แฝดชายหญิง:แด๊ดดี้ต้องชนะใจหม่ามี๊นะ - ตอนที่ 142
สวี่อี้หานเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นว่าสวี่รั่วฉิงมีท่าทางแปลกไป
สาวน้อยจึงวางเกมที่กำลังเล่นอยู่ในมือลง ดวงตากลมโตดำขลับจ้องมองหญิงสาวแน่นิ่ง “คุณแม่ เป็นอะไรไปคะ?”
สวี่อี้หานพูดจบ สวี่อี้ฝานถึงได้วางของในมือลง ทั้งสองมองมาที่คนเป็นแม่อย่างพร้อมเพรียง
“เกิดอะไรขึ้นครับ?” เด็กชายผู้เย็นชาเอ่ยถาม
สีหน้าของสวี่รั่วฉิงยังคงไม่เปลี่ยน เธอสวมใส่แว่นกันแดดสีดำอีกครั้ง แล้ววางโทรศัพท์ลงในกระเป๋า จากนั้นก็ก้มหน้ามองเวลา “คงต้องรบกวนคุณมี๊ของพวกหนูอีกแล้วล่ะ”
ไม่รู้ว่าหลังจากได้รู้ความจริง ซูจิ่วเอ๋อร์จะยัดเธอลงกระสอบไปขายหรือเปล่า
เมื่อขึ้นเครื่อง สวี่รั่วฉิงก็ล้างเครื่องสำอาง พร้อมทั้งเปลี่ยนใส่ชุดนอน หลังจากช่วยเด็กน้อยทั้งสองคนเปลี่ยนชุดนอนเสร็จ เธอถึงได้ใส่ผ้าปิดตา เตรียมพร้อมเดินทางไกล
หวังก็แต่ว่าการเดินทางไปฝรั่งเศสในครั้งนี้จะราบรื่น
สิบเอ็ดชั่วโมงต่อมา เครื่องบินก็ลงจอดที่สนามบิน
สวี่รั่วฉิงเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างไม่รีบร้อน พร้อมทั้งแต่งหน้ากับใส่แว่นกันแดด จากนั้นก็ปลุกเด็กทั้งสองคนที่กำลังพากันหลับอุตุ
“อี้หาน อี้ฝาน ถึงปารีสแล้วลูก ตื่นได้แล้ว”
เด็กทั้งสองตื่นขึ้นมาจากฝันแสนหวาน ขยี้ตาอย่างงัวเงีย กะพริบดวงตาฉ่ำน้ำพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย จากนั้นก็พากันเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างเป็นเด็กดี พร้อมทั้งสะพายกระเป๋าของใครของมัน แล้วลงจากเครื่องไปพร้อมกับสวี่รั่วฉิง
“คุณมี๊มารอพวกเราที่่ข้างนอกแล้วใช่ไหมคะ?” สวี่อี้หานจับมือสวี่รั่วฉิงเอาไว้ พร้อมทั้งแกว่งเบาๆ
สวี่รั่วฉิงพยักหน้า พร้อมทั้งขนกระเป๋าเดินทางขึ้นรถเข็น แล้วเข็นกระเป๋าเดินทางที่หนักอย่างกับภูเขาเดินออกไปข้างนอกพร้อมกับเจ้าก้อนถั่วทั้งสอง
ทางด้านซูจิ่วเอ๋อร์ก็มารอสวี่รั่วฉิงที่จุดรับผู้โดยสารอยู่ก่อนแล้ว
เธอกลัวว่าสวี่รั่วฉิงจะมองไม่เห็น เลยตั้งใจทำป้ายมาถือเอาไว้ในมือ
ซูจิ่วเอ๋อร์เป็นคนตัวสูง จึงค่อนข้างโดดเด่น ไม่นานสวี่รั่วฉิงก็เห็นซูจิ่วเอ๋อร์ท่ามกลางฝูงคนได้อย่างรวดเร็ว
เธอโบกมือให้ซูจิ่วเอ๋อร์ จากนัั้นก็พาสวี่อี้ฝานกับสวี่อี้ฝานเข้าไปหาอีกฝ่าย
สวี่อี้หานวิ่งเข้าไปกอดซูจิ่วเอ๋อร์เต็มอก “คุณมี๊!หนูคิดถึงคุณมี๊มากๆเลยค่ะ!”
ซูจิ่วเอ๋อร์จุ๊บหน้าผากใสๆของสวี่อี้หานจนเป็นรอยลิปสติกสีแดง “คุณมี๊ก็คิดถึงหนูค่ะ!”
