แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - ตอนที่ 756
บทที่ 756 ขายต่อ
โดย
Ink Stone_Fantasy
ทว่ายิ่งกังวลเธอก็ยิ่งคิดมากขึ้นไปอีก หรือว่าเจ้าซอมบี้ตัวนี้…ไม่รู้ว่าผู้มีความสามารถพิเศษคืออะไร?
พอคิดถึงจุดนี้ หลันหลันก็เริ่มเหงื่อซึม ดูจากปฏิกิริยาของมันก็เหมือนจะมีความเป็นไปได้สูง! ไม่น่าล่ะมันถึงได้ใจเย็นขนาดนั้น ที่แท้เป็นเพราะไม่รู้อะไรเลยนี่เอง!
ผู้ไม่รู้ย่อมไม่กลัว สุภาษิตนี้ช่างกล่าวไว้ได้ถูกต้องนัก!
แต่เสียงฝีเท้าตรงบันไดใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว หลันหลันไม่กล้าอ้าปากพูด ทำได้เพียงกำหมัดที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อแน่นๆ
เธอเพ่งสมาธิจนตึงเครียด พลางสะสมพลังกายเพื่อรอวินาทีที่จะถูกจับได้
ความเป็นไปได้ที่จะจัดการซอมบี้ได้ในทันทีที่ลงมือมีน้อยมาก เธอหวังเพียงว่าตัวเองจะแย่งตัวเหล่าหลันมาได้ทันทีเท่านั้น
ถึงแม้หลันหลันอายุไม่มาก แต่เธอกลับเป็นคนค่อยข้างรู้จักคิดในบางเรื่อง ที่พวกเขาสองพ่อลูกมีชีวิตที่ดีกว่าคนอื่นได้เป็นเพราะอะไรล่ะ? เพราะความสามารถของเหล่าหลันไง!
บางที อาจมีนักเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่เก่งกาจกว่าเหล่าหลันอีกหลายคนในประเทศนี้ แต่ในพื้นที่โซนนี้ เหล่าหลันคือบุคลากรเชี่ยวชาญเฉพาะทางเพียงหนึ่งเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ และเป็นเพียงคนเดียวที่พวกเขาสามารถหาตัวเจอ
เขาต่างหากที่เป็นสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงของนิพพานสำนักงาใหญ่!
ดังนั้นถึงแม้สำนักงานใหญ่จะไม่เชื่อว่าพวกเขาถูกซอมบี้ตัวหนึ่งหลอกล่อไป กระทั่งมีความเป็นไปได้ว่าสำนักงานใหญ่อาจสรุปว่าสาเหตุของความวุ่นวายทั้งหมดที่เกิดขึ้นเพราะพวกเขา แต่อย่างน้อยพวกเขาก็จะยังปลอดภัย อย่างมากก็แค่ ต่อไปอาจถูกจำกัดอิสระ…
ส่วนเจ้าซอมบี้…หลันหลันไม่คาดหวังอยู่แล้วว่ามันจะสามารถชนะได้
มันเป็นแค่ซอมบี้ที่มีการกลายพันธุ์ส่วนสมอง จะมีพลังต่อสู้แค่ไหนกันเชียว? ถึงแม้มันจะมีฝีมืออยู่บ้าง แต่กลุ่มคนที่กำลังเดินเข้ามานี้ เป็นไปได้มากว่าอาจเป็นผู้มีความสามารถพิเศษกันหมด
พวกเขาวิ่งมาถึงที่นี่ในสถานการณ์อย่างนี้ได้ จะไม่มีการเตรียมตัวมาก่อนเชียวหรือ? ยิ่งไปกว่านั้น คนกลุ่มนี้มีประสบการณ์การต่อสู้อันโชกโชน เด็กสาวตัวเล็กๆ คนเดียวอย่างเธอไม่สามารถเทียบได้อยู่แล้ว
คนประเภทนี้มารวมกลุ่มกัน ปะทะกับซอมบี้แค่ตัวเดียว พวกเขาย่อมมีกำลังเหลือเฟืออยู่แล้ว!
