แฝดชายหญิง:แด๊ดดี้ต้องชนะใจหม่ามี๊นะ - ตอนที่ 174
คุณผู้ชายซูซึ่งเป็นคนที่เดินเข้ามาได้กลิ่นความอิจฉาบนตัวของลี่ถิงเซิ่งทันที
เฮ้ แน่นอนว่าเขายังอายุยังน้อย แต่คำพูดไม่กี่คำนี้ ทำให้ถูกปลุกเร้าขึ้นมาจริงๆ
แต่ว่านี่ก็แสดงให้เห็นอย่างได้ชัดว่าเขาห่วงใยสวี่รั่วฉิงจริงๆ
คุณผู้ชายซูยิ้มพร้อมกับมองไปที่ร่างกายที่สูงกว่าของลี่ถิงเซิ่ง รูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลา รัศมีที่แข็งแกร่งของเขา ดีพร้อมไปทุกอย่าง ยกเว้นถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงที่เขาชอบ เขาไม่สามารถเก็บกดอารมณ์ไว้ได้จริงๆ นอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีข้อบกพร่องใดๆ
คุณผู้ชายซูพูด “ประธานลี่ แน่นอนอยู่แล้วว่าผมรู้ว่าแอนนาเป็นผู้ช่วยของท่าน แต่ตอนนี้การประชุมจบลง เธอเองก็เลิกงานแล้ว เวลาที่เหลือก็คือเวลาส่วนตัวของเธอนี่นา”
คำพูดของเขา ทำให้สวี่รั่วฉิงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ลุงซูจะทำอะไรกันเนี่ย!
สวี่รั่วฉิงรีบไกล่เกลี่ยทันที ถ้าเธอไม่ไกล่เกลี่ยก็ไม่รู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น
“ประธานซูคะ ถึงแม้ว่าการประชุมจะจบลงแล้ว แต่ว่าฉันก็ยังจะต้องประธานลี่ค่ะ” ขณะที่สวี่รั่วฉิงพูด เธอก็หันไปขยิบตาให้กับคุณผู้ชายซู หวังว่าเขาจะเข้าใจคำใบ้ของเธอและหยุดทำให้เจ้านายของเธอโกรธเคืองเสียที
ดูเหมือนว่าคุณผู้ชายซูจะไม่เห็นคำใบ้ที่สวี่รั่วฉิงนั้นส่งมาให้ มีเพีงแค่คำว่า‘อือ’ออกมา
“แบบนั้น ถ้าต้องการคนขับรถล่ะก็ ยืมของผมไปก่อนก็ได้นะครับ”
สวี่รั่วฉิงนั้นเกือบจะกัดลิ้นของเธอเข้าให้
นี่มันอะไรกันเนี่ย ลุงซูเข้ากับลี่ถิงเซิ่งไม่ได้งั้นเหรอ?เท่าที่จำได้สองคนนี้ไม่เคยขัดแย้งกันสักหน่อย
ขณะที่สวี่รั่วฉิงกำลังจะเปิดปากพูด ก็ได้ยินเสียงที่เย็นยะเยือกของลี่ถิงเซิ่ง
“ขอบคุณท่านประธานซู สำหรับความเมตตาของท่าน แต่ไม่จำเป็น”
ดวงตาสีเข้มของลี่ถิงเซิ่งกวาดไปที่ใบหน้าประหม่าของสวี่รั่วฉิง เขาไม่ได้ทิ้งคำพูดใดๆไว้ แล้วเดินจากไป
สวี่รั่วฉิงหยิบเอกสารของขึ้นมาและกำลังจะออกไป แต่เมื่อนึกถึงผู้อาวุโสที่อยู่นั้น เท้าของเธอที่กำลังเดินก็เหมือนกับติดอยู่ที่พื้นอีกครั้ง
คุณผู้ชายซู “รู้สึกว่าจะทำเกินไปหน่อย?”
สวี่รั่วฉิงแทบจะตะลึงไปแล้ว “ทำอะไรเกินไปเหรอคะ?”
