แฝดชายหญิง:แด๊ดดี้ต้องชนะใจหม่ามี๊นะ - ตอนที่ 144
สวี่รั่วฉิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วขยับพิงหัวเตียง
ขาเรียวยาวขาวใสไขว้กันเอาไว้อย่างสบายๆ
นิ้วมือเรียวกดปลดล็อกหน้าจอ เพื่อที่จะติดตามข่าวสาร แต่กลับเห็นแจ้งเตือนสายที่ไม่ได้รับ
ปรากฏเป็นเบอร์ของลี่ถิงเซิ่ง
ดวงตาดำขลับของสวี่รั่วฉิงหดเล็กลงเล็กน้อย เธอเหลือบมองเวลาปารีสในตอนนี้ ก็พบว่าสี่โมงเย็นแล้ว
เมื่อลองคำนวณดู ก็พบว่าเวลาที่เมืองหลินชวนในตอนนี้ประมาณสี่ทุ่ม
ลี่ถิงเซิ่งโทรมาหาเธอเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว ตอนนี้คงพักผ่อนแล้วล่ะมั้ง?
แต่ว่าเจ้านายโทรมา เธอไม่โทรกลับก็คงไม่ดีเท่าไหร่
แต่ถ้าหากลี่ถิงเซิ่งกำลังพักผ่อน แล้วเธอโทรไปจนเขาตื่นก็คงไม่ดีเหมือนกัน เพราะถึงยังไงลี่ถิงเซิ่งก็มีปัญหาเรื่องการนอนหลับ แม้จะใช้น้ำหอมที่เธอปรุงให้รักษาอาการ แต่ก็ยังไม่ได้ผลขนาดนั้น
สวี่รั่วฉิงคิดอยู่สักพัก สุดท้ายก็กดเข้าวีแชท แล้วเลื่อนหาวีแชทของลี่ถิงเซิ่ง
เมื่อเธอจ้องภาพโปรไฟล์ของลี่ถิงเซิ่ง มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อย
ใครจะไปคิดว่าผู้ชายบ้างานอย่างเขา จะตั้งรูปโปรไฟล์เป็นดอกกุหลาบหิน
ดูน่ารักแบบไม่ตรงปกยังไงไม่รู้
ต้นไม้ในห้องทำงานส่วนใหญ่แล้วเธอกับหลี่อานจะเป็นคนรดน้ำ ส่วนลี่ถิงเซิ่งมีแค่หน้าที่ชี้นิ้วสั่งเท่านั้น
สวี่รั่วฉิงกดเข้าไปในแชทของลี่ถิงเซิ่ง แล้วกดส่งเสียงไปว่า
“ประธานหลี่ นอนหรือยัง?”
หลังจากกดส่ง สวี่รัวฉิงก็เปลี่ยนไปเข้าแอพอื่น เพื่อดูข่าวสาร
แต่ใครจะไปคาดคิดว่าเธอกดส่งออกไปยังไม่ถึงนาที แจ้งเตือนวีแชทก็เด้งกลับมา
ลี่ถิงเซิ่งตอบกลับมาว่า “ไม่รับโทรศัพท์ผม?”
สวี่รั่วฉิง “……….” เขายังไม่นอนจริงๆด้วย!
“ประธานลี่คุณพูดอะไร!ใครจะไปกล้า!ถึงปารีสปุ๊บ ฉันก็อาบน้ำปั๊บ!”นิ้วมือของสวี่รั่วฉิงพิมพ์คำอธิบายของตัวเองรัวๆ
ภายในห้องทำงาน แสงไฟสีนวลสาดส่องเพื่อเพิ่มความอบอุ่น ลงบนใบหน้าเย็นชาสมบูรณ์แบบของเขา
เมื่อเห็นสวี่รั่วฉิงตอบกลับมา มุมปากของชายหนุ่มก็ยกโค้งขึ้นเล็กน้อย
เขาเอนพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายๆ ขายาวๆทั้งสองข้างไขว้กันเอาไว้
จู่ๆเขาก็รู้สกสนุก นึกอยากจะแกล้งผู้หญิงในโทรศัพท์เล่น
“อาบน้ำตั้งสองชั่วโมงเลยเหรอ?” ลี่ถิงเซิ่งเอ่ยถาม
สวี่รั่วฉิงจึงตอบกลับว่า “ประธานลี่ คุณนี่มันไม่เข้าใจผู้หญิงเลย…..บางเรื่องพวกผู้หญิงต้องทำกันช้าๆ ไม่ใช่แค่แช่น้ำอย่างเดียวนะไหนจะแต่งหน้าอีก ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็ไม่เสร็จหรอก
คงไม่ใช่ว่าลี่ถิงเซิ่งไม่เคยรอผู้หญิงอาบน้ำมาก่อนนะ? สวี่รั่วฉิงไม่อยากจะเชื่อความคิดของตัวเอง
ดวงตาลึกล้ำของลี่ถิงเซิ่งหรี่ลงเล็กน้อย รอยยิ้มเปลี่ยนจากอบอุ่นเป็นอ่านยาก
“ผมไม่เข้าใจผู้หญิงงั้นเหรอ?” ลี่ถิงเซิ่งรัวนิ้วมือเรียวลงบนหน้าจอโทรศัพท์ “งั้นคุณอยากลองอีกครั้งไหมล่ะ?”
