แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - ตอนที่ 690
บทที่ 690 คุณลุงจอมคลั่ง
โดย
Ink Stone_Fantasy
“เร็ว! เร็วเข้า!” มู่เฉินเร่งไม่หยุด
ในทางเดินอันคับแคบนี้ พวกเขาทั้งต้องจัดการกับซอมบี้ที่โผล่ออกมาตลอดทาง แล้วยังต้องระวังทีมไล่ล่าที่อยู่ข้างหลังอีก จึงอาจทำให้เกิดอาการหลงทิศได้ง่ายๆ
แต่มีเย่เลี่ยนอยู่ ปัญหานี้ก็ไม่น่าเป็นห่วงอีกต่อไป
เพราะถึงอย่างไร หากพวกเขาวิ่งไปยังพื้นที่รวมพลของเหล่าซอมบี้ ก็เท่ากับว่ากำลังวิ่งไปยังศูนย์กลางของเมืองชุ่ยหู
ในด้านนี้ ซย่าน่ากับหลี่ย่าหลินด้อยกว่าเย่เลี่ยนไปหนึ่งขั้น หลังจากก้าวข้ามเป็นซอมบี้เจ้าเมืองสำเร็จ ระบบการรับกลิ่นของเย่เลี่ยนก็พัฒนาไปอีกหนึ่งระดับ
ขณะหายใจ เธอรับรู้สถานการณ์รอบข้างทั้งหมดผ่านกลิ่น ที่ไหนมีซอมบี้ ที่ไหนซอมบี้เยอะกว่า เธอล้วนสามารถตัดสินได้ด้วยการรับกลิ่น
มีเย่เลี่ยนคอยนำทางร่วมด้วย หลิงม่อจึงไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง
“กรร กรรร!”
ฝูงซอมบี้ที่วิ่งตามมาไกลๆ ส่งเสียงคำรามเป็นช่วงๆ ทำให้มีซอมบี้โผล่ออกมามากกว่าเดิมทั้งซ้ายขวาหน้าหลัง
มู่เฉินถามอย่างร้อนใจ “ตอนนี้จะทำยังไง?”
“ไม่ต้องกลัว…” หลิงม่อเพิ่งจะพูดจบ เย่เลี่ยนก็หันหลังกลับไปในขณะที่กำลังวิ่ง พอเธอยกปากปืนขึ้น เสียงครวญครางของซอมบี้ร่างใหญ่ก็ดังมาจากข้างหลัง
“กรร!”
ร่างกายกำยำของซอมบี้ร่างใหญ่เซไปด้านหลังหลายก้าว บนขาข้างที่บาดเจ็บพลันปรากฏรอยแผลเหวะหวะขึ้นมาอีกหนึ่งแผล
คราวนี้เดาว่าขาของมันคงหักแล้วจริงๆ แต่เจ้าร่างใหญ่กลับไม่ล้มลงไป ตรงกันข้าม มันกลับยกคีมเหล็กขึ้นทุบผนังใกล้ๆ อย่างแรงดัง “ปึง” ด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว แล้วแยกเขี้ยวคำรามลั่น “โฮก!”
แรงสะเทือนทำให้มู่เฉินอดขมวดคิ้วไม่ได้ ส่วนสวี่ซูหานถึงกับต้องยกมือปิดหู “โอ๊ย!”
ขณะเดียวกัน ซอมบี้หลายตัวพุ่งออกมาจากด้านข้างไม่ไกลจากเจ้าร่างใหญ่นัก
แรงกระตุ้นจากกลิ่นคาวเลือด ส่งผลให้พวกมันคลั่งจนถึงขั้นใช้มือใช้เท้าเกาะเกี่ยวกำแพงพุ่งเข้าไป
ซอมบี้ข้างหลังก็ทำท่าเตรียมจู่โจมเต็มที่ แต่ถึงอย่างไรพวกนั้นก็ยังอยู่ห่างๆ ไม่ได้พุ่งเข้าใส่ทันทีทันใด
ทันใดนั้น ซอมบี้ตัวหนึ่งกระโดดตัวลอยพุ่งเข้าไปคว้าหัวของซอมบี้ร่างใหญ่ เล็บยาวๆ ของมันจิกเข้าไปในหนังหัวของเจ้าร่างใหญ่ ขณะที่เลือดพุ่งกระฉูด ซอมบี้ตัวนี้ยังพยายามสะบัดแขนไปมาอย่างสุดกำลัง เพื่อจะเด็ดศีรษะเจ้าร่างใหญ่ออกจากร่างกายกำยำของมันเสีย
ซอมบี้อีกสองตัวพุ่งเข้าไปร่วมวงด้วย พวกมันเกาะอยู่บนร่างเจ้าร่างใหญ่ จากนั้นก็อ้าปากกว้างงับลงไป
“กรร!”