คุณผู้ชายซูมองไปที่สวี่รั่วฉิงที่ดูยังไม่เข้าใจอะไร ใบหน้าแสดงออกถึงการขอโทษ “อยากช่วยเธอทดสอบดูน่ะ ไม่คิดว่าจะเป็นบุคลิกที่ดื้อรั้นได้ซะนี่”
สวี่รั่วฉิงไม่มีอารมณ์มาคิดถึงความหมายของสิ่งที่คุณผู้ชายซูพูด เรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการไล่ตามเจ้านายของเธอให้ทัน
เธอมองไปที่คุณผู้ชายซู น้ำเสียงดูคับแคบเล็กน้อย “ลุงซูคะ รอฉันมีเวลาว่างแล้วฉันจะติดต่อไปนะคะ”
หลังจากพูดจบ สวี่รั่วฉิงก็รีบคว้ากระเป๋าของเธอ เหยียบส้นสูงแล้วเดินไปที่ลิฟต์อย่างรวดเร็ว
คุณผู้ชายซูไม่ได้สนใจในท่าทางที่เสียมารยาทของสวี่รั่วฉิง เขาโทรหาเลขาและสั่งยกเลิกคำสั่งร้านอาหารมิชลิน พร้อมกับกลับไปที่โรงแรมเพื่อทานอาหารเย็น
เลขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “คุณแอนไม่ได้จะไปทานข้าวกับท่านหรือคะ?”
คุณผู้ชายซูถอนหายใจออกมา ดูเหมือนว่าเด็กหญิงที่เลี้ยงมาหกปีกำลังจะถูกขโมยไปแล้ว
เขาเฝ้าดูสวี่รั่วฉิงหายเข้าไปในลิฟต์ และพูดช้าๆ ว่า “เธอไปไล่ตามผู้ชายน่ะ”
เลขา :???
หมายความว่ายังไงกัน ดูเหมือนว่าเขาจะฟังไม่เข้าใจนะ?
เมื่อลิฟต์ไปถึงชั้นหนึ่ง สวี่รั่วฉิงก็รีบออกจากห้องลิฟต์และวิ่งไปที่ลานจอดรถ
วันนี้เธอสวมกระโปรงชั้นเดียว วิ่งเร็วไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
โชคดีที่เมื่อเธอรีบไปที่โรงรถ ลี่ถิงเซิ่งเพิ่งคาดเข็มขัดนิรภัยและกำลังจะเหยียบคันเร่งออกไป
เมื่อเห็นสิ่งนี้ สวี่รั่วฉิงเหยียดแขนออกแล้วไปหยุดที่หน้ารถ “ประธานลี่ เดี๋ยวก่อนค่ะ!”
เธอลืมไปว่ากระจกของซูเปอร์คาร์สุดหรูนั้นมีฉนวนกันเสียงที่ดีเยี่ยม และชายในรถก็ไม่ได้ยินเสียงเธอเลย
ลี่ถิงเซิ่งปลดเข็มขัดและลงจากรถมาด้วยความหงุดหงิด
ขณะที่สวี่รั่วฉิงกำลังจะพูด ก็ได้ยินเสียงของลี่ถิงเซิ่งที่ดูเย็นชาและมีความโกรธเคือง
“เธออยากตายหรือไง?”
ลี่ถิงเซิ่งเกือบถูกบีบให้พูดประโยคหนึ่งออก
ตอนเขาอยู่ในรถ เขาเห็นเพียงแค่ริมฝีปากของสวี่รั่วฉิงเท่านั้น ซึ่งเขาไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดอะไร
ถ้าเขาเหยียบคันเร่งตอนนี้ เธอจะตายในทันที!
คนฉลาดขนาดนี้ ทำไมในเวลานี้กลับดูโง่เขลานัก!
ลี่ถิงเซิ่งที่อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้วก็อารมณ์เสียมากขึ้นไปอีก
เขายังคิดที่จะจับเสื้อของสวี่รั่วฉิงแล้วโยนเธอเข้าไปในรถ
บางทีสวี่รั่วฉิงอาจจะกังวลที่จะอธิบายสถานการณ์ให้เขาฟัง เธอจึงไม่ได้สังเกตว่าผู้ชายที่ทรงพลังนี้กำลังโกรธอยู่
“ฉันยังไม่ได้ตอบรับลุงซูเลย จะรีบร้อนอะไรกัน!”สวี่รั่วฉิงพูดออกมาโดยไม่ทันคิด
ลี่ถิงเซิ่งตกตะลึงไปชั่วครู่ “ลุงซู?”
เขาขมวดคิ้ว จ้องไปที่สวี่รั่วฉิงที่มีเหงื่อไหลออกจากหน้าผากเนื่องจากวิ่งมา อีกทั้งแก้มก็ยังแดงระเรื่อ ริมฝีปากของเขาเปิดขึ้นเล็กน้อย “ไม่ได้บอกว่าบังเอิญพรหมลิขิตหรือไงกัน?”