“ลองอะไร?”
สวี่รั่วฉิงกดส่งออกไปได้ไม่ทันไร ก็เข้าใจนัยแฝงในคำพูดของลี่ถิงเซิ่งทันที
ใบหน้าที่แช่น้ำมาจนแดงระเรื่อ บัดนี้เปลี่ยนเป็นแดงก่ำเพราะคำพูดของชายหนุ่ม
สวี่รั่วฉิงกัดปากอย่างฟึดฟัด อยากจะถอนคำพูดเมื่อกี้เหลือเกิน
แต่มันก็สายไปแล้ว
สวี่รั่วฉิงเริ่มอยู่ไม่สุข
โอ๊ยๆๆ เธอพอจะจินตนาการออกแล้วว่าอีกสักพักลี่ถิงเซิ่งจะตอบอะไรกลับมา
เธอถึงกับนึกภาพออกว่าใบหน้าหล่อเหลาปานรูปปั้นของเขากำลังทำสีหน้ายังไงอยู่
มุมปากของเขาต้องกำลังยกยิ้มร้ายๆ รู้สึกสนุกกับการแกล้งเธออยู่แน่ๆ
สวี่รั่วฉิงกอดหมอน พร้อมกับฝังหน้าลงไป
เธอไม่ชอบความรู้สึกที่เหมือนถูกใครสักคนกำลังชักจูงแบบนี้เลย
โดยเฉพาะลี่ถิงเซิ่ง
เมื่อลี่ถิงเซิ่งเห็นข้อความตอบกลับจากหญิงสาว ก็ยกยิ้มเงียบๆ
ผู้หญิงคนนี้เกินเยียวยาจริงๆ
แค่คำพูดไม่กี่คำก็หลงกลซะแล้ว
เมื่อก่อนเขาคิดไปได้ยังไงว่าเธอฉลาด?
ในตอนที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง สวี่รั่วฉิงก็ส่งข้อความตอบกลับมาอย่างจำยอมว่า
“ประธานลี่ ถือซะว่าคุณไม่เห็นข้อความของฉันเมื่อกี้แล้วกันนะ…….”
สวี่รั่วฉิงกดส่งสติกเตอร์ยกธงขาวกลับมา
ใบหน้าเย็นชาเหมือนภูเขาน้ำแข็งของลี่ถิงเซิ่ง พลันแย้มรอยยิ้มกว้างออกมาอย่างอดกลั้นไม่ได้
เขาส่ายหน้าอย่างยอมใจ
ถ้าขืนยังแกล้งเธอต่อไป จากนิสัยของสวี่รั่วฉิงแล้ว คาดว่าคงอายจนโกรธไม่ยอมสนใจเขาไปหลายวันแน่
แบบนั้นเขาก็แย่น่ะสิ
“อืม ผมไม่เห็นก็ได้” ลี่ถิงเซิ่งส่งข้อความเสียงกลับไป จากนั้นก็พูดว่า “ผมยังมีงานต้องทำ รอให้ทางนั้นค่ำก่อนแล้วค่อยคุยกันอีกทีนะ”
ในน้ำเสียงของลี่ถิงเซิ่งเจือปนไปด้วยความอบอุ่นที่แม้แต่ตัวเขาก็ไม่รู้ตัว
พูดจบ เขาก็วางโทรศัพท์ไว้ข้างๆ สายตาวกกลับมาที่เอกสารบนหน้าจอคอมอีกครั้ง
หลังจากที่สวี่รั่วฉิงได้ฟังข้อความเสียงของลี่ถิงเซิ่ง เธอก็กดหน้าอกตัวเองเบาๆ
หัวใจของเธอเต้นแรงมาก
เต้นจนดังตึกตักๆๆๆ——
ลี่ถิงเซิ่งอบอุ่นได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ?