เจ้าร่างใหญ่ดวงตาแดงก่ำ มันคำรามเสียงดังลั่นจากนั้นก็วิ่งชนกำแพงอย่างแรง
ซอมบี้ตัวที่เกาะแขนของมันอยู่ถูกหนีบไว้ตรงกลาง ส่งผลให้มันกระอักเลือดออกมาทันที
ซอมบี้อีกตัวถูกเจ้าร่างใหญ่กระชากลงมา แล้วเหวี่ยงลงพื้น ตามด้วยกระทืบซ้ำเต็มแรงอีกหนึ่งครั้ง
“แกร๊ก” เสียงกระดูกหักดังขึ้น พร้อมกับเลือดสีแดงฉานที่ไหลทะลักออกจากปากไม่หยุด
ซอมบี้ตัวที่จิกหนังหัวของมันก็ถูกกระชากลงมาด้วยเช่นกัน มันกดร่างซอมบี้ตัวนั้นติดกับผนัง จากนั้นก็กัดคอของมัน
เนื้อก้อนโตถูกกระชากติดปากออกมา พร้อมกับเลือดที่พุ่งกระฉูดราวกับน้ำพุ
เจ้าร่างใหญ่หันหน้ามองมาทางพวกหลิงม่อ มันอ้าปากที่เต็มไปด้วยเลือดสดๆ แล้วคำรามลั่นอีกครั้ง “กรร! มนุษย์…”
“ชิบ! มันพูดเป็นแล้ว!” มู่เฉินหนังศีรษะชา พร้อมร้องอย่างตกตะลึง
“เดิมซอมบี้ในระดับนี้เริ่มมีการฟื้นฟูความสามารถด้านภาษาแล้ว เพียงแต่ส่วนใหญ่มักคลุกคลีอยู่แต่กับฝูงซอมบี้ ไม่มีความจำเป็นต้องสื่อสารด้วยการพูด นานไปๆ จึงคุ้นเคย บวกกับเวลาเจอมนุษย์ซอมบี้ส่วนมากก็มักจะเงียบไม่พูดอยู่แล้ว” หลิงม่ออธิบาย
“ขอบคุณที่แบ่งปันข้อมูล แต่เวลาอย่างนี้นายยังจะทำใจเย็นได้อีก…หนีสิโว้ย!”
มู่เฉินตะโกนเสียงดัง จากนั้นก็หมุนกายออกวิ่งทันที
“ดูเหมือนเราจะประเมินมันต่ำไป หลังจากถูกอาการบาดเจ็บสาหัสกระตุ้น ตอนนี้มันกลับอัพเกรดเป็นซอมบี้วิวัฒนาการระยะสุดท้ายแล้ว ถึงแม้จะยังห่างจากชนชั้นสูงอีกไกล แต่ข้อได้เปรียบด้านร่างกายกำยำของมันกลับไม่อาจมองข้ามได้…” หลิงม่อวิ่ง พร้อมกับวิเคราะห์ไปด้วย
“ไอ้สัตว์ประหลาดนั่นมันดีไปหมดเลยสินะ…” มู่เฉินที่ได้ยินเข้าทำหน้ายุ่ง ความสนใจของหลิงม่อที่มีต่อซอมบี้เกิดขึ้นได้อย่างไรนะ? คนทั่วไปขอเพียงรู้ว่าพวกมันเป็นศัตรูกับมนุษย์ก็พอแล้วนี่!