แต่พอคิดถึงตรงนี้ จู่ๆ ภาพรอยยิ้มก่อนหน้านี้ของเหล่าหลันกลับผุดขึ้นมาในหัวหลันหลัน
ความสุขที่ออกมาจากข้างในจริงๆ ความสุขที่แม้แต่ตอนที่เขาสร้างเจ้าหมายเลข 1 เธอยังไม่เคยได้เห็นจากเขา
บางทีเหล่าหลันอาจไม่ได้อยากสร้างอาวุธต่อสู้อะไรทั้งนั้น นี่อาจไม่ใช่ความฝันเขา แต่เป็นความฝันของนิพพานต่างหาก
ความจริงแล้วสิ่งที่เขาอยากสำรวจและวิจัยค้นคว้าจริงๆ อาจเป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่อย่างซอมบี้มากกว่า…
เธอลอบถอนใจในใจ แล้วเหลือบมองเหล่าหลันเล็กน้อย ในใจพลางคิด “อย่างน้อยก็น่าจะยังเหลือศพของมันอยู่ คงจะซึมไม่นานเท่าไหร่หรอกมั้ง…”
แต่สิ่งที่เหล่าหลันกำลังคิดอยู่ในตอนนี้ กลับเป็นอีกเรื่องที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เขากำลังกระพริบตารัวๆ ด้วยความกังวล ในใจพลางท่องว่า “ขออย่าให้ถูกจับได้เลยๆๆ!”
ยิ่งซอมบี้ตัวนี้ผิดปกติ เขายิ่งคาดหวังสูงขึ้น!
ดูตอนนี้สิ เขากับหลันหลันกำลังตัวสั่นด้วยความตื่นตระหนก แต่เจ้าซอมบี้ตัวนี้กลับนั่งหมอบอย่างใจเย็นอยู่ตรงนั้น
อะไรคือยอดคน…ไม่สิ อะไรคือยอดซอมบี้? มันนี่แหละยอดซอมบี้ของจริง!
นี่เป็นครั้งแรกที่เหล่าหลันสนใจเรื่องอื่นนอกจากการผ่าชำแหละซอมบี้ เขามีความรู้สึกรางๆ ว่า หากไปกับซอมบี้ตัวนี้ บางทีเขาอาจได้สัมผัสถึงแก่นแท้ของเชื้อไวรัสก็เป็นได้…
“ยังตรวจจับไม่เจออีกหรอ?” หัวหน้าทีมซ่งเร่ง
เขาเร่งเร้าอย่างหมดความอดทนแทบจะทุกก้าวที่เดิน เห็นได้ชัดว่าปัญหานี้ใหญ่หลวงแค่ไหน ตอนนี้เขากำลังนึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง ตอนนั้นสถานการณ์วุ่นวายมาก เขากลับลืมนึกถึง “สมบัติมีชีวิต” ชิ้นนั้นไปเสียสนิท…ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรกับรองหัวหน้าทีมท่านั้นล่ะก็ ทีมวิจัยคงเหลือแต่ชื่อเท่านั้น!
ทว่าถึงจะนึกขึ้นได้ แต่สถานการณ์ตอนนี้ก็ไม่อาจจะบุกเข้าไปได้ทันที ดังนั้นถึงจะนึกเสียใจแค่ไหน ตอนนี้ก็ทำได้เพียงคิดหาทางแก้ไขให้เร็วที่สุดเท่านั้น
ความจริงเขาคิดว่าตัวเองเคลื่อนไหวได้เร็วมากแล้ว เพราะตอนนี้เหตุการณ์วุ่นวายเพิ่งจะเกิดขึ้นยังไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ
สถานที่ที่รองหัวหน้าทีมอาศัยอยู่มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา แถมยังสามารถส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือได้ตลอดเวลา คงไม่ถึงขั้นถูกเล่นงานเร็วขนาดนั้น…
หลิงม่อเงยหน้าอย่างเหนื่อยล้าเต็มทน “ยังอยู่ข้างบนอยู่เลย”
เขาเพิ่งพูดจบ ก็ได้ยินเสียงดังสนั่น “เคร้งง” ดังลงมาจากข้างบน เหมือนมีบางสิ่งกระแทกราวกั้นบันได ฟังจากเสียงเหมือนจะเกิดขึ้นระหว่างชั้นสี่กับชั้นห้า
หลันหลันได้ยินเสียงนี้ก็ตัวสั่นทันที เหล่าหลันเองก็จับแขนซอมบี้แน่นโดยอัตโนมัติ การกระทำนี้หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นคงไม่สามารถทำได้ แต่ความคิดของเหล่าหลันกลับมีแต่เรื่องเชื้อไวรัส อย่าว่าแต่เจ้าหุ่นซอมบี้ยังมีรูปร่างเป็นมนุษย์อยู่เลย ถึงแม้มันจะมีรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัวกว่านี้เขาก็ไม่รังเกียจ…
แถมพอยื่นมือไปจับ เขาก็ยังรู้สึกตื่นเต้นมาก จนเผยรอยยิ้มเลื่อนลอยออกมาทันที
หลิงม่อตัวจริงที่อยู่ห่างแค่ไม่กี่เมตรทำหน้าตึง เขาสะบัดข้อมือออกโดยสัญชาตญาณ…ตาแก่บ้านี่!