สวี่รั่วฉิงนั่งนิ่งอยู่สักพัก แก้มแดงจนแทบระเบิด
จนกระทั่งถึงตอนทานข้าวเย็น ท่าทางของสวี่รั่วฉิงก็ยังคงเหม่อลอย
เธอเอาแต่คิดว่า ลี่ถิงเซิ่งคิดยังไงกับเธอกันแน่
เห็นเธอเป็นลูกน้องที่มีความสามารถ?
หรือว่าเห็นว่าเธอสวยเฉยๆ เลยหยอกเล่นอะไรแบบนั้น?
สวี่รั่วฉิงตบหน้าตัวเองอย่างอึดอัด ซูจิ่วเอ๋อร์ที่นั่งอยู่ข้างๆมองมาที่เธออย่างแปลกใจ “รั่วฉิง แกไม่สบายหรือว่าอะไร? ทำไมตบหน้าตัวเองอย่างนั้น?”
สวี่รั่วฉิงส่ายหน้ารัวๆ เพื่อที่จะบอกว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไร
ซูจิ่วเอ๋อร์มองสวี่รั่วฉิงอย่างจับผิด “จริงเหรอ……”
จานที่วางอยู่ตรงหน้าสวี่รั่วฉิง เต็มไปด้วยอาหารที่คุณผู้หญิงซูและซูจิ่วเอ๋อร์ตักให้จนเต็มจาน
พวกเขากลัวว่าสวี่รั่วฉิงจะไม่ถูกปากอาหารที่เมืองหลินชวน
มาอยู่ที่ตระกูลซูยังไงเธอก็ได้กินอาหารฝีมือเชฟระดับโลกเชียวนะ!เชฟที่เมืองหลินชวนสามารถทำให้เธอพึงพอใจในรสชาติอาหารได้หรือเปล่า!
สวี่อี้หานกับสวี่อี้ฝานเองก็ถูกขุนพอๆกับคนเป็นแม่
สวี่อี้หานลูบพุงกลมๆของตัวเอง “อี้หานอิ่มแล้ว….ไม่อยากกินข้าวแล้ว!”
ซูจิ่วเอ๋อร์หัวเราะฮิๆออกมา “ยังเหลือพาเฟต์อีกนะ!”
ดวงตาของสวี่อี้หานเป็นประกายขึ้นมาทันที “งั้นหนูยังไม่อิ่มก็ได้!”
คุณผู้ชายซูที่ปกติมักจะเคร่งขรึมก็ยังหลุดยิ้มออกมาอย่างกลั้นไม่ได้
สวี่รั่วฉิงไม่รู้จะพูดอะไร “โลภมากขนาดนี้ ไม่รู้ว่าได้ใครมา”
ซูจิ่วเอ๋อร์ส่งพาเฟต์ไปให้สวี่รั่วฉิง “ได้ใครงั้นเหรอ? ก็ได้แกมาไง!กินอิ่มแล้วแท้ๆ แต่พอได้ยินว่ามีของหวาน ก็จะกินให้ได้ทันที!”
“ซูจิ่วเอ๋อร์แกนี่รู้ใจฉันจริงๆ” สวี่รั่วฉิงไม่อาจปกปิดความรักที่มีต่อพาเฟต์ได้
“เอาล่ะ พวกแกสองคนนี่นะ พากันเห็นแก่กินจริงๆ!” คุณผู้หญิงซูมองหญิงสาวสองคนที่กำลังตักขนมเข้าปากอย่างหมดคำจะพูด
จากนั้นเธอก็เอ่ยพูดกับคนใช้ว่า “ไปเอาชาแดงมะนาวมาอีก อย่าลืมใส่น้ำแข็งมาด้วยล่ะ สองคนนี้ชอบกินชาแดงมะนาวหลังจากกินพาเฟต์เสร็จ”
“คุณน้านี่รู้ใจพวกฉันดีจริงๆ”
“คุณแม่นี่รู้ใจพวกฉันดีจริงๆ”
สวี่รั่วฉิงกับซูจิ่วเอ๋อร์เอ่ยพูดพร้อมกัน จากนั้นก็หันมาสบตากันยิ้มๆ
หลังทานข้าวอิ่ม สวี่รั่วฉิง สวี่อี้ฝานและสวี่อี้หานนอนพักผ่อนเสร็จ ก็รีบเก็บกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวไปที่วิลล่าตระกูลซูพรุ่งนี้
ซูจิ่วเอ๋อร์เคาะประตูห้องเบาๆ “รั่วฉิง ฉันเข้าไปได้ไหม?”