จากนั้น มือปีศาจของซูจิ่วเอ๋อร์ก็เริ่มบู้บี้แก้มนุ่มนิ่มทั้งสองข้างของสวี่อี้หานอย่างมันเขี้ยว
เมื่อเธอเห็นสวี่อี้ฝานที่ก้าวถอยหลังเงียบๆพร้อมทั้งมองมาที่เธออย่างเย็นชา มุมปากก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย “อี้ฝาน ไม่มากอดคุณมี๊หน่อยเหรอ?”
เด็กชายหน้าตาหล่อเหลา เม้มปากแน่น จากนั้นส่ายหัวเบาๆ
สวี่รั่วฉิงหัวเราะจนน้ำตาแทบไหล “เอาล่ะ ถ้าแกยังทำแบบนี้ อี้ฝานคงกลัวแน่ๆ ถ้าในอนาคตเขาไม่กล้ามีแฟนจะทำยังไง?”
ซูจิ่วเอ๋อร์ฮึดฮัด “อี้ฝานเปลี่ยนไป เมื่อก่อนยังให้หอมอยู่เลย!”
“ก็แกเอาแต่ทาปากแดงจะไปจุ๊บเขานี่นา” สวี่รั่วฉิงกอดเพื่อนรักเบาๆ “รบกวนแกมารับตลอดเลย คราวนี้รบกวนคุณอากับคุณน้าด้วยนะ”
ซูจิ่วเอ๋อร์มองบนใส่สวี่รั่วฉิง จากนั้นก็ชกหมัดเข้าที่ไหล่ของเพื่อนสาว “แกกำลังเพ้อเจ้ออะไร? พ่อแม่ฉันแทบจะเห็นแกเป็นลูกคนหนึ่งด้วยซ้ำ กะอิแค่วัตถุดิบเครื่องหอมเองไม่ใช่เหรอ? เอาเป็นว่าวันนี้พักผ่อนก่อน พรุ่งนี้เราไปคัดสรรที่สวนกัน!” พูดจบ ซูจิ่วเอ๋อร์ก็ดีดนิ้ว ออกคำสั่งให้บอดี้การ์ดมาเอากระเป๋าของสวี่รั่วฉิงไปเก็บที่รถ จากนั้นก็เดินไปคล้องแขนสวี่รั่วฉิงอย่างสนิทสนม ทั้งสองคนเดินจูงมือเด็กน้อยทั้งสองไปด้วยกัน
“พอพ่อแม่ฉันได้ยินว่าแกจะมา ก็รีบให้คนไปทำความสะอาดห้องที่แกกับอี้หานอี้ฝานเคยอยู่ทันทีเลยนะ!”
ขอบตาของสวี่รั่วฉิงแดงระเรื่อ เธอออกจากตระกูลซูเพื่อกลับไปที่เมืองหลินชวน ถึงแม้คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงซูจะไม่ค่อยอยากให้เธอไปเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้คัดค้านอะไร
พวกเขาสนับสนุนทุกการกระทำของเธอ
บ้านของตระกูลซูตั้งอยู่ในเขตคนมีตังค์ในปารีส
รถยนต์คันหรูขับมาจอดบริเวณหน้าประตูของตระกูลซู ประตูเหล็กบานใหญ่ทั้งสองข้างค่อยๆเปิดออกช้าๆ
คนใช้ต่างมายืนต่อแถวรออย่างพร้อมเพรียงในชุดแต่งกายแบบเดียวกัน พร้อมทั้งโค้งคำนับให้คนในรถ
หลังจากนั้น พวกเขาก็หลีกทางให้รถหรูคันสีดำวิ่งผ่านไปข้างใน
ครึ่งชั่วโมงต่อมา สวี่รั่วฉิงกับซูจิ่วเอ๋อร์ก็พาสวี่อี้หานกับสวี่อี้ฝานมาปรากฏตัวที่ห้องรับแขกที่ตกแต่งสไตล์ยุโรปดั้งเดิม
คุณผู้ชายและคุณผู้หญิงซูมารออยู่นานแล้ว โดยเฉพาะคุณผู้หญิงซู ทันทีที่เห็นเด็กน้อยทั้งสองคน ก็แย้มรอยยิ้มออกมาทันที รีบสั่งคนใช้ไปเตรียมของเล่นกับของขวัญออกมา
“คิดถึงคุณยายไหม?” คุณผู้หญิงซูอุ้มสวี่อี้หานขึ้นมาหอมแก้มไปฟอดหนึ่ง
สวี่อี้หานเอ่ยพูดอย่างปากหวานว่า “คิดถึงค่ะ!”
