CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - ตอนที่ 733

  1. Home
  2. แฟนผมกลายเป็นซอมบี้
  3. ตอนที่ 733
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

บทที่ 733 เพื่อนร่วมทีมที่เก่งราวเทพเซียน
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลิงม่อดวงตาเป็นประกาย!

ความน่าเชื่อถือของเหยื่อพิเศษชนิดนี้ไม่ต้องสงสัยกันเลย สิ่งที่ต้องพิจารณามีเพียงสองเรื่อง หนึ่งคือมันสามารถใช้ได้กี่ครั้ง สองคือมันมีผลในระยะพื้นที่เท่าใด!

ถ้าหากเป็นไปได้ หลิงม่ออยากได้วิธีการสร้างเหยื่อล่ออย่างนี้ได้เองด้วย ไม่เข้าใจหลักการก็ไม่เป็นไร ขอเพียงทำตามขั้นตอนจนเสร็จก็พอ…

พรึ่บ!

เผลอไปแวบเดียว เอกสารภารกิจแผ่นนี้ก็หลุดออกจากหนวดสัมผัสทันที

ตอนแรก เจ้าหน้าที่วิจัยคนนั้นกำลังจ้องกล้องจุลทรรศน์อย่างใจจดใจจ่อ พลางก้มลงจดบันทึกไปด้วย แต่พอได้ยินเสียงเบาๆ นี้ เธอก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างประหลาดใจ

เธอมองซ้ายมองขวา แล้วตวัดสายตามองไปทางแท่นพาเลททันที

หลิงม่อมองเธอเดินเข้ามาผ่านสายตาของหุ่นซอมบี้อย่างใจเย็น ขณะเดียวกันก็ควบคุมให้เจ้าแมงกะพรุนหดตัวกลับเข้าไปในเงามืดช้าๆ

ความจริงเขาไม่ได้กลัวว่าอีกฝ่ายจะเห็นอะไร ถึงแม้เอกสารรายงานพวกนี้จะถูกทำให้ดูไม่เป็นระเบียบเล็กน้อย แต่หากมันยังไม่ถึงขั้นที่ทำให้เธอรู้สึกสะดุดตา เธอก็จะไม่มีทางรู้ว่าเมื่อกี้มีคนแอบอ่านเอกสารเหล่านี้ใต้เปลือกตาตัวเองแน่นอน เรื่องที่ไม่มีแนวความคิดก็เท่ากับสิ่งที่เราไม่มีวันรู้ หากเธอไม่รู้วิธีและกลอุบายเหล่านี้ของหลิงม่อ และไม่มีประสบการณ์ทำนองเดียวกัน เธอก็จะกลายเป็นเหมือนคนตาบอด ที่มองไม่เห็นความจริงเลย…

เหมือนการควบคุมหุ่นซอมบี้ แนวความคิดที่ทุกคนมีต่อซอมบี้คือความบ้าคลั่ง โหดร้าย และศัตรูตัวฉกาจของมนุษย์ เมื่อมีภาพจำที่ฝังรากลึกอย่างนี้แล้ว ก็ยากที่จะมีใครคาดคิดได้ว่ามนุษย์จะอยู่ร่วมกับซอมบี้ เพราะนั่นมันแหกกฎแนวความคิดเดิม แม้แต่สวี่ซูหานที่ถึงจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของพวกเย่เลี่ยนแล้ว แต่เนื่องจากไม่มีร่องรอยที่พวกเย่เลี่ยนถูกควบคุมปรากฏให้เห็น เธอจึงไม่เคยคิดมาถึงด้านนี้เลย

แน่นอนที่เธอเข้าใจผิดอย่างนี้ ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับตำแหน่งของหลิงม่อในสายตาเธอด้วย : ผู้มีความสามารถพิเศษด้านพลังจิต

แนวความคิดโดยรวมถือว่าไม่ผิด แต่ถ้าหากจำแนกอย่างละเอียด ความจริงหลิงม่อมีพลังประเภทควบคุมต่างหาก…

