แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - ตอนที่ 730
บทที่ 730 สำรวจ
โดย
Ink Stone_Fantasy
แค่ทางเดินก็มียามเฝ้าตั้งสิบสามคนแล้ว ความสามารถในการป้องกันและรักษาความปลอดภัยของนิพพานสำนักงานใหญ่ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ
หากเป็นคนอื่น คงจะคิดไม่ออกแล้วว่าควรทำอย่างไรกับสภาพแวดล้อมอย่างนี้ดี
ในความเป็นจริง ดูจากตาข่ายป้องกันของนิพพานสำนักงานใหญ่ แค่คิดจะแฝงตัวเข้ามาในนี้ก็ความหวังริบหรี่แล้ว หลิงม่อเองก็ใช้มู่เฉินเป็นหนอนบ่อนไส้ ถึงได้แฝงตัวเข้ามาได้ชั่วคราวอย่างนี้ คนอื่นแม้จะหมายตาที่นี่ แต่จะไปตามหาหนอนบ่อนไส้ที่สมบูรณ์แบบอย่างนี้ได้จากที่ไหนล่ะ? นอกเสียจากต้องฆ่าคนของสาขาย่อยให้ตายหมด หรือไม่ก็ต้องมีสถานะเป็นสมาชิกของสาขาย่อย จึงจะสามารถกลายมาเป็นสมาชิกของสำนักงานใหญ่ได้
ถึงแม้จะดูปลอดภัยมากแล้ว แต่นิพพานสำนักงานใหญ่ก็ยังคงเลือกใช้วิธีการที่ระมัดระวังขนาดนี้ ไม่ว่าบุคคลระดับสูงของพวกเขาจะพิจารณาด้วยเหตุผลไหน ล้วนสามารถแสดงให้เห็นถึงความรอบคอบของพวกเขาได้เป็นอย่างดี
สถานการณ์อย่างนี้ทำให้หลิงม่อลำบากมาก แต่เขาก็ไม่มีทางถอยอย่างแน่นอน
ตรงกันข้าม ยิ่งพวกเขาให้ความสำคัญมากเท่าไหร่ หลิงม่อก็ยิ่งคาดหวังกับสิ่งที่อยู่ในนี้มากขึ้น สิ่งที่อยู่ในนั้นต้องคุ้มค่ามากแน่ๆ ถึงได้คุ้มกันแน่นหนาขนาดนี้ ถ้าไม่อย่างนั้นทั้งหมดนี้ก็คงเป็นแค่เรื่องสิ้นเปลือง
แม้เห็นคนจำนวนมาก แต่หลิงม่อก็ไม่ได้รีบร้อน เขาควบคุมแมงกะพรุนให้รออยู่ที่เดิมอย่างระมัดระวังพักหนึ่ง จนกระทั่งเมื่อแน่ใจว่ายามทั้งสิบสามคนนี้ไม่รับรู้ถึงตัวตนของเจ้าแมงกะพรุน ถึงได้สั่งให้มันวิ่งผ่านท่อตรงนี้ไปอย่างรวดเร็ว
และหลังจากวิ่งผ่านท่อตรงนั้นมา มันก็มาถึงห้องโถงใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งทางเดินรูปตัวอักษร 品 ได้เชื่อมอาคารสามหลังนั้นกับห้องโถงแห่งนี้เข้าด้วยกัน
“อืม…เลือกทางไหนดีล่ะ?” หลิงม่อหยุดอยู่ที่ห้องโถง
เขาตัดทางเดินตรงกลางออกก่อนเป็นอันดับแรก เพราะตรงนั้นมียามยืนอยู่อีกสองคน ถึงแม้มองไม่เห็นด้วยตาว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร แต่ดวงแสงแห่งจิตของหนึ่งในสองคนนั้นดูเจิดจ้ากว่าปกติ ซึ่งนั่นบ่งบอกว่าเขาเป็นผู้มีความสามารถพิเศษด้านพลังจิต