“แต่เห็นชัดว่าซอมบี้ที่นี่ไม่ค่อยเหมือนกับซอมบี้ที่เคยเจอมา ไม่เพียงสลัดทิ้งยาก แต่ยังแกร่งมากอีกด้วย จำได้ไหมก่อนหน้านี้ก็เคยเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันมาก่อน? แต่ที่เจอตอนนั้นเป็นแค่กลุ่มเล็กๆ…
หลิงม่อเมินมู่เฉิน แล้วพูดต่อลำพัง
ซย่าน่าควงเคียวดาบตวัดร่างซอมบี้ 2 ตัวที่โผล่ออกมาจากด้านหน้า แล้วหันกลับมาบอกว่า “ตอนนี้ยังด่วนสรุปไม่ได้หรอก”
“ใช่ แต่ฉันรู้สึกได้ว่าในเมืองชุ่ยเหอจะต้องมีอะไรซ่อนอยู่แน่ๆ…
ความรู้สึกดังกล่าวหลิงม่อไม่ได้เพียงทึกทักไปเอง ตั้งแต่ที่เข้ามาในเมืองนี้ เขามักรู้สึกไม่สบายใจแปลกๆ
ความรู้สึกนี้เหมือนตอนที่เขาวิ่งเข้าไปในลานจอดรถใต้ดินแห่งนั้นมาก ราวกับว่าเขาสัมผัสได้ถึงอันตรายจากสัตว์ร้าย
“พวกเธอล่ะ รู้สึกว่าที่นี่มีอะไรผิดปกติบ้างไหม?” หลิงม่อถามเสียงเบา
“ไม่นะ” หลี่ย่าหลินส่ายหน้า
“งั้นหรอ…” หลิงม่อพยักหน้าด้วยสีหน้าครุ่นคิด
ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่ร้องเตือนอยู่ในตัวเขาก็ไม่ใช่เชื้อไวรัส แต่เป็นพลังจิต…
แต่มันคืออะไรกันแน่ ที่ทำให้เขากระวนกระวายได้อย่างนี้?
แล้วกองทัพอากาศเก่า พวกเขาเคยพบอะไรในที่แห่งนี้ ถึงได้กำหนดให้ที่นี่เป็นพื้นที่อันตราย?
ทีมทหารที่บินอยู่กลางอากาศ ถึงจะพบเจอสิ่งที่น่าตกใจมากแค่ไหน ก็คงไม่ถึงขั้นทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวขนาดนั้นหรือเปล่า?
ขอเพียงไม่บินต่ำ ซอมบี้จะทำอะไรพวกเขาได้…
ถึงจะเป็นเจ้าซอมบี้นก อย่างมากมันก็กลายพันธุ์จนสามารถร่อนตัวได้เท่านั้น ยังไม่สามารถบินสูงได้จริงๆ…
“ที่นี่คงไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับนิพพานหรอกนะ?” จู่ๆ หลิงม่อก็นึกถึงความเป็นไปได้หนึ่งขึ้นมา พลางถามขึ้น
“ฉันจะไปรู้ได้ไง แต่ไหนแต่ไร สาขาย่อยที่ฉันอยู่ก็แทบไม่ต่างอะไรจากตำหนักเย็นเลยเหอะ…” มู่เฉินกลอกตาขาว พร้อมกับพูดเสริมขึ้นอีก “และในตำหนักเย็น ฉันก็ได้นั่งม้านั่งเย็นอีกที แล้วฉันจะไปรู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขาที่ไหนล่ะ!”
“ก็จริงนะ…” หลิงม่อพยักหน้า
พอพูดจบ จู่ๆ มู่เฉินก็รู้สึกตงิดๆ เล็กน้อย…
หายากที่หลิงม่อจะเห็นด้วยกับเขา แต่ทำไมมันกลับทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดกว่าเดิมล่ะ…
“กรร กรร!”