ดังนั้นถึงแม้จะสังเกตเห็นเงื่อนงำหรือข้อมูลไม่น้อยแล้ว แต่ถ้าหากทิศทางความคิดในตอนแรกผิดพลาด ผลที่ได้ก็จะห่างไกลจากความจริงไปมาก และหลิงม่อก็ยึดหลักจิตวิทยานี้มาใช้เสมอ ตอนนี้ที่เขาสามารถใช้เล่ห์เหลี่ยมกับเจ้าหน้าที่วิจัยหญิงคนนี้ได้ ก็เพราะหลักการเดียวกันนี้

เจ้าหน้าที่วิจัยหญิงหยุดเดินอยู่ตรงหน้าแท่นพาเลท แล้วขมวดคิ้วหยิบเอกสารแผ่นบนสุดขึ้นมา

จากสายตาของเธอเดาได้ไม่ยากว่าเธอกำลังสงสัยอยู่

“วันนี้มันอะไรกันเนี่ย?” ประตูไม่ได้ปิด จู่ๆ แฟ้มเอกสารบนชั้นวางก็ตก แล้วยังมีเสียงที่ดังมาจากทางแท่นพาเลทนี้อีก เธอไม่ได้คิดว่ามีใครมาหยิบจับ แต่เสียงนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรกันล่ะ…เจ้าหน้าที่วิจัยหญิงละสายตาออกไป จากนั้นก็มองไปรอบๆ เธอยื่นมือไปใต้โต๊ะวางเครื่องมือแล้วดึงลิ้นชักออก กรรไกรเล่มหนึ่งถูกหยิบขึ้นพร้อมกับสายตาที่ฉายแววเยือกเย็นของเธอ

พอเห็นท่าทางระมัดระวังตัวของเธอ หลิงม่อก็แอบผิดคาดเล็กน้อย

สมกับที่เป็นคนของสำนักงานใหญ่ เธอมีความระมัดระวังมากกว่าที่เขาคิดไว้มาก…

ทว่าถึงอย่างไรเธอก็ไม่รู้ว่ามีพลังควบคุมอยู่ ระวังตัวไปก็เปล่าประโยชน์ เธอไม่มีทางรู้หรอกว่าคนที่อยู่เบื้องหลังตอนนี้กำลังจ้องเธออย่างองอาจ…

“เอ๋? มุ่งมั่นเหมือนกันนะเนี่ย…”

หลิงม่อครุ่นคิด แล้วจู่ๆ เขาก็เลื่อนสายตามองไปที่ด้านหลังเจ้าหน้าที่วิจัยหญิง

แป๊ก!

ทันใดนั้น ห้องทั้งห้องก็มืดลง หลังจากที่โคมไฟที่เป็นแหล่งไฟเพียงหนึ่งเดียวดับลง ห้องที่แขวนผ้าม่านทึบแสงไว้แห่งนี้ก็มืดสนิททันที

ทว่าหลิงม่อที่ซ่อนตัวอยู่ในสมองของหุ่นซอมบี้กลับมองเห็นสถานการณ์ในห้องผ่านสายตาของซอมบี้ได้อย่างชัดเจน ฉวยโอกาสตอนที่หญิงสาวถอยกรูดไปชิดกำแพงด้วยความตกใจ หลิงม่อรีบใช้หนวดสัมผัสและดวงตาของซอมบี้กวาดมองบนชั้นวางทันที วิธีการควานหาของเขาคือดึงแฟ้มเอกสารแต่ละอันออกมาเล็กน้อย แล้วให้เจ้าหุ่นซอมบี้ยืนยันหัวข้อวิจัยที่เขียนติดไว้บนนั้น

โชคดีที่นิพพานจัดระเบียบและแยกแยะเอกสารไว้อย่างเป็นระเบียบ แฟ้มเอกสารทุกแฟ้มมีเครื่องหมายชัดเจน อ่านแวบแรกก็พอจะเข้าใจเนื้อหาคร่าวๆ ในนั้นแล้ว

“เป็นครั้งแรกที่อยากจะยกนิ้วให้ความเข้มงวดของนิพพาน ไม่สิ ยกนิ้วให้สามสิบสองครั้งเลย…”

หลิงม่อกวาดอ่านอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็สังเกตเจ้าหน้าที่วิจัยหญิงที่กำลังตื่นตระหนกไปด้วย

