แฝดชายหญิง:แด๊ดดี้ต้องชนะใจหม่ามี๊นะ - บทที่ 225 มันตายแล้ว ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว
เขาผ่านด่านเก็บเงินทางด่วนมาได้ไม่ทันไร จู่ๆรถยนต์คันสีดำ ก็ขับเข้ามาจอดขวางทางเขาเอาไว้
“เป็นบ้าหรือไงวะ!” หวังซานตะโกนด่าเสียงดัง
เมื่อลงมาจากรถ เขาก็ด่าโวยวายอย่างต่อเนื่อง “พวกแกบ้าหรือไง? ไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นใคร? กล้ามาขวางทางรถฉันเหรอ? ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วใช่ไหม?”
ทันใดนั้น ก็มีคนใส่ชุดดำลงมาจากรถสี่คน
คนทั้งสี่ใส่สูทและแว่นสีดำ
หวังซานเห็นหน้าตาพวกเขาไม่ชัด เซ้นส์มันบอกเขาว่า คนพวกนั้นไม่ได้มาดีแน่ๆ
แผ่นหลังของเขาสั่นเทาเล็กน้อย นี่มันหมายความว่ายังไง? กลางวันแสกๆอย่างนี้ยังมีคนคิดจะปล้นกันอีกเหรอ?
เมื่อกี้เขาเพิ่งได้เงินสิบล้านมา ถ้าตอนนี้ถูกปล้นไป ทุกอย่างที่ทำมาก็เสียเปล่าน่ะสิ?
“พวกแกเป็นใคร?” หวังซานเอ่ยถาม
ชายชุดดำไม่มีใครตอบสักคน หนึ่งในนนั้นยกปืนขึ้นมา แล้วเล็งมาที่หวังซานอย่างเลือดเย็น
ในใจของหวังซานหวาดกลัวเป็นอย่างมาก หรือว่าสวี่รั่วยีสั่งเก็บเขา?
เขาสบถคำหยาบคายออกมาในใจ จากนั้นก็หันหลังเตรียมวิ่ง
แต่คนมันจะวิ่งเร็วกว่าลูกกระสุนได้ยังไง หวังซานได้ยินแค่เสียงปืนดังปังขึ้นมา ลูกกระสุนยิงเข้าที่ขาของเขาเต็มๆ
เขาทรงตัวไม่ได้ จนทรุดลงกับพื้น
ปัง—กระสุนอีกหนึ่งนัดยิงเข้ามาที่หัวใจของเขา
เลือดสดๆสีเข้มหลั่งไหลออกมาจากแผลที่ถูกยิง อาบย้อมบนถนน
“เช็คดูหน่อย ว่าตายหรือยัง” ชายชุดดำที่เป็นหัวหน้าเอ่ยสั่งเสียงเย็น
“ครับ”
ลูกน้องของเขาเดินเข้าไปข้างๆหวังซาน จากนั้นก็ก้มลงใช้นิ้วมืออังจมูก
ไม่หายใจ แปลว่าตายแล้วจริงๆ
เขายืดตัวขึ้นหันไปพูดกับหัวหน้าว่า “มันตายแล้วครับ ไม่หายใจแล้ว”
“ดี กลับไปรายงานผลได้” ขณะที่พูด ชายชุดดำผู้เป็นหัวหน้าก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาคุณนายสวี่
“คุณนายสวี่ เรื่องที่มมอบหมายมาจัดการเรียบร้อยแล้วนะครับ มันตายแล้ว ไม่มีแม้แต่ลมหายใจ คุณยังอยากเช็คด้วยตัวเองให้แน่ใจไหม?”
คุณนายสวี่แสยยิ้มเยาะ เธอไม่มีความคิดจะไปเช็คว่านักเลงกระจอกคนนั้นตายหรือยังหรอก
เธอพูดอย่างเลือดเย็นว่า “เรียบร้อยแล้วใช่ไหม? งั้นก็ดี ค่าตอบแทนยังคงเหมือนเดิม อีกสักพักพวกแกไปรับได้ที่เดิมเลย สามสิบล้านพอไหม? ถ้าไม่พอ ฉันยกอาคารให้พวกแกที่หนึ่งเป็นไง?”