เจ้าร่างใหญ่ยังคงวิ่งตามมาข้างหลัง ซอมบี้ส่วนมากก็ยังคงวิ่งตามหลังมาห่างๆ
หลังจากแสดงพลังอันแข็งแกร่งที่เหนือชั้นกว่าซอมบี้ธรรมดาให้ได้เห็น ถึงแม้บาดแผลของเจ้าร่างใหญ่จะยังคงมีเลือดไหลไม่หยุด แต่กลับไม่มีซอมบี้ตัวไหนกล้าเข้าใกล้มันอีก
ซอมบี้ที่โผล่มาขวางตรงกลางระหว่างเจ้าร่างใหญ่กับพวกหลิงม่อเป็นบางครั้งบางคราว ล้วนถูกเจ้าร่างใหญ่จัดการหมด
ตอนนี้ดวงตาของมันแดงก่ำไปทั้งดวง ใครที่กล้าวิ่งมาขวางหน้ามันก็เท่ากับรนหาที่ตาย
ซอมบี้ที่วิ่งเข้ามาทางด้านหน้า เมื่อเจอพวกเย่เลี่ยนเข้าก็ตายตกตามกันไปทีละตัวๆ
การไล่ล่ากันท่ามกลางกลุ่มอาคารก่อสร้าง กลับทำให้พวกหลิงม่อเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างไม่น่าเชื่อ
“ทางนี้”
หลิงม่อพาทุกคนวิ่งเลี้ยว แต่เย่เลี่ยนหมุนตัวกลับไป แล้วยกปากปืนขึ้นเล็งอีกครั้ง
แต่เป้าที่เธอเล็งในครั้งนี้กลับเป็นสมองของเจ้าซอมบี้ร่างใหญ่…
ขณะเดียวกันฝั่งเจ้าร่างใหญ่ พอมันเห็นปากปืนสีดำๆ นั่นเป็นครั้งที่สาม มันก็เริ่มจำได้ในที่สุด แต่ในขณะที่มันกำลังคิดจะเบี่ยงตัวหลบ ลำคอของมันกลับถูกเชือกล่องหนเส้นหนึ่งมัดไว้แน่น
ฟึ่บ พรวด!
เลือดสดๆ ผสมกับเศษเนื้อเละๆ พุ่งกระฉูดออกจากศีรษะด้านหลัง เจ้าร่างใหญ่เบิกตากว้าง เลือดและเศษชิ้นส่วนมากมายไหลทะลักออกจากปากของมัน
วัตถุเหนียวหนืดสีแดงก้อนหนึ่งที่พุ่งตามออกมา ลอยล่องอยู่กลางอากาศราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นรับไว้
“มู่เฉิน” ซย่าน่าตะโกนเรียก
“หา?”
มู่เฉินหันหน้าไปตามเสียงเรียก ขณะเดียวกันก้อนเหนียวหนืดก้อนนั้นก็ถูกโยนขึ้นในแนวเส้นโค้ง และหล่นเข้าไปในถุงถนอมอาหารในมือหลิงม่ออย่างสวยงาม
สวี่ซูหานปากอ้าตาค้างมองหลิงม่อยัดก้อนเหนียวหนืดก้อนนั้นใส่กระเป๋า ยิ่งพอนึกถึงการเคลื่อนไหวอันคล่องแคล่วของเขาเมื่อครู่ เธอก็ยิ่งอึ้งหนักเข้าไปอีก
“ตามคาด เมื่อกี้มันกำลังอัพเกรดเพราะถูกกระตุ้นจริงๆ แม้แต่ระดับความบริสุทธิ์ของก้อนเหนียวหนืดก็อัพเกรดขึ้นไม่น้อย…แต่ภายนอกดูไม่ค่อยต่างจากก้อนเหนียวหนืดของซอมบี้ทั่วไปเท่าไหร่เลยนี่นา…”
หลิงม่อคิดในใจ แต่จู่ๆ เขาก็พบว่าตัวเองกำลังถูกสวี่ซูหานจ้องด้วยสีหน้าตะลึง
เขากระแอมเบาๆ แล้วยื่นมือไปตบไหล่สวี่ซูหานเบาๆ “อีกหน่อยก็ชินเอง”
“ชะ…ชิน…”
สวี่ซูหานอึ้งสนิท นี่เขาอยากให้เธอชินกับอะไรกันแน่!