แต่สมกับเป็นนักวิจัยหญิงใจกล้าที่ใช้เครื่องซ็อตและขวานเป็น ถึงแม้เธอจะตื่นตระหนกและหวาดกลัวมาก แต่เธอกลับถือกรรไกรไว้แน่น และเดินลูบคลำไปทางโคมไฟช้าๆ

และในระหว่างนี้ เธอยังสามารถเดินไปโดยไม่ส่งเสียงออกมาซักแอะได้ด้วย

“ถ้าเป็นสวี่ซูหาน คงจะนั่งมุดหน้ากับเข่าแล้วกรี๊ดเสียงแหลมอยู่ในมุมห้องไปแล้ว…” หลิงม่อคิดอย่างขนลุก

หลิงม่อเดาว่าสายตาของเจ้าหน้าที่วิจัยหญิงคนนี้คงใกล้จะชินกับความมืดแล้ว หนวดสัมผัสของเขาชะงัก แล้วกดเปิดสวิตช์ดัง “แป๊ก” อีกครั้ง

มือของเจ้าหน้าที่หญิงเพิ่งจะยื่นไปทางโคมไฟ แต่ไม่คิดว่าเธอยังไม่ทันกด แสงไฟก็สว่างวาบขึ้นมาทันที

ครั้งนี้เธอไม่เพียงตกใจมาก แต่ถูกแสงไฟสาดกระทบดวงตาตรงๆ ด้วย

เธอถอยกรูดอย่างหวาดกลัว จนกระแทกชนเข้ากับโต๊ะด้านหลังดัง “โครม” หลิงม่อจึงรีบปิดไฟอีกครั้งอย่างไม่รีรอ

ฉวยโอกาสนี้ หลิงม่อรีบดึงแฟ้มเอกสารทั้งหมดข้างหลังออกมากวาดอ่านดูอย่างรวดเร็ว

“ฮั่ก…ฮั่ก…”

เจ้าหน้าที่วิจัยหญิงดูหวาดกลัวมาก ตอนนี้เธอมองเห็นเพียงดวงตาสีแดงก่ำหลายคู่กำลังจ้องมาทางตัวเอง

ทว่าไม่นานเธอก็ใจเย็นลง แล้วยื่นมือไปทางโคมไฟอีกครั้ง

แป๊ก…

แสงสว่างปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่บรรยากาศในห้อง กลับเงียบกริบ…

“เอ่อ…”

หญิงสาวอึ้งไปเล็กน้อย แต่หลังจากมองซ้ายมองขวา ก็พบว่าทั้งหน้าต่างและประตูต่างก็ถูกลงกลอนไว้อย่างดีแล้ว

“ไฟตกหรอ?” สุดท้ายเธอก็เลื่อนสายตาไปมองโคมไฟบนโต๊ะ

แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆ เสียง “เกร๊ง” ก็ดังขึ้น ทำให้เธอสะดุ้งตกใจตามสัญชาตญาณอีกครั้ง

เธอหันขวับไปมองทางกรงขังอย่างสะพรึงกลัว

ซอมบี้สภาพสะบักสะบอมตัวหนึ่งกำลังจ้องเธอด้วยสายตาน่ากลัว หัวของมันแนบติดอยู่กับกรงขัง

“ฮู่ว…” เจ้าหน้าที่วิจัยหญิงถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น

เจ้าสัตว์ประหลาดนี่…จู่ๆ ก็มาทำให้เธอตกใจ…

แต่สิ่งที่เธอไม่ได้สังเกตคือ ด้านหลังเธอ ประตูห้องบานนั้นกำลังถูกเปิดออกอย่างเงียบๆ อีกครั้ง…

“แค่ห้องวิจัยห้องเดียว ก็ได้ข้อมูลมาเยอะขนาดนี้แล้ว!” ในอาคารหอพัก หลิงม่อกำลังยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก พร้อมกับเผยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ

ถึงแม้ตอนหลังเขาจะหาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับเหยื่อล่อพิเศษนั้นไม่เจอ แต่อย่างน้อยการได้ล่วงรู้เรื่องนี้ก่อน ก็ถือว่าดีมากแล้วสำหรับหลิงม่อ

“คิดถูกจริงๆ ที่มานิพพานสำนักงานใหญ่ แต่ไม่รู้ว่าร่างแม่ตัวนั้นอยู่ที่ไหน แล้วยังมีเจ้าของสมุดโน้ตเล่มนั้นอีก…”

ถึงอย่างไรก็เป็นตึกใหญ่ตึกหนึ่ง หลิงม่อเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะหาข้อมูลได้ครบภายในหนึ่งชั่วโมงนี้ แต่ในสองสามวันต่อจากนี้ เขาจะต้องพลิกแผ่นดินหาข้อมูลของกลุ่มวิจัยมาให้หมด

สำหรับหลิงม่อ ตัวทดลองเหล่านั้นที่กลุ่มวิจัยจับมาถือเป็น “ไส้ศึก” ที่ดีที่สุด และเป็นเหตุผลที่ทำให้หลิงม่อมั่นใจในการแฝงตัวเข้ามา!

ก็ช่วยไม่ได้ ในเมื่อสิ่งที่กลุ่มวิจัยไม่ขาดแคลนก็คือ ซอมบี้…

“พะ…พี่หลิง” เสียงของมู่เฉินดังเข้ามาจากนอกห้อง

เมื่อกี้หลิงม่อใช้พลังจิตไปมาก เขาจึงเตรียมตัวจะพักผ่อนอยู่พอดี พอได้ยินเสียงเรียกเขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปเปิดประตู

“ฉันจะถามว่า…เอ๋ สีหน้านายดูไม่ค่อยดีเลยนะ” ตอนแรกสีหน้าของมู่เฉินเหมือนคนที่อดทนไม่ไหวแล้ว แต่ปรากฏว่าพอเห็นหลิงม่อเขาก็นิ่งไป

เขายังกังวลว่าหลิงม่อจะหาทางไม่ได้ กำลังคิดว่าจะบอกให้หลิงม่อเลิกหาทางเอง แล้วลองออกไปเดินสำรวจกับเขาดีไหม แต่ไม่คิดว่าจะเห็นหลิงม่อในสภาพนี้ เขาคุ้นเคยกับสีหน้าอย่างนี้ของหลิงม่อดี หลังจากที่ใช้พลังจิตเจ้าหมอนี่จะมีสภาพอย่างนี้ทุกครั้ง เส้นเลือดในดวงตาเขาจะแดงขึ้น เหมือนคนที่อดหลับมาครึ่งคืน

“นายพูดเข้าประเด็นเลยเถอะ” หลิงม่อนวดขมับ พลางยืนพิงกำแพงแล้วพูดขึ้น

มู่เฉินกลืนน้ำลาย กระพริบตาปริบๆ แล้วถามว่า “นายคงไม่ได้…เริ่ม…ไปแล้วหรอกนะ?”

ความจริงมันเป็นคำถามที่โง่มาก หลิงม่อเป็นถึงขนาดนี้แล้ว คงไม่ใช่เพราะเขากำลังลองทำอะไรที่ก้ำกึ่งอยู่แน่นอน เรื่องนี้มู่เฉินก็พอจะรู้อยู่บ้าง แต่ในสถานการณ์ที่รู้คำตอบดีอยู่แล้วอย่างนี้ เขาก็ยังคงอดถามออกมาไม่ได้ เพราะเขาไม่รู้จะเชื่อเลยทั้งที่ไม่ได้ถามได้อย่างไร…

“ก็ใช่น่ะสิ” หลิงม่อพยักหน้า

“…” มู่เฉินเบิกตากว้างจ้องหลิงม่อ เรื่องที่ยากขนาดนี้เขากลับสามารถทำสำเร็จได้โดยที่ไม่ก้าวเท้าออกนอกห้องเลยได้อย่างไร แล้วยังมาทำหน้าของมันแน่อยู่แล้วอย่างนั้นอีก! น้ำเสียงเรียบๆ อย่างนี้มันหมายความว่าไงกัน ถ่อมตัวหน่อยจะตายไหม หา!

“โรคจิตขนานแท้…” มู่เฉินยังคงจ้องหน้าหลิงม่ออย่างไม่ละสายตา

จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าการดูลาดเลาของตัวเองไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย ความจริงแล้วเขากำลังเฝ้าดูว่าเมื่อไหร่หลิงม่อจะกระโดดลงจากห้องพักซักที…

ถ้าจะเงียบกริบขนาดนี้แล้วเขาจะดูลาดเลาไปเพื่ออะไร! ที่แท้เขาก็เป็นได้แค่โล่กันธนูเท่านั้นสินะ

มู่เฉินพูดไม่ออก เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเพราะเขาไม่ได้เรื่อง แต่เป็นเพราะเขามีเพื่อนร่วมทีมที่เก่งราวเทพเซียนต่างหาก

แต่สำหรับเขา หลิงม่อเป็นเหมือนเทพแห่งหายนะมากกว่า!

“นายยังไม่กลับไปอีก?” หลิงม่อทำทีเป็นเห็นใจ “ไม่แน่อีกเดี๋ยวนายอาจถูกตามไปแสดงละครฉากสองก็ได้นะ ถ้าหากผู้บริหารระดับสูงของนิพพานร้ายกาจมาก นายอาจต้องแสดงละครฉากสามฉากสี่ด้วยก็ได้ ยิ่งพูดหลายรอบ ความน่าเชื่อถือก็ยิ่งเพิ่มขึ้นนี่นะ โดยเฉพาะในตอนที่นายกำลังเหน็ดเหนื่อยสุดขีดอย่างนี้”

“นี่! ลงเรือลำเดียวกันแล้วแท้ๆ นายไม่เห็นต้องมาชอบใจกับความทุกข์ของฉันเลยนะ!” มู่เฉินโวยวาย “ถึงยังไงเรื่องที่ฉันเล่าก็เป็นเรื่องจริงทั้งหมด”

เขาพูดเกินจริงไปเล็กน้อย สิ่งที่เขาเล่าถือเป็น “เรื่องจริงส่วนมาก” ถึงจะให้ผู้มีความสามารถพิเศษด้านพลังจิตมาตรวจจับว่าเขาโกหกหรือไม่ ก็ยากจะถูกจับได้ อะไรที่ควรพูดอะไรที่ไม่ควรพูด เรื่องพวกนี้พวกเขาได้ถกเถียงกันอย่างละเอียดระหว่างทางที่มาเมืองเฮยสุ่ยแล้ว

ถึงแม้สำนักงานใหญ่จะนึกสงสัยอยู่บ้าง แต่พวกเขาก็ต้องเดินทางไปยืนยันถึงเมืองตงหมิง ดังนั้นทั้งสองจึงไม่จำเป็นต้องกลัว

“อ้อ ใช่สิ นายบอกฉันได้ไหมว่า…นายทำได้ยังไง?” ครั้งนี้มู่เฉินไม่หลงกลตกลงไปในหลุมที่หลิงม่อขุดไว้ ไม่นานเขาก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้าตัวเองกำลังสงสัยเรื่องอะไรอยู่ จึงรีบดึงเรื่องกลับมาที่หัวข้อเดิม

“บอกไม่ได้” หลิงม่อให้คำตอบเขาภายในหนึ่งวินาที

“นายคิดดูอีกทีเถอะ อย่างไรเราก็ลงเรื่อลำเดีย…”

“ปัง!”

มู่เฉินจ้องบานประตูที่ปิดใส่หน้าเขาอย่างหงุดหงิด

“เชี่ย!” หลังจากสบถอย่างอารมณ์เสีย เขาก็สะบัดหน้าเดินจากไป

ทว่าขณะเดียวกับที่เขาหมุนตัวเดินออกไป ในใจกลับอดคิดไม่ได้ว่า เจ้าหลิงม่อนี่ร้ายกาจมากจริงๆ…

เดิมทีเขาไม่ค่อยเห็นด้วยกับภารกิจในครั้งนี้ แต่ตอนนี้จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่า ไม่แน่พวกเขาอาจทำสำเร็จจริงๆ ก็ได้…

“ซอมบี้…สามารถรักษาความเป็นคนไว้ได้จริงๆ หรอ? ถ้าอย่างนั้นก็ไม่น่าเรียกว่าซอมบี้แล้วสิ? เรียกว่าอะไรดีล่ะ…”

—————————————————————————

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "ตอนที่ 733"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์