่งไพเราะและควบคุมไม่ได้ทะลวงเข้าไปในหูของลี่ถิงเซิ่ง
“ดีใจมั้ย?” ลี่ถิงเซิ่งถามด้วยเสียงที่เฉยชา
สวี่รั่วฉิงยิ้มและพูดว่า: “ประธานลี่ ฉันไม่ได้มีความสุขแบบนี้มานานแล้วนะ”
มีเพีนงตอนที่ซิ่งรถ ถึงจะลืมฝันร้ายเมื่อหกปีก่อนได้
ลี่ถิงเซิ่งยิ้ม: “เธอมีความสุขด้วยเรื่องง่ายๆแบบนี้หรือ? เธอมีความสุขง่ายเกินไปมั้ย?”
สวี่รั่วฉิงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย: “อารมณ์ดีเป็นเรื่องที่ง่ายอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?”
ลี่ถิงเซิ่งไม่ได้ตอบ
เมื่อได้เข้าดูแลลี่ซื่อกรุ๊ปเขาไม่ค่อยได้ไปคิดว่าอะไรคือความสุข
สวี่รั่วฉิงมองปราดไปที่ลี่ถิงเซิ่ง หัวเราะและพูดว่า: “ก็จริงนะ ก็ประธานลี่ใช่เวลาอยู่กับงานตลอด ไม่เหมือนผู้ชายตระกูลคนรวยทั่วไปเลย”
ลี่ถิงเซิ่งเงยหน้า: “ตามน้ำเสียงของเธอ เธอสนิทสนมกับคุณชายตระกูลคนรวยเป็นประจำสินะ?”
ภายใต้แสงจันทร์ แววตาที่ดำมืดของเขามองไปที่สวี่รั่วฉิง เหมือนอยากรู้ความลับในปากของเธอ
สวี่รั่วฉิงเบี่ยงเบนประเด็นอย่างไม่รีบไม่ร้อน: “ประธานลี่ คุณลืมอาชีพของฉันแล้วหรือ? เป็นนักปรุงน้ำหอม ลูกค้าที่ต้องพบปะมีฐานะที่ร่ำรวยทั้งหมดเมื่อสัมผัสนานไป ก็รู้ว่าวงการคนรวยเป็นแบบไหนแล้วไม่ใช่หรือ?”
ลี่ถิงฉิงยิ้มอ่อนๆไม่ได้พูดอะไรต่อ
เมื่อถึงใต้คอนโด สวี่รั่วฉิงคืนกุญแจให้ลี่ถิงเซิ่ง
เธอเอาแขนไขว้หลังและโน้มตัวไปข้างหน้า และมองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าอย่างจริงจัง เธอปรากฏรอยยิ้มที่หวานออกมา
“ประธานลี่ คืนนี้ขอบคุณมากนะ ฉันไม่ได้ซิ่งรถรับลมแบบนี้มานานแล้ว”
ลี่ถิงเซิ่งจ้องมองสวี่รั่วฉิงที่มีสีหน้ายิ้มแย้ม ผ่านไปสักพักเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น
“ถ้าเธออยากต่อไปมาขับรถคันนี้ได้ตลอดเวลา”