รอยยิ้มบนใบหน้าของคุณผู้หญิงซูขยายกว้างมากกว่าเดิม ดวงตาก็หยีลงจนกลายเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว
อีกด้านหนึ่ง คุณผู้ชายซูก็จูงมือสวี่อี้ฝาน ถามเกี่ยวกับเรื่องการเรียนที่เมืองหลินชวน
สวี่รั่วฉิงกับซูจิ่วเอ๋อร์สบตากัน แล้วถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ
ทำไมรู้สึกเหมือนพวกเธอเป็นส่วนเกินเลยล่ะ?
ผ่านไปสักพัก คุณผู้หญิงซูก็เงยหน้าขึ้นมา พร้อมกับตบหลังเด็กน้อยในอ้อมกอดเบาๆ แล้วเอ่ยถามสวี่รั่วฉิงว่า “รั่วฉิง ที่เมืองหลินชวนเป็นยังไงบ้าง? เงินพอใช้ไหม? ถ้าไม่พอ ต้องบอกน้านะ บัตรที่ให้จิ่วเอ๋อร์เอาไปให้คราวก่อน ยัยนี้ก็เอากลับมาด้วย บอกว่าแกไม่ต้องการ น้าว่าแกรับไว้เถอะ!เงินที่แกหามาคือเงินของแก แต่เงินที่พวกน้าเอาให้ แกก็ควรรับเอาไว้นะ!”
สวี่รั่วฉิงยิ้มออกมาเล็กน้อย พูดเสียงอ่อนว่า “คุณน้า ฉันรู้ว่าพวกคุณน้าหวังดีกับฉัน ฉันอยู่ที่เมืองหลินชวน เรื่องงานไม่ได้มีปัญหาอะไร รายได้เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายของฉันทั้งสามคน ถ้ามีเงินสดอยู่ในมือ ฉันก็ใช้หมดจนเป็นนิสัย หรือไม่ก็ฝากไว้กับจิ่วเอ๋อร์จะได้เซฟๆ”
คุณผู้หญิงซูมองบนเล็กน้อย แล้วเอ่ยพูดอย่างไม่ถนอมน้ำใจว่า “คิดว่าฉันไม่รู้จักนิสัยลูกสาวของฉันดีเหรอ? อย่างยัยนี้มีเงินสดอยู่ในมือ วันเดียวก็ใช้หมดแล้ว!”
ซูจิ่วเอ๋อร์ตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้ “แม่คะ! นั่นมันเรื่องตั้งนานมาแล้ว ยังจะเอามาพูดอีกเหรอ!บัตรที่รั่วฉิงให้ฉันมา ฉันก็คืนแม่หมดแล้วไม่ใช่หรือไง!”
เมื่อคุณผู้หญิงซูเห็นว่าลูกสาวเริ่มฉุนเฉียว จึงไม่ได้แหย่อะไรเธออีก วกกลับมาถามเรื่องของสวี่รั่วฉิง
“ฉันได้ยินจิ่วเอ๋อร์บอกมาว่า แกกลับมาคราวนี้ เพราะเรื่องวัตถุดิบเครื่องหอมใช่ไหม? เดี๋ยวพรุ่งนี้ให้เหล่าหลี่ พาพวกแกไปเลือกที่สวนแล้วกัน ถ้าเป็นดอกไลแล็ค ก็ต้องลองเจรจากับซัพพลายเออร์คนอื่นๆดู”
สวี่รั่วฉิงพยักหน้า บ่งบอกว่าเข้าใจ
ซัพพลายเออร์วัตถุดิบเครื่องหอมของประเทศฝรั่งเศส นอกจากตระกูลซูแล้ว ยังมีที่อื่นที่โด่งดังอีกหลายที่
“ฉันจำได้ว่าตระกูลของโทมัสปลูกดอกไลแล็ค ตอนนี้คุณยังติดต่อกันอยู่หรือเปล่า?” คุณผู้หญิงซูใส่ใจเรื่องการทำงานของสวี่รั่วฉิงมากๆ
ตระกูลของโทมัสมีประวัติมายาวนาน ทั้งยังมีสวนดอกไลแล็คแปลงใหญ่ ทุกช่อล้วนแล้วแต่เป็นของชั้นดี
คุณผู้ชายซูถอดแว่นตาออก แล้วมองมาที่สวี่รั่วฉิง “ผมติดต่อได้ก็จริง เกรงก็แต่ว่ารั่วฉิงจะเคยติดต่อกับคนในตระกูลโทมัสมาก่อนแล้วน่ะสิ?”