“ไม่มีอะไร” ซย่าน่าเห็นหลิงม่อจัดการเรียบร้อยแล้ว จึงหันกลับไปมองมู่เฉินที่กำลังรอคำตอบจากเธออย่างงงๆ แล้วตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ก็นึกว่าจะโดนเธอแกล้งอะไรอีกหรือเปล่า…” มู่เฉินยกมือปาดเหงื่อ
หลังจากเจ้าร่างใหญ่ล้มลงไป เย่เลี่ยนก็ลั่นไกรัวติดกันอีกหลายนัด เพื่อจัดการซอมบี้กลายพันธุ์สองสามตัวข้างหลังให้ล้มตามไป
กลิ่นคาวเลือดฉุนๆ โดยเฉพาะกลิ่นจากเจ้าร่างใหญ่ กระตุ้นฝูงซอมบี้ให้แตกตื่นลุกฮือขึ้นมาทันที
เหมือนที่หลิงม่อบอกไว้ ศพของซอมบี้ธรรมดาพวกมันอาจไม่สนใจ แต่พวกมันไม่มีทางพลาดศพของซอมบี้วิวัฒนาการแน่นอน…
ซอมบี้ส่วนหนึ่งยังคงสูดดมกลิ่น เพื่อตามหาก้อนเหนียวหนืดที่เพิ่งหายไปเมื่อกี้
ทว่าหลิงม่อประสบการณ์มากล้น เขาได้ห่อถุงถนอมอาหารเอาไว้หลายชั้นแต่แรกแล้ว ทำให้กลิ่นของมันถูกกักเก็บไว้ข้างในอย่างมิดชิด
ในพริบตา นอกจากซอมบี้จำนวนน้อยแล้ว ตัวอื่นๆ ล้วนวิ่งกรูเข้าไปรวมตัวกันข้างศพเหล่านั้น
“ไป!”
หลิงม่อโบกมือ พร้อมวิ่งนำทุกคนเข้าไปในป่าสีเขียวด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
จากป้ายบอกทาง หากออกจากพื้นที่นี้ไป พวกเขาก็จะเข้าสู่เขตศูนย์กลางของเมืองชุ่ยหู
ในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ ซ่อนอะไรไว้กันแน่…
“กรร…”
ซอมบี้ตัวหนึ่งเงยหน้าขึ้นมาจากพื้น ปากของมันเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสด ดวงตาสะท้อนชัดถึงกลิ่นอายคลุ้มคลั่ง
และรอบกายของมัน มีซอมบี้มากมายกำลังก้มหน้าฉีกทึ้งศพที่อยู่บนพื้น
ท่ามกลางแอ่งเลือดที่ไหลอาบไปทั่วพื้น คือชิ้นส่วนศพมากมายที่ถูกกระชากจนหลุดออกจากกันไม่เหลือชิ้นดี…
ทันใดนั้น ด้านหลังของซอมบี้ฝูงนี้ มีเงาร่างของใครคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ในเงามืดอย่างเงียบเชียบ
“ไม่คิดว่าจะวิ่งมาถึงนี่ได้ ชักจะจัดการยากขึ้นแล้วแฮะ…แต่ ถือว่าเป็นโอกาสดี…”
เงาร่างนั้นแสยะยิ้มเยือกเย็น เสียงพึมพำกับตัวเองดึงดูดความสนใจจากซอมบี้ตัวที่เงยหน้าขึ้นทันที
มันหันขวับไปมองทางเงามืด
“กรร…”
เสียงคำรามนี้ฟังดูสั่นๆ เทียบกับการขู่ เหมือนมันกำลังแสดงความหวาดกลัวของตัวเองออกมามากกว่า
“ชู่ว”
เงาร่างนั้นกลับยกมือข้างหนึ่งขึ้นมา แล้ววางนิ้วบนปากตัวเอง
ชั่วขณะหนึ่ง ในดวงตาสีแดงม่วงคู่นั้นสะท้อนความโหดเหี้ยมออกมารางๆ
ซอมบี้ตัวนั้นยืนนิ่งอยู่กับที่
“พอดีเลย ใช้แกนี่แหละ”
พูดจบ ซอมบี้ตัวเดิมก็ก้าวเท้าเดินโซเซเข้าไปในเงามืดนั้น…
—————————————————————————–