พวกหัวหน้าทีมซ่งพอได้ยินเสียงก็เงยหน้ามองขึ้นไปข้างบนทันที
“ไม่ผิดแน่ อยู่ข้างบนนั้น!” หัวหน้าทีมซ่งตะโกน
เขาหันกลับมามอง แต่กลับพบว่าหลิงม่อยืนพิงผนัง ราวกับพลังจิตของเขาหมดแล้ว
พอเห็นเขามองมา หลิงม่อเพียงโบกมือเป็นสัญญาณว่าพวกเขาขึ้นไปได้แล้ว
หัวหน้าทีมซ่งลังเลเล็กน้อย แต่พอคิดว่าจะเสียเวลานานกว่านี้ไม่ได้ เขาจึงรีบโบกมือ “พวกเราขึ้นไปกันเถอะ!”
ผู้มีความสามารถพิเศษอีกสามคนรีบวิ่งตามหัวหน้าทีมซ่งขึ้นไปชั้นบน มีเพียงมู่เฉินที่เดินช้าๆ ด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก จนเดินอยู่ข้างหลิงม่อ
เมื่อเงาร่างของพวกหัวหน้าทีมซ่งหายไป หลิงม่อก็รีบยืนตัวตรง พร้อมกับดวงตาที่เปล่งประกายขึ้น
“เชี่ยย นายนี่มันทักษะการแสดงขั้นเทพจริงๆ!” มู่เฉินพูดเสียงเบา
“ที่ไหนกัน เมื่อกี้ฉันฉวยโอกาสพักฟื้นต่างหาก” หลิงม่อบอก “นายเฝ้าอยู่ตรงนี้แล้วกัน ฉันจะไปดูหน่อย”
เขาพูดพลางเดินออกจากบันได แล้วเข้าไปยังทางเดินในชั้นนี้
“เฮ้ย บอกก่อนเซ่ว่านายจะไปทำอะไร!” มู่เฉินยืเบิกตากว้างอยู่ข้างหลัง
หลิงม่อเองก็ไม่กลัวว่ามู่เฉินจะตามเขามา เจ้าคนช่างพูดคนนี้ก็มีข้อดีเหมือนกัน ถึงเขาจะชอบถามมาก แต่กลับให้ความร่วมมือกับการตัดสินใจของหลิงม่อเสมอ
ทำได้ขนาดนี้ก็ถือว่ามากพอแล้ว โดยเฉพาะสำหรับคนอยากรู้อยากเห็นอย่างเขา ที่เขาสามารถข่มความอยากรู้ตัวเองมาได้ตลอดอย่างนี้ ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาเชื่อใจหลิงม่ออย่างไร้ข้อแม้
แต่บางที แม้แต่เจ้าตัวก็อาจยังไม่รู้เรื่องนี้ตัวด้วยซ้ำ…
ขณะเดียวกัน เจ้าซอมบี้ใช้ฝ่ามือยันเข่าแล้วลุกขึ้นยืน “ฉันจะออกไปดูหน่อย”
สองพ่อลูกยังคงไม่หายจากอาการตื่นตระหนก พวกเขาได้ยินเสียงฝีเท้าที่วิ่งไปข้างบนนั้นอย่างชัดเจน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่อยากเชื่อเลยว่า อีกฝ่ายจะมองข้ามพวกเขาไปได้อย่างง่ายดายขนาดนี้
ผู้มีความสามารถพิเศษด้านพลังจิตคนนั้น…ทำไมถึงไม่มีปฏิกิริยาเลยซักนิดล่ะ? หรือเป็นเพราะเสียงเคลื่อนไหวข้างบนนั้น ทำให้พวกเขาไขว้เขวอย่างนั้นหรอ?
คำถามมากมายผุดขึ้นมาในสมองไม่หยุด ทำให้ทั้งสองคนตอบสนองต่อสิ่งที่เจ้าซอมบี้พูดไม่ทัน…
พอพวกเขาได้สติกลับคืนมา เจ้าซอมบี้ก็เดินออกไปแล้ว แถมยังปิดประตูให้พวกเขาอีกต่างหาก
“คือว่า…” หลันหลันมองหน้าเหล่าหลันเหมือนยังไม่ได้สติดี
สองพ่อลูกมองหน้ากันครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆ เหล่าหลันก็ยื่นมือจับขอบหน้าต่างแล้วลุกขึ้นพรวด “ไม่ได้การ ฉันต้องไปดูหน่อยแล้ว”
“นี่พ่อยังกลัวเจ้าซอมบี้ตัวนั้นจะหนีไปอีกหรอ!” หลันหลันพูดอย่างเหลือเชื่อ
“ก็ใช่น่ะสิ” เหล่าหลันกลับพยักหน้าอย่างจริงจัง จากนั้นก็พูดเสริมว่า “ศพของมันไม่มีประโยชน์ มีเพียงความคิดของมันเท่านั้นที่มีประโยชน์”
คำพูดนี้ยืนยันความคิดของหลันหลัน และแสดงให้เห็นถึงเจตนาที่แท้จริงของเขา
“ขี้เกียจจะสนใจพ่อแล้ว” หลันหลันยกมือเท้าคาง พลางทำหน้าบึ้งตึง
แต่พอเหล่าหลันยื่นมือไปจับกลอนประตูแล้วบิดไปบิดมา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที “ประตูถูกล็อกแล้ว”
หลันหลันชะงัก แล้วเธอก็ลุกขึ้นไปลองเปิดดู
หลายวินาทีผ่านไป เธอยกเท้าเตะออกไปอย่างแรง แล้วตะโกนเดือดดาล “ไอ้บ้านั่น! ถึงขนาดนี้แล้วมันยังกลัวว่าเราจะหนีไปอีก คนบ้า…ถุยๆ ซอมบี้บ้า!”
ผ่านไปไม่กี่นาที เจ้าซอมบี้ก็กลับมา
ประโยคแรกที่มันพูด ทำให้สองพ่อลูกต้องตะลึงค้างไปอีกครั้ง “ฉันพามนุษย์มาคนหนึ่ง พวกเธอไปกับเขาเถอะ”
“หมายความว่าไง?” หลันหลันกระพริบตาปริบๆ แล้วถามซ้ำอย่างงุนงง
“คิดดูสิ พวกเธอไปกับฉันไม่สะดวกใช่ไหมล่ะ? ดังนั้นฉันก็เลยหามนุษย์มาคนหนึ่ง เขาจะพาพวกเธอไปยังสถานที่หนึ่ง จากนั้นฉันจะใช้เขาให้เอาข้อมูลการวิจัยบางส่วนไปให้พวกเธอ” เจ้าซอมบี้พูดรัวและเร็ว “ส่วนเรื่องที่ฉันกับเขาเกี่ยวข้องกันอย่างไร เรื่องนี้พวกเธอไม่ต้องรู้ แล้วก็ไม่ต้องถามด้วย”
“นี่มัน…แก…” เหล่าหลันมึนตึ๊บไปหมดแล้ว แต่หลันหลันมีปฏิกิริยาตอบสนองทันที
“ที่แท้นายก็วางแผนมาตั้งแต่แรกแล้ว…แต่ว่าทำไมนายกับเขาถึงได้…รู้จักกัน?” หลันหลันขมวดคิ้วถาม
เจ้าซอมบี้ฉีกยิ้ม จากนั้นก็ยกนิ้วชี้มาที่ศีรษะตัวเอง “ส่งโทรเลขไง”
“แกหมายถึง…” เหล่าหลันเบิกตากว้างด้วยความช็อก
ส่งโทรเลขหมายความว่าอะไรล่ะ? ที่เจ้าซอมบี้พูด หมายถึงการสื่อสารทางจิตไง!
