แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - ตอนที่ 820
บทที่ 820 เครื่องจักรสังหารบนดาดฟ้า
Ink Stone_Fantasy
หลัวหมิงอึกอัก แล้วพูดว่า “ความจริงที่ที่เราจะไป ไม่ใช่ฟอลคอนที่ 2…”
สิ้นเสียงพูด หลัวหมิงก็รู้สึกเจ็บปวดเหมือนถูกแทงที่หว่างคิ้วทันที ขณะเดียวกันความรู้สึกหวาดกลัวอย่างรุนแรงได้จู่โจมก้นบึ้งหัวใจของเขา ราวกับว่าหากพูดอะไรอีกคำเดียว เขาอาจถูกฆ่าตายคาที่ในพริบตา และเด็กหนุ่มตรงหน้าเขาที่ดูใจเย็นมาโดยตลอด ก็ได้กลายร่างเป็นปีศาจร้ายในร่างมนุษย์ รังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านออกมาจากสายตาหลิงม่อ ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าเหล่าบุคคลระดับสูงที่เขาเคยเจอมาเลยแม้แต่น้อย…
หลายวินาทีผ่านไป ร่างกายของหลัวหมิงแข็งทื่อ แล้วเขาก็ได้สติกลับคืนมา ทว่าตอนนี้เขาหน้าซีดเผือด ร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อ และกุมสองมือเข้าด้วยกันอย่างไม่รู้ตัว ผิดไปจากก่อนหน้านี้
หลิงม่อมองเขาอย่างประหลาดใจเล็กน้อย ไม่นานก็ปรับสีหน้าเป็นปกติ แล้วถามเสียงเรียบ “ที่คุณพูด หมายความว่าไง?”
หลัวหมิงฝืนฉีกยิ้ม ตอบว่า “สถานการณ์ของฟอลคอนที่ 2 ในตอนนี้…วุ่นวายมาก ดังนั้นพวกเราจะเข้าไปตรงๆ ไม่ได้ แต่พี่หลิงไม่ต้องห่วง ทางหัวหน้าโทมัสได้เตรียมแผนรับมือไว้แล้ว และนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งในแผนการ ผมเองก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น…”
หลังพูดจบ เขาก็เงยหน้ามองหลิงม่อ สายตาเริ่มกลับมาเป็นปกติ ราวกับว่าเรื่องเมื่อกี้ไม่เคยเกิดขึ้น
หลิงม่อเงียบไปครู่หนึ่ง จนกระทั่งหลัวหมิงเริ่มรู้สึกเกร็งอีกครั้ง เขาจึงพยักหน้าในที่สุด “โอเค เข้าใจแล้ว”
เมื่อหลิงม่อละสายตาออกไป มือทั้งสองข้างของหลัวหมิงก็สั่นเบาๆ ร่างกายรู้สึกอ่อนแรงเล็กน้อย ถ้าหากจางสี่ที่อยู่ข้างๆ ไม่ได้ใช่ไหล่คอยดันเขาไว้ ป่านนี้เขาอาจล้มลงไปแล้วก็ได้
หลัวหมิงหันไปมองจางสี่ เขาเม้มริมฝีปากแห้งผากเบาๆ และในขณะที่หางตาเขาเหลือบไปเห็นหลิงม่อ ความหวาดกลัวก็สะท้อนชัดในดวงตา…
“เป็นไงบ้าง?” ซย่าน่าเดินเข้ามานั่งข้างหลิงม่อ แล้วถามเสียงเบา
มู่เฉินที่นั่งติดมุมก็ชะโงกหน้าเข้ามาด้วย ทว่าพอเห็นสายตาของซย่าน่า เขาก็ถอยหลังกลับไปเงียบๆ ทันที แต่สายตาของเขายังจับจ้องไปที่หลิงม่อเหมือนเดิม ไม่รู้ทำไม เขารู้สึกได้ว่าท่าทางของหลิงม่อแปลกๆ ดูเหมือนเขาจะระมัดระวังจนเกินไปเกี่ยวกับเรื่องขึ้นเครื่อง…
หลิงม่อยิ้มเงียบๆ จากนั้นก็เอนหลังพิงบนพนักเก้าอี้ ในวินาทีที่เขาหลับตา หลัวหมิงที่นั่งอยู่ข้างประตูเครื่องก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกทันที…
หลังจากบินอย่างต่อเนื่องมาประมาณ 20 นาที จู่ๆ ก็มีเสียงดังมาจากห้องนักบินข้างหน้า ฟังจากเสียงของอีกฝ่าย เขาไม่เพียงกำลังพูดกับพวกหลัวหมิง แต่กำลังสื่อสารกับเฮลิคอปเตอร์อีกลำอยู่ด้วย “พวกเราใกล้จะลงจอดแล้ว เตรียมพร้อมให้ดี…อืม ระวังความปลอดภัยด้วย…”