ปากแบนๆของสวี่รั่วฉิงพูดว่า “นั่นเป็นสำนวนภายนอก ประธานลี่อยู่ในแวดวงคนมั่งคั่งก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้เสียหน่อย”
ลี่ถิงเซิ่งเลิกคิ้วขึ้น โดยที่ไม่ส่งเสียงอะไรออกมา
เขาต้องการจะเห็นว่าผู้หญิงคนนี้จะอธิบายอะไรให้เขาฟัง
ถ้าคำอธิบายทำให้เขาไม่พอใจล่ะก็…
สวีรั่วฉิงยื่นฝ่ามือออกมา กางมือออกและเหยียดตรงไปทางเขา
ลี่ถิงเซิ่งเลิกคิ้วสูงขึ้น ดวงตาสีดำของเขาหรี่ลง เขาจ้องไปที่สวี่รั่วฉิงราวกับถามว่าเธอหมายถึงอะไรกันแน่
“กุญแจรถค่ะ” สวี่รั่วฉิงพูด “ในเมื่อฉันมาแทนหลี่อาน งั้นฉันก็จะทำงานให้ดีและฉันจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากปัจจัยภายนอกอย่างแน่นอนค่ะ”
“ให้เหตุผลฉันมาสิ ว่าทำไมถึงมา” ลี่ถิงเซิ่งวางกุญแจรถไว้บนฝ่ามือของสวี่รั่วฉิง
ฝ่ามือของเขานั้นเย็นเฉียบ ส่วนฝ่ามือของสวี่รั่วฉิงนั้นอบอุ่น
สวี่รั่วฉิงเงยหน้าขึ้น มองไปที่เขาและพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันเคยพูดไปก่อนหน้านี้แล้วไงคะ ว่าฉันจะเป็นดาบอันแหลมคมให้เอง จะช่วยเปิดพื้นที่ใหม่ในอุตสาหกรรมน้ำหอมให้ได้ ฉันจะทำในสิ่งที่ฉันพูด ไม่ใช่แสร้งทำเป็นอยู่ลี่ซื่อกรุ๊ปไปงั้นๆ”
สวี่รั่วฉิงเม้มริมฝีปาก ในดวงตาของเธอนั้นมีไฟลุกโชติช่วงอยู่
ไม่มีใครสามารถมาบังคับในสิ่งที่เธอไม่ต้องการได้
ดังนั้นเมื่อสักครู่นี้ ปฏิกิริยาแรกของเธอก็คือการไล่ตามลี่ถิงเซิ่งนั่นเอง เธอถึงได้มา
ในหัวใจของเธอ ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้จะมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าลุงซูที่ดูแลเธอมาเป็นเวลากว่าหกปี
“อีกอย่าง ดูเหมือนว่าฉันจะเป็นห่วงประธานลี่ด้วยค่ะ…”
ลี่ถิงเซิ่ง :“…..”
คำพูดนี้ไม่ใช่เขาที่ควรพูดเหรอ?
สวี่รั่วฉิงเปิดประตูรถ ขึ้นไปคาดเข็มขัดนิรภัยของตัวเอง ขณะที่รอให้ลี่ถิงเซิ่งขึ้นรถ เธอก็ได้พูดกับตัวเองอย่างแผ่วเบา
“เมื่อก่อนฉันต้องลางานเพื่อที่จะไปรับลุงซูที่สนามบิน เขากับพ่อของฉันน่ะเหมือนกันจริงๆ”
มือของลี่ถิงเซิ่งที่กำลังคาดเข็มขัดนิรภัยนั้นหยุดชะงักลง
เขาขมวดคิ้ว แสดงสีหน้าจริงจัง
“พ่อ?ฉันไม่เห็นเคยได้ยินว่าตระกูลซูมีการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมเลย
เห็นได้ชัดว่าแอนนาไม่มีนามสกุลซู ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วเธอจะไม่ใช่ลูกสาวของตระกูลซูหรือลูกสาวนอกสมรสอย่างแน่นอน”
สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม
แม้ว่าลี่ถิงเซิ่งจะไม่มีมิตรภาพใดๆส่วนตัวกับคุณผู้ชายซู แต่ตราบใดที่เขาอยู่ในแวดวงความมั่งคั่งนี้ ไม่ว่าเขาจะอยากรู้หรือไม่ก็ตาม แต่เขาก็ยังจะพอทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นในพวกที่มีชื่อเสียงรายยักษ์ใหญ่
ตระกูลซูไม่เคยรับเลี้ยงลูกสาวมาก่อน
สวี่รั่วฉิงยิ้ม เหยียบคันเร่งและขับรถออกจากโรงรถ
คราวนี้เธอขับด้วยความเร็วปกติ นุ่มนวลมาก มันเหมือนกับการบรรยายของเธอ ที่มันดูน่าฟังเสียเหลือเกิน