ถ้ามันทำได้ถึงขั้นนี้ สมองของมันจะกลายพันธุ์ไปถึงขั้นไหนแล้วล่ะ?
“ความจริงเขาคนนี้เป็นคนสอนอะไรฉันหลายอย่างเลยล่ะ ดังนั้นพวกเธอไปกับเขาได้ไม่ต้องเป็นห่วง” เจ้าซอมบี้บอก
เหล่าหลันสูดหายใจลึก จากนั้นก็ถามอย่างคาดหวังว่า “เขาอยู่ที่ไหน?”
เจ้าซอมบี้วางแผนได้ขนาดนี้ ช่างเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่ทำลายทัศนคติที่ผ่านมาของเหล่าหลันจริงๆ!
ถึงแม้จะถูกส่งตัวไปให้คนอื่น แต่ในสถานการณ์ที่ทัศนคติถูกทำลาย เหล่าหลันไม่มีความเห็นต่างแต่อย่างใด
เขากลับสงสัยเสียอีก คนแบบไหนกันแน่ที่ร่วมมือกับซอมบี้ แล้วยังให้คำแนะนำกับซอมบี้อีก?
แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือ แผนการนี้ฟังดูเข้าท่าที่สุดแล้ว…
กลับเป็นหลันหลันที่ดูไม่ค่อยพอใจนัก เพราะนี่มันไม่ต่างจากขายพวกเขาให้คนอื่นต่อเลยนี่นา…
“รออยู่ข้างนอก แต่เขาอยู่กับมนุษย์คนอื่นด้วย ดังนั้นพวกเธอจะหลุดปากพูดเรื่องของฉันออกไปไม่ได้เลยแม้แต่น้อย จะให้ดีไม่ต้องพูดอะไรเลย” เจ้าซอมบี้ตักเตือน
ความจริงเขาไม่จำเป็นต้องพูดอย่างนี้ก็ได้ ถึงแม้เหล่าหลันจะเป็นมีนิสัยบ้า แต่กลับมีนิสัยเจ้าเล่ห์
ที่นิพพานให้ความสำคัญกับเขา ก็เพราะที่ผ่านมาพวกเขาใช้เป็นเครื่องมือ ในสถานการณ์ที่ต่างคนต่างอาศัยซึ่งกันและกัน พวกเขาถือว่าร่วมมือกันได้อย่างดีเสมอมา
แต่เมื่อผลประโยชน์ที่ได้รับมันมากมาย ก็จะไม่มีใครสนใจความรู้สึกที่ถูกใช้เป็นเครื่องมืออีกต่อไป
ถ้าเขาเปิดปากพูดเรื่องพวกนี้ออกไปก่อน เขาก็คงไม่ต่างจากหลวงจีนที่ชอบสวดอะไรพึมพำ แล้วพูดจาหลอกลวงทำนองว่า “กินเนื้อฉัน แล้วจะไม่มีวันแก่” เลยซักนิด…
ดังนั้นเหล่าหลันจึงพยักหน้าแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ!”
เจ้าซอมบี้หันไปมองหลันหลันอีกครั้ง เด็กสาวหยักหน้าโดยไม่พูดอะไรอีก “ฉันรู้แล้ว…”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเธอก็ออกไปเถอะ ฉันจะอยู่ที่นี่” เจ้าซอมบี้โบกมือ
หลันหลันเพิ่งสังเกตเห็นว่ากระเป๋าของเจ้าซอมบี้ไม่เหลืออะไรแล้ว กระเป๋าสัมภาระที่คาดเอวไว้ก็หายไปแล้วเช่นกัน ดูเหมือนมันจะเอาให้มนุษย์คนนั้นไปแล้ว…
“นายจะออกไปอย่างไร?” เหล่าหลันถามอย่างเป็นห่วง
“อย่าลืมสิ ฉันเป็นซอมบี้นะ” เจ้าซอมบี้ตอบอย่างกวนประสาท
—————————————————————————–