หลังจากวางวิทยุสื่อสาร ผู้ช่วยนักบินคนนั้นก็หันหน้ากลับมา แล้วโบกมือขวาให้หลัวหมิงด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ บอกว่า “เตรียมตัวลงจอด”
หลัวหมิงลอบสบตากับผู้ช่วยนักบินเงียบๆ จากนั้นก็เงยหน้ายิ้มให้หลิงม่อ บอกว่า “พี่หลิง ด้านล่างคือจุดนัดพบที่หัวหน้าโทมัสเลือกไว้ พวกเราพักผ่อนที่นี่ซักครู่ รอจนถึงกลางคืนค่อยลอบเข้าไปในฟอลคอนที่ 2”
หลิงม่อพยักหน้า พลางมองออกไปนอกหน้าต่าง เฮลิคอปเตอร์กำลังอยู่ในระหว่างลงจอด และอาคารที่อยู่เยื้องลงไปบนพื้นข้างล่างก็เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ บนดาดฟ้ากว้างขวางและโล่งเปล่าไร้เงาร่างผู้คน ประตูเหล็กที่เป็นทางเข้าสู่ตัวอาคารถูกปิดไว้ ด้านข้างอาคารเป็นถนนร้างเส้นหนึ่ง นอกจากร่องรอยสึกกร่อนและผุพัง ที่นี่แทบไม่มีสิ่งมีชีวิตใดหลงเหลืออยู่อีก…ห่างออกไป มีซากปรักหักพังที่เกิดขึ้นเพราะระเบิด ที่นั่น เขามองเห็นตัวเครื่องบินครึ่งลำที่โผล่ออกมาจากซากอาคารผุพังนั้นด้วย…
“นี่มันตำบลทางผ่านไปฟอลคอนที่ 2 นี่…” หลิงม่อจำที่นี่ได้ตั้งแต่แรก เขาหันไปมองซากอาคารนั้นอยู่หลายครั้ง แล้วเงาร่างของคนที่คุ้นเคยก็ผุดขึ้นมาในสมอง…ทว่าไม่นาน หลิงม่อก็รีบสะบัดหัวไปมา แล้วยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้ว “อุตส่าห์ข่มกลั้นมาได้ตั้งนาน ขออย่าให้มากำเริบเอาตอนนี้เลย…แต่จะว่าไป อาการไม่กำเริบมานานขนาดนี้แล้ว ทำไมพอมาถึงที่นี่ก็เริ่มรู้สึกอีกแล้ว? ฉันรู้ว่าเธอเกี่ยวข้องกับที่นี่ แต่เธอไม่น่าจะกลับมาที่นี่แล้วนี่นา การกลับมาที่เดิมซ้ำๆ ไม่ใช่วิสัยของซอมบี้นี่…”
หลิงม่อขมวดคิ้วจ้องซากอาคารแห่งนั้น จากนั้นก็ละสายตาออกไป
เฮลิคอปเตอร์ ลงจอดแล้ว…
“ในที่สุดก็ถึงแล้ว” ดูเหมือนว่ารอยยิ้มของหลัวหมิงจะดูเป็นมิตรยิ่งกว่าเมื่อกี้ไม่น้อย เขากระโดดออกไปจากตัวเครื่องอย่างรวดเร็ว แล้วหันมาบอกหลิงม่อ “ทุกท่าน เชิญลงมาได้แล้ว” ขณะที่พูด เขาได้ก้าวถอยออกไปหลายก้าว เหมือนต้องการเปิดพื้นที่ว่างตรงนั้นให้พวกเขา
“ชิท เวียนหัวจะตายอยู่แล้ว…” มู่เฉินอ้าปากหาวยาวๆ และรีบลุกขึ้นยืนจากที่นั่งอย่างไม่รีรอ แต่ในขณะที่เขากำลังจะเดินไปลงเครื่อง เขากลับถูกหลิงม่อคว้าแขนไว้ก่อน จนทำให้เซถอยหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว
“อะไรเนี่ย หัวหน้า…” มู่เฉินหันไปถามอย่างไม่พอใจ แต่พอหันไปมองหน้าหลิงม่อ ความเหน็ดเหนื่อยก็หายไปจากใบหน้าเขาทันที เขามองเห็นสัญญาณเตือนจากสายตาของหลิงม่ออย่างชัดเจน และปฏิกิริยาอย่างนี้ของอีกฝ่าย ก็ทำให้มู่เฉินรู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมาทันที พอนึกย้อนไปถึงพฤติกรรมแปลกๆ ก่อนหน้านี้ของหลิงม่อ ก็อดถามเสียงเบาขึ้นไม่ได้ “มีเรื่องอะไรงั้นหรอ?”
“ระวังตัวหน่อย” หลิงม่อส่ายหน้า แล้วบอก
สถานการณ์ทุกอย่างตรงหน้า ยังคงดูปกติเหมือนเดิม…
หลิงม่อไม่ขยับเขยื้อน แน่นอนสาวๆ ซอมบี้ก็ย่อมไม่ขยับตัวด้วย มู่เฉินยืนก้มหน้าอยู่อีกด้าน เขากวาดมองบนดาดฟ้าอย่างระแวดระวัง ถึงแม้เขาจะมองไม่เห็นเบาะแสอะไร แต่เขารู้ว่าหลิงม่อไม่มีทