แฝดชายหญิง:แด๊ดดี้ต้องชนะใจหม่ามี๊นะ - ตอนที่ 46
บทที่ 46 ฝีมืออันเลิศล้ำของสวี่รั่วยี แต่แอนนาก็ไม่น้อยหน้า
งานสังสรรค์ทางสังคมสิ่งที่ไม่คาดหวังที่สุดคือแต่งกายซ้ำกัน
ถึงแม้ว่าจะเป็นงานเลี้ยงอาหารค่ำส่วนตัวที่สามีภรรยาฮิลล์จัดขึ้นมา ถึงขนาดที่แม้แต่นักข่าวก็ล้วนไม่ได้เชิญ
แต่ว่าการใส่ชุดซ้ำกันก็ยังคงทำให้คนรู้สึกกระอักกระอ่วน โดยเฉพาะอีกฝ่ายที่ชุดซ้ำกับสวี่รั่วยีนั้นยังเป็นคู่ควงสาวของคู่หมั้นหนุ่มของเธอเองอีกด้วย
ชั่วขณะนั้นคนไม่น้อยในงานเลี้ยงต่างมองไปทางสวี่รั่วยีด้วยสายตาร่วมดูงิ้ว
ต้องรู้ว่าตั้งแต่หกปีก่อนหลังจากลี่ถิงเซิ่งส่งคนไปตามหาสวี่รั่วยีจนเจอแล้ว คุณหนูผู้ดีตระกูลสวี่ก็กลายมาเป็นคู่หมั้นของลี่ถิงเซิ่งอย่างกะทันหัน พวกเขาทุกคนเห็นที่ข้างกายของลี่ถิงเซิ่งพาสาวงามคนหนึ่งมาด้วย!
ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยถึงรูปโฉม หน้าตางดงามยิ่งกว่าสวี่รั่วยีอยู่มาก
รูปร่างก็ไม่แพ้นางแบบ รูปหน้าทรงเมล็ดแตงโมที่งดงามมีเสน่ห์ และก็เป็นเมื่อครู่นี้เองที่ลี่ถิงเซิ่งก้มไปที่ข้างหูของเธอไม่รู้ว่าพูดอะไร ทั้งสองคนดูไปแล้วค่อนข้างสนิทสนมกันมากทีเดียว
สวี่รั่วยีมาในเวลานี้ พวกเขาก็มีงิ้วดีๆ ให้ดูแล้ว!
สวี่รั่วยียังไม่รู้ว่าวันนี้สวี่รั่วฉิงก็อยู่ที่นี่
เธอเอ้อระเหยทักทายกลุ่มคนในแวดวงแฟชั่นอย่างสบายใจ สายตามองสำรวจในที่นั้น มองหาเงาของลี่ถิงเซิ่ง
“น้ำหอมตัวใหม่ของคุณสวี่ปรุงเสร็จหรือยัง? ตัวฉันเองนั้นตั้งตารอมากทีเดียวนะ” คนที่ทักทายอยู่กับสวี่รั่วยี เป็นรองประธานของบริษัทแฟชั่นแห่งหนึ่ง ที่มีการติดต่อทางธุรกิจมากมายกับสวี่ซื่อกรุ๊ป ด้วยเหตุนี้จึงตามมาประจบประแจง
สวี่รั่วยียิ้มมุมปาก “เร็วๆ นี้แล้ว อาจจะเป็นปลายเดือนนี้ก็เปิดตัวได้แล้วล่ะ”
สายตาของเธอกวาดไปทั่วงานเลี้ยงรอบหนึ่ง ทันใดนั้นแก้วเหล้าในมือก็ถูกบีบแน่น
“เช่นนั้นฉันก็ตั้งตารอ ถ้าคุณสวี่….”
คำยังพูดไม่จบ ก็ถูกสวี่รั่วยีตัดบทอย่างดูถูก
“รอบหน้าค่อยคุย ตอนนี้ฉันยังมีธุระ” สวี่รั่วยีมองเห็นเงาสูงของลี่ถิงเซิ่ง เอาแก้วเหล้าวางลงบนถาดของพนักงานเสิร์ฟที่อยู่ด้านข้าง แล้วจึงเดินไปทางนั้น
ผู้คนโดยรอบกระซิบกระซาบ
สวี่รั่วยีสับสน รอจนเธอเข้าไปใกล้ ตอนที่เห็นข้างกายของลี่ถิงเซิ่งมีผู้ช่วยหญิงคนนั้นที่ควบตำแหน่งนักปรุงน้ำหอม พลันมีปฏิกิริยากลับมาว่าทำไมหลังจากตอนที่ตนเองเข้ามาในงาน ถึงได้รับสายตาแปลกประหลาดมากมายขนาดนั้น!
“แอนนา! ” เป็นครั้งแรกที่สวี่รั่วยีตะโกนเสียงดังในงานเลี้ยงสังคม เธอย่ำส้นสูงเดินพุ่งเข้าไปที่ด้านหน้าของสวี่รั่วฉิง ตอนที่ยกมือขึ้นเตรียมตบหน้าเธอนั้น กลับถูกสวี่รั่วฉิงคว้าจับมือไว้ได้
สวี่รั่วฉิงเหลือบมองผู้ชายข้างกายครั้งหนึ่ง ถอนหายใจ
เธอรู้อยู่แล้ว ถ้าน้องสาว “แก้วตาดวงใจ” ของตนเองคนนี้เห็นลี่ถิงเซิ่งกับตนเองอยู่ด้วยกัน จะต้องระเบิดอารมณ์แน่นอน
“เธอรีบปล่อยฉัน! ” สวี่รั่วยีดิ้นรนอยู่ไม่กี่นาที แต่กลับสะบัดไม่หลุดจากการควบคุมของสวี่รั่วฉิงได้เลย แรงของเธอทำไมถึงได้มากขนาดนี้!
ภายในก้นบึ้งหัวใจของสวี่รั่วยีตกตะลึง
ขณะนั้นเธอก็รู้สึกน้อยใจขึ้นมา ในเบ้าตาปรากฏละอองน้ำชั้นหนึ่งออกมา มองไปทางลี่ถิงเซิ่งอีกด้าน “ถิงเซิ่ง ถ้านายชอบคนอื่นแล้ว ก็บอกฉันให้เร็วหน่อยก็ได้….ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่ไม่เห็นคุณค่าของผู้อื่น การหมั้นของพวกเราทั้งสองคน ถ้านายไม่ชอบ ฉันสามารถไปพูดกับคุณนายลี่….โอ๊ย อย่างน้อยคุณก็ให้แอนนาปล่อยฉันก่อน ตั้งแต่เล็กจนโต แม้แต่คนในบ้านของฉันก็ไม่เคยปฏิบัติกับฉันแบบนี้มาก่อน”
แขกเหรื่อในงานเลี้ยง ได้ยินคำพูดของสวี่รั่วยี อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงขึ้นมา
ว้าว ลี่ถิงเซิ่งก็ถึงกับมีข่าวซุบซิบด้วยหรือ?
ที่ผ่านมาลี่ถิงเซิ่งถึงแม้จะออกงานเลี้ยงสังสรรค์กับดาราสาว แต่ว่าไม่เคยมีข่าวซุบซิบเผยแพร่ออกมา ช่างภาพนักข่าวที่อยู่สุ่มอยู่แถวบ้านพักส่วนตัวของเขาเฝ้ามองอยู่ไม่กี่วันล้วนไม่มีผลลัพธ์ใดๆ แม้แต่น้อย
แอนนาคนนั้นมีฝีมือนี่นา ถึงขั้นสามารถทำให้ลี่ถิงเซิ่งทำลายกฎเหล็กหลายปีของเขาได้
สวี่รั่วฉิงเม้มปากอย่างไร้คำพูด ฝีมือของน้องสาวตัวเองร้ายกาจแค่ไหน หกปีก่อนเธอนั้นได้สัมผัสมาด้วยตนเองแล้ว
ต่อหน้าผู้คนก็ยิ้มแย้ม ลับหลังต้องการเอาชีวิตเธอ
หลายปีที่เธออยู่ต่างประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงเกิดเหตุการณ์ทำนองเดียวกันนี้ขึ้นอีกในอนาคต เชิญผู้ฝึกสอนการป้องกันตัวผู้หญิงมาสอนทักษะการป้องกันตัวให้ตนเองเป็นพิเศษ
จัดการกับผู้ชายที่สูงกว่าตนเองอาจจะกินแรงสักหน่อย แต่จัดการสวี่รั่วยีนั้นเหลือเฟือ
“คุณสวี่ ฉันไม่กล้าปล่อยมือนี่” สวี่รั่วฉิงถอนหายใจอย่างไม่มีทางเลือก หลังจากเธอเห็นเสื้อผ้าบนตัวของสวี่รั่วยีแล้ว ก็เดาออกถึงสาเหตุที่ผู้หญิงคนนี้โมโห
นอกจากจะเกี่ยวข้องกับลี่ถิงเซิ่งแล้ว เกรงว่ายังเกี่ยวข้องกับเสื้อผ้าบนตัวของตนเองด้วย
“ถ้าตอนนี้ฉันปล่อยมือ ฝ่ามือนี้ของคุณเกรงว่าจะตกลงบนหน้าของฉันแล้ว ตกลงบนหน้าของฉันนั้นก็ช่างเถอะ แต่ในฐานะลูกน้องของประธานลี่ ถ้าเป็นเพราะฉันขัดอารมณ์ของคู่หมั้นสาวของประธานลี่ ทำให้คู่หมั้นสาวของประธานลี่ลงไม้ลงมือใหญ่โตกับฉัน ทิ้งชื่อเสียงที่ไม่ดีเอาไว้ เช่นนั้นเกรงว่าฉันจะต้องถูกไล่ออกแล้วน่ะสิ”
สวี่รั่วฉิงพูดอย่างจริงใจ ริมฝีปากเม้มเบาๆ ดวงตาที่ทอประกายแสงแห่งความน้อยใจเบนไปทางลี่ถิงเซิ่งที่ด้านข้าง “ประธานลี่ คุณว่าใช่หรือเปล่าล่ะ”
คนโดยรอบที่อยากจะดูงิ้ว หายใจเข้าลึก
สวี่รั่วยีฝีมือสูงส่ง
แต่แอนนาก็ไม่น้อยหน้าเลย
สวี่รั่วยีใบหน้าเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวแดง
เธอกัดริมฝีปากอย่างโกรธๆ แอนนาพูดได้ไม่ผิด ถ้าตอนนี้ตนเองตบเธอฝ่ามือหนึ่ง ชื่อเสียงในกลุ่มชนชั้นสูงที่ร่ำรวยก็พังทลายแล้ว
เหตุผลสำคัญที่คุณนายลี่ชื่นชอบตนเองนั้น ก็คือความอ่อนโยนใจกว้าง
เมื่อข้อดีเรื่องความอ่อนโยนใจกว้างไม่มีแล้ว คุณนายลี่ยังจะช่วยเธอหรือ?
มุมปากของลี่ถิงเซิ่งบิดเป็นรอยยิ้มที่มีความหมายลึกล้ำ เขาหรี่ตาลงกวาดมองสวี่รั่วฉิงรอบหนึ่ง เดี๋ยวเดียวก็ย้ายสายตาไป มองไปทางสวี่รั่วยีที่ใบหน้ากราดเกรี้ยว ริมฝีปากบางเปิดออกเล็กน้อย
“เธอมาทำอะไร? ”
สวี่รั่วยีงุนงงอยู่เสี้ยววินาที
ฉับพลันเธอก็เอ่ยอย่างน้อยใจ “ถิงเซิ่ง ฉันในฐานะคู่หมั้นของนาย ปรากฏตัวที่นี่ไม่ใช่เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลหรือ? ทำไมถึงเรียกเธอให้มาออกงานคู่กับนายที่งานเลี้ยงของสามีภรรยาฮิลล์กันล่ะ? เธอเป็นเพียงแค่ผู้ช่วยคนหนึ่ง ถ้าเผยแพร่ออกไป จะต้องมีคำติฉินนินทาแน่….”
“พอๆๆ คุณสวี่ คุณอย่าได้พูดแบบนี้ ฉันมาที่นี่เพราะเรื่องงาน ไม่ได้คิดที่จะแย่งผู้ชายกับคุณสักนิด ความรู้สึกระหว่างประธานลี่กับคุณฉันสอดปากไม่ได้หรอก แต่คุณมาว่าฉันแบบนี้นั่นก็ไม่ถูกต้องแล้ว คำติฉินนินทา? คำติฉินนินทาอะไรล่ะ? คุณพูดแบบนี้ ต่อไปฉันยังจะแต่งงานได้หรือ? แฟนหนุ่มในอนาคตของฉันได้ยินเข้าจะคิดยังไง! ”
สวี่รั่วฉิงกลอกตาเบาๆ ไปทางสวี่รั่วยีรอบหนึ่ง
คิดจริงๆ หรือว่าเธอทำอะไรไม่ได้
คิดจะเล่นละครต่อหน้าเธอ ขอโทษทีนะ เธอไม่ใช่เมื่อหกปีก่อนนานแล้ว
“มองไปด้านหลังของเธอ คนที่ดื่มเหล้าอยู่ทางด้านนั้นเธอคงจะต้องรู้จักสินะ? ผู้ช่วยส่วนตัวของประธานลี่ เพื่อนร่วมงานของฉัน พวกเราสองคนล้วนทำงานให้กับประธานลี่ ซึ่งก็คือฉันเป็นผู้หญิง ผู้ช่วยหลี่เป็นผู้ชาย ไม่เช่นนั้นคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ก็ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นผู้ช่วยหลี่แล้ว”
คำพูดรอบนี้ของสวี่รั่วฉิง ทำให้การกระทำทั้งหมดของสวี่รั่วยีเปลี่ยนเป็นนิสัยขี้อิจฉาของสวี่รั่วยีเอง
แม้กระทั่งผู้ช่วยของประธานลี่ก็ยังหึงหวง ผู้หญิงประเภทนี้ก็น่ากลัวเกินไปแล้ว
ผู้คนโดยรอบอดไม่ได้ที่จะพากันวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมา
“มิน่าข้างกายประธานลี่ถึงเป็นผู้ช่วยชายมาโดยตลอด ถ้าเปลี่ยนเป็นฉัน ฉันก็ไม่กล้าให้ผู้ช่วยสาวที่มีความสามารถอยู่ข้างกายฉันแล้ว”
“ไม่ใช่บอกว่าคุณหนูผู้สูงส่งของตระกูลสวี่อ่อนโยนใจกว้างหรอกหรือ วันนี้ทำไมถึงรู้สึกว่าไม่เหมือนกับที่เล่าลือกันมาเลย? ”
คำวิพากษ์วิจารณ์ทุกประเภททะลุเข้าไปในหูของสวี่รั่วยี สีหน้าของสวี่รั่วยีเปลี่ยนเป็นไม่น่ามองอย่างที่สุ