ถ้าหากเจ้าแมงกะพรุนเข้าไปใกล้ อาจถูกจับได้ง่ายๆ
“ทางเส้นนี้มีคนเฝ้าอยู่ ไม่แน่อาจเป็นที่พักของพวกระดับสูงในนิพพานก็ได้ หรือไม่ก็ เป็นที่พักของลูกพี่ใหญ่…” หลิงม่อสังเกตการณ์อยู่ครู่หนึ่ง แล้วเขาก็ได้ข้อสรุปว่าหากจะคิดหาทางอ้อมผู้มีความสามารถพิเศษด้านพลังจิตคนนั้นไปก็ยังพอเป็นไปได้ แต่แทนที่จะทำอย่างนั้นเลย สู้ไปสำรวจตึกอื่นๆ ดูก่อนดีกว่า
“เริ่มจากด้านซ้ายก่อนแล้วกัน ถ้าหาอะไรไม่เจอก็ค่อยออกมาหาที่ตึกอื่นก็ได้”
หลังจากตัดสินใจ หลิงม่อก็เคลื่อนไหวเลียบฝั่งซ้ายของห้องโถงไปยังทางเดินด้านซ้ายอย่างช้าๆ
ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ใกล้มาก แต่หลิงม่อก็ยังคงระมัดระวังดวงแสงแห่งจิตของผู้มีความสามารถพิเศษด้านพลังจิตคนนั้นอยู่ทุกวินาที
เจ้าแมงกะพรุนตัวนี้พาเขาเข้ามา แล้วยังสร้างความประทับใจแรกพบให้ยามค้นตัวอีก หากถูกจับได้ หลิงม่อคงต้องหาทางหนีทันที
ในสถานการณ์ที่อีกฝ่ายไม่เห็นรูปลักษณ์ภายนอกของเจ้าแมงกะพรุน ก็คงจะไม่มีจินตนาการที่แปลกประหลาดพอที่จะนึกถึงเจ้าแมงกะพรุนได้
ยิ่งเข้าใกล้ หลิงม่อก็ยิ่งเคลื่อนไหวช้าลง
ดวงแสงแห่งจิตดวงนั้นยังคงเคลื่อนไหวไปทางซ้ายและทางขวา ซึ่งนั่นพอจะทำให้นึกภาพออกว่ายามคนนี้กำลังเดินวนไปวนมา
“โอย นายจะสมาธิสั้นเกินไปแล้ว…”
หลิงม่อต้องพยายามผ่านไปอย่างปลอดภัยให้ได้ แน่นอนว่าต้องเลือกจังหวะที่ยามคนนั้นอยู่ห่างที่สุด แต่เจ้าหมอนั่นกลับเดินไปเดินมา แถมยังเดินเร็วด้วย หลิงม่อจึงหงุดหงิดขึ้นมาชั่วขณะ
และที่โชคร้ายกว่านั้นคือ สุดท้ายเขาก็หยุดยืนอยู่ฝั่งซ้ายของห้องโถง!
“โชคไม่ดีจริงๆ…”
หลิงม่อพูดไม่ออก ทว่าถึงแม้มองไม่เห็น แต่เจ้าแมงกะพรุนกลับมีระบบสัมผัสรู้ต่อสภาพแวดล้อมอยู่ด้วย
ในฐานะมนุษย์ หลิงม่อย่อมไม่มีทางมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสัมผัสรู้ของมัน ทว่าหลังจากมีปฏิกิริยากับ “โลกแห่งดวงจิต” หลิงม่อก็ได้รับข้อมูลที่ถูกส่งกลับมา
“อืม…มีกลิ่นหญ้า ถ้าอย่างนั้นที่นี่ก็ปลูกพืชในร่ม?”
ในห้องโถงใหญ่แบบนี้จะวางต้นไม้เป็นของประดับตกแต่งบ้างก็ไม่แปลก แต่พืชเหล่านั้นได้กลายพันธุ์ไปหมดแล้ว ต้องเป็นคนที่มีรสนิยมแปลกขนาดไหนถึงได้รู้สึกว่ามันน่าชื่นชมกัน…
“สมกับที่เป็นสถานที่ที่สร้างหมายเลข 1 กับซอมบี้สุนัขจริงๆ”
หลิงม่อคิดในใจ ขณะเดียวกันก็ควบคุมให้เจ้าแมงกะพรุนหลบเข้าไปในมุม
หลิงม่อล็อคเป้ากระถางต้นไม้กระถางหนึ่ง โดยหยิบยืมพลังสัมผัสรู้ของเจ้าแมงกะพรุน
เขาจะมัวเสียเวลารอยามคนนั้นเดินกลับไปกลับมาไม่ได้ แทนที่จะรอเฉยๆ สู้หาวิธีที่ปลอดภัยกว่าไม่ดีกว่าหรือ…
“แกร๊ก”
“เสียงอะไร?” ยามสองคนหยุดกึกพร้อมกัน
ไม่นาน คลื่นของดวงแสงแห่งจิตที่เจิดจ้ากว่าปกติดวงนั้นก็รุนแรงขึ้น ขณะเดียวกันพลังงานทางจิตกลุ่มหนึ่งก็พุ่งเข้าไปทางที่เกิดเสียง
แต่ในตอนนั้น บนเพดานมีแสงสีแดงประกายวาบผ่านไปอย่างรวดเร็ว เจ้าแมงกะพรุนวิ่งผ่านศีรษะของผู้มีความสามารถพิเศษคนนั้น และพุ่งเข้าไปในทางเดินฝั่งซ้ายอย่างรวดเร็ว
“สำเร็จ!”
ฉวยโอกาสตอนที่อีกฝ่ายเผลอ วิ่งฝ่าด่านไปอย่างรวดเร็ว อาจฟังดูง่าย แต่ก็ต้องอาศัยการตัดสินใจที่แม่นยำมาก
และการที่หลิงม่อแผ่หนวดสัมผัสของตัวเองออกไปโจมตีกระถางต้นไม้ที่อยู่ข้างล่าง ก็ถือเป็นจุดสำคัญที่ทำให้เขาทำสำเร็จ
“มีเจ้าแมงกะพรุนคอยช่วยนี่เยี่ยมจริงๆ เลย…แค่ระวังตัวให้มากพอ ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะตามหากลุ่มวิจัย แถมความเป็นไปได้ที่สถานที่อย่างนี้จะมีชั้นใต้ดินก็ไม่สูงมาก…”
นิพพานสำนักงานใหญ่ในที่นี้ ความจริงก็คือสำนักงานใหญ่ของบริษัทนิพพานเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์จำกัดนั่นเอง ถึงแม้ในสายตาของผู้รอดชีวิตที่นี่จะยอดเยี่ยมมาก แต่ถึงอย่างไรทรัพยากรที่สามารถใช้ได้หลังเกิดภัยพิบัติก็มีจำกัด หลิงม่อจึงไม่ได้คาดหวังต่อสิ่งอำนวยความสะดวกของที่นี่ในระดับที่เกินจริง ข้อดีของนิพพานสำนักงานใหญ่อยู่ที่จำนวนผู้มีความสามารถพิเศษที่มากกว่า และมีตัวทดลองอีกมากมาย แต่หากหลีกเลี่ยงปลายมีดของพวกเขาไปได้ กลอุบายเล็กๆ ที่ผุดขึ้นมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดของหลิงม่อ กลับเป็นสิ่งที่พวกเขายากจะรับมือได้ (ปลายมีด อุปมาว่า ความสามารถที่แสดงออกมา)
หลิงม่อวิ่งพุ่งเข้าไปในตัวอาคารภายในอึดใจเดียว ขณะเดียวกันเขาก็อดกระตุกยิ้มมุมปากไม่ได้
ตอนนี้ เขาเริ่มสัมผัสได้ถึงกลิ่นเลือดจางๆ โดยผ่านตัวกลางอย่างเจ้าแมงกะพรุนแล้ว…
ในทางเดินที่ทอดยาวเหยียด ถูกความเงียบสงัดกลืนกิน ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงลมพัดอันเบาหวิว
ฝั่งหนึ่งของทางเดิน มีแต่ประตูห้องที่ล้วนถูกปิดแน่นสนิท และไม่สามารถมองเห็นข้างในได้
และทางเดินอีกฝั่งซึ่งมีหน้าต่าง ก็ถูกผ้าม่านสีดำทึบปิดจนมิด
มีเพียงแสงอ่อนๆ ที่ส่องลอดผ้าม่านเข้ามา แต่นั่นไม่เพียงไม่ได้ทำให้ที่นี่ดูสว่างขึ้น ตรงกันข้าม มันกลับทำให้บรรยากาศที่นี่น่าขนลุกไปอีกแบบ
“แอ๊ด…”
ทันใดนั้น ประตูบานหนึ่งถูกผลักออกเบาๆ พร้อมกับที่เงาร่างของหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งสวมเสื้อกาวน์สีขาวเดินออกมาจากในนั้น
ในมือเธอโอบเอกสารชุดหนึ่งไว้ หลังยกมือขึ้นดันแว่นเล็กน้อย เธอก็เดินมุ่งหน้าไปทางบันไดทันที
ทว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าว จู่ๆ หญิงสาวก็ชะลอฝีเท้าให้ช้าลง เธอเผยแววตาสงสัย พร้อมกับหันมองซ้ายมองขวา
แต่หลังจากที่เสียงฝีเท้าของเธอเงียบลง ทางเดินเส้นนี้ก็กลับเข้าสู่ความเงียบสงัดอีกครั้ง และไร้ซึ่งเงาร่างคนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง…
“น่าแปลก เมื่อกี้รู้สึกเหมือนมีคนกำลังจ้องเราอยู่แท้ๆ…”
หญิงสาวหยุดรออยู่ไม่กี่วินาที หลังจากนั้นเธอก็ขมวดคิ้วแล้วเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นกว่าเดิม และไม่นานเธอก็เดินหายไปตรงบันไดทางนั้น
เสียงฝีเท้าห่างออกไปเรื่อยๆ พร้อมกับที่ทางเดินเส้นนี้ได้กลับเข้าสู่ความเงียบงันอีกครั้ง
“นึกว่าจะถูกเธอจับได้ซะแล้ว สัญชาตญาณของผู้หญิงนี่ช่างน่ากลัวจริงๆ…” ในอาคารหอพัก ร่างจริงของหลิงม่อกำลังถอนหายใจโล่งอก
ผู้หญิงคนนี้ทั้งที่ไม่ใช่ผู้มีความสามารถพิเศษ กระทั่งอาจมีความเป็นไปได้มากว่าเธอจะเป็นเพียงคนธรรมดา แต่เธอก็ยังสัมผัสได้แวบหนึ่ง ถือได้ว่าสัญชาตญาณของเธอแรงไม่เบา
แต่ในสภาพแวดล้อมประหลาดๆ อย่างนี้ การที่จะมีสมาธิจดจ่อมากกว่าปกติก็ไม่ใช่เรื่องแปลก…
หลิงม่อไม่คิดว่าที่นี่ถูกทำให้กลายเป็นอย่างนี้ เพื่อจงใจสร้างบรรยากาศน่าขนลุกอย่างนี้ขึ้นมา เห็นได้ชัดว่านี่เป็นกลอุบายการรักษาความลับที่ง่าย แต่มีประสิทธิภาพมาก
สถานที่ที่ถูกปกปิดซ่อนเร้นขนาดนี้ ก็คงจะมีเพียงฐานทดลองและวิจัยของนิพพานสำนักงานใหญ่เท่านั้น…
ที่ที่กลุ่มวิจัยอยู่!
หลังจากเข้ามาที่นี่ กลิ่นคาวเลือดฉุนขึ้นอย่างชัดเจน แถมยังมีกลิ่นของเชื้อไวรัสจางๆ ผสมอยู่ด้วย
ในตอนนั้นเอง มีแมงกะพรุนสีแดงตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งกำลังค่อยๆ ปีนออกมาจากเงามืดบนเพดาน
เจ้าแมงกะพรุนห้อยหัวลงมาจากบนเพดาน และอาศัยเงามืดเพื่ออำพรางกาย จึงยากที่จะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ในสถานที่ที่มีแสงสว่างไม่เพียงพออย่างนี้ เหมาะแก่การทำภารกิจของหลิงม่ออย่างยิ่ง
ฟึบๆๆ…
เสียงเคลื่อนไหวอันเบาหวิวดังขึ้น พร้อมกับที่เจ้าแมงกะพรุนเข้าไปใกล้ห้องที่หญิงสาวคนเมื่อกี้เดินออกมาอย่างรวดเร็ว
เจ้าแมงกะพรุนมีร่างกายที่จับต้องได้ ดังนั้นมันจึงไม่สามารถมุดเข้าไปในทุกที่ดั่งใจอยากได้ อีกอย่างหน้าต่างที่นี่ถูกปิดตายหมดแล้ว ถึงมันจะอ้อมไปทางหน้าต่างของห้องนี้ ก็คงไม่มีความหมายอะไรอยู่ดี
“มันต้องมีช่องระบายอากาศสิ…” หลิงม่อค้นหาอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง แต่เขากลับไม่เจออะไรเลย
หลังครุ่นคิด เขาก็แยกหนวดสัมผัสทางจิตออกไปอีกหนึ่งเส้น จากนั้นก็ควบคุมให้มันมุดเข้าไปในรูกุญแจ
สำหรับหลิงม่อการทำอย่างนี้ถือเป็นเรื่องยากพอสมควร ถ้าหากร่างจริงของเขาอยู่ที่นี่มันก็คงเป็นเรื่องง่ายๆ แต่นี่ตัวเขาอยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตร ซ้ำยังต้องอาศัยความสามารถในการสัมผัสรู้ของเจ้าแมงกะพรุนเพื่อแยกแยะทิศทางอีก ดังนั้นระดับความยากถึงได้เพิ่มสูงขึ้นมาก
หลิงม่อพยายามอยู่หลายสิบวินาที แต่เขาก็ทำสำเร็จในที่สุด
“เห็นอย่างนี้ ก็ถือเป็นการฝึกฝนพลังจิตที่ดีเหมือนกันนะ…”
เมื่อหนวดสัมผัสเข้าไป หลิงม่อก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมา
เรื่องที่ยากสำหรับสถานที่แห่งนี้ก็คือเหล่าผู้มีความสามารถพิเศษที่กระจายตัวกันอยู่ทุกที่ ไม่แน่หากมีคนใช้พลังจิตสำรวจ เขาอาจถูกจับได้ทันทีก็เป็นได้
ทว่าห้องนี้เพิ่งจะมีคนเดินออกไปเมื่อกี้ บางทีข้างในอาจจะไม่มีใครอยู่แล้ว
แต่นี่ก็เป็นเพียงการคาดเดาอย่างหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นหลิงม่อจึงลดความเร็วลงให้มากที่สุด
เมื่อหนวดสัมผัสมุดผ่านเข้าไปในรูกุญแจ หลิงม่อก็สามารถจับคลื่นของดวงแสงแห่งจิตที่อยู่ในห้องได้ทันที…
มีคนอยู่!
หนวดสัมผัสของหลิงม่อหดตัวทันที ขณะเดียวกัน ร่างจริงก็สูดหายใจเฮือก
นิ่งรออยู่หลายวินาที พอพบว่าในห้องไม่มีปฏิกิริยาที่ผิดปกติ หลิงม่อจึงได้ควบคุมให้หนวดสัมผัสแผ่เข้าไปอีกครั้ง
—————————————————————————–