“คุณนายสวี่ก็พูดเกินไป เราร่วมงานกันมาแล้วตั้งสามครั้ง แค่สามสิบล้านก็พอแล้วครับ”
หลังจากชายหนุ่มชุดดำพูดจบ ก็เก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าเสื้อ เขากวาดสายตามองหวังซานที่ตายไปแล้วอย่างเลือดเย็น “เก็บศพไปโยนลงแม่น้ำ จัดฉากว่ามันยิงฆ่าตัวตายแล้วพลัดตกน้ำ”
“ครับ”
ลูกน้องของเขาโยนศพที่ตายอย่างอนาถลงไปในแม่น้ำ พร้อมกับถ่ายคลิปไปให้คุณนายสวี่ดู
หลังจากที่คุณนายสวี่ดูคลิปจบ หัวใจที่แขวนอยู่ตลอดก็วางลงทันที
เธอเคาะประตูห้องของสวี่รั่วยีเบาๆ
ตอนนี้เป็นเวลากลางดึก แต่สวี่รั่วยียังไม่หลับพักผ่อน
คุณนายสวี่มองสวี่รั่วยี แล้วพูดว่า “แกนอนเถอะ”
“จัดการได้แล้วเหรอคะ!” สวี่รั่วยีรีบถามคุณนายสวี่
“มันตายแล้ว ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว นอกเสียจากว่าคนที่ตายไปมันยังพูดได้ หลังจากนี้แกจะวางแผนทำอะไรก็อย่าลืมมาบอกฉันก่อน เข้าใจไหม!” คุณนายสวี่พูดจบ ครุ่นคิดอยู่สักพักก็เอ่ยพูดว่า “ฉันหวังว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปนี้แกห้ามทำให้ฉันผิดหวังอีก!”
สีหน้าของสวี่รั่วยีซีดขาวเล็กน้อย เธอกัดริมฝีปากอย่างไม่ยอม “เรื่องนี้โทษฉันได้เหรอ? ถ้าไม่ใช่เพราะนังผู้หญิงชั้นต่ำอย่างแอนนา….อีกอย่าง ตอนนี้นังนั่นเป็นหรือตายก็ไม่มีใครรู้เลย!”
ขิงแก่อย่างคุณนายสวี่ย่อมเผ็ด เธอไม่ได้ลนลานเหมือนอย่างที่สวี่รั่วยีเป็น เธอมองสวี่รั่วยีที่นั่งอยู่บนเตียงอย่างใช้ความคิด เอ่ยพูดวิเคราะห์ว่า “จากนิสัยของลี่ถิงเซิ่งแล้ว ถ้าแอนนาสำคัญกับเขา เขาคงส่งเธอไปโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในเมืองหลินชวนนั่นก็คือโรงพยาบาลเอกชนที่หนึ่ง อีกอย่างโรงพยาบาลนั้นยังมีหุ้นส่วนของลี่ซื่อกรุ๊ปอีกด้วย”
สวี่รั่วยีกำผ้าห้มไว้แน่น บนหลังมือมีเส้นเลือดผุดขึ้นมา
คุณนายสวี่พูดต่อว่า “เมื่อครู่ฉันติดต่อหาผอ.โรงพยาบาล เขาบอกว่าไม่มีคนไข้ประสบอุบัติเหตุถูกส่งมาที่โรงพยาบาล”
สวี่รั่วยีถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ใบหน้าเผยรอยยิ้มสบายใจออกมา “แปลว่าแอนนาตายแล้ว?”
คุณนายสวี่แสยะยิ้มเย็น “จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง? คนที่ทำให้ผอ.โรงพยาบาลพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้ก็มีแค่ลี่ถิงเซิ่งเท่านั้น นอกจากลี่ถิงเซิ่งแล้ว ก็ไม่มีใครในเมืองหลินชวนสามารถทำให้ผอ.โรงพยาบาลเอกชนที่หนึ่งพูดโกหกเพื่อช่วยเขาปกปิดได้หรอก”
เมื่อสวี่รั่วยีได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มที่มีเมื่อสักครู่ พลันหดหายไปทันที
เล็บคมๆ จิกลึกลงบนฝ่ามือ “แปลว่านังแอนนายังไม่ตายงั้นเหรอ!ระยำ มาถึงขั้นนี้ แล้วยังไม่ตายอีก—“
สวี่รั่วยีกระทืบเท้าอย่างโกรธๆ
หรือว่าแม้แต่พระเจ้าก็ยืนอยู่ข้างแอนนา!
คุณนายสวี่ยิ้มเยาะ “ใครจะไปรู้ล่ะ ถ้าแอนนายังไม่ตาย เราก็แค่ส่งคนไปวางยา”
สวี่รั่วยีไม่เข้าใจ “วางยา?”
ดวงตาของคุณนายสวี่ทอประกายดุร้าย “ในเมื่อแอนนาดวงแข็ง ทำยังไงก็ไม่ตายสักที เราก็แค่ทำให้ร่างกายของเธอไม่สามารถตั้งท้องได้อีก ถ้าผู้หญิงคนนั้นท้องไม่ได้ แกคิดว่าจะเป็นยังไงล่ะ?”
สวี่รั่วยีพลันเบิกตากว้าง “แม่คะ อย่าบอกนะว่าแม่จะ……..”
เมื่อคุณนายสวี่เห็นว่าสวี่รั่วยีเริ่มเข้าใจแล้ว ก็ยิ้มปลอบใจออกมา “ถึงจะทำให้แอนนาตายไม่ได้ แต่เราทำให้เธอตั้งท้องไม่ได้ตลอดชีวิต ตระกูลลี่ไม่มีทางยอมให้ผู้หญิงแบบนี้แต่งเข้าตระกูลหรอก ต่อให้ลี่ถิงเซิ่งดึงดันจะแต่งกับเธอมากแค่ไหน คุณนายลี่ก็ไม่มีทางยินยอมแน่นอน ผู้หญิงที่ให้กำเนิดบุตรไม่ได้ สำหรับตระกูลลี่แล้วจะไปมีค่าอะไร? ก็แค่แจกันดอกไม้เปล่าๆ ที่ไม่สามารถมีลูกได้ แค่แตะเบาๆก็แตกแล้ว คนแบบนี้ตระกูลผู้ดีเขาไม่ต้องการหรอกนะ ตระกูลลี่เองก็ด้วย!”
คำพูดร้ายกาจของเธอ ยังไม่สามารถทำให้สวี่รั่วยีสบายใจได้ “แม่คะ ถ้าลี่ถิงเซิ่งรู้เรื่องที่เราคิดจะวางยาเข้าจะทำยังไง? ถ้าเกิดศาลรู้ว่าฉันวางยาแอนนา เราสองคนจะไม่จบเห่กันพอดีเหรอ……..”
คุณนายสวี่มองมาที่สวี่รั่วยีอย่างเยือกเย็น ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “ตอนนี้แกคิดได้แล้วเหรอว่าถ้าลี่ถิงเซิ่งรู้เรื่องขึ้นมาจะทำยังไง? แล้วที่แกส่งคนไปชนแอนนา ทำไมไม่คิดได้บ้าง?”
สวี่รั่วยีนิ่งเงียบ
คุณนายสวี่ขบคิดไม่กี่นาที ในหัวของเธอก็นึกอะไรขึ้นมาได้
ถ้าจะหาคนไปวางยาแอนนาโดยที่ไม่ให้ใครจับได้ก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย ดูเหมือนว่าเรื่องนี้คงต้องพึ่ง…….
ขณะที่คิด สีหน้าของคุณนายสวี่ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ยิ่งเธอกับสวี่รั่วยีติดต่อกับพ่อแท้ๆของสวี่รั่วยีบ่อยมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะถูกเปิดโปงว่าสวี่รั่วยีไม่ใช่ลูกสาวของคุณสวี่ก็มีมากขึ้นเท่านั้น
เรื่องที่คุณนายสวี่กลัวที่สุดก็คือการที่คุณสวี่ได้รู้ความจริงว่าสวี่รั่วยีไม่ใช่ลูกแท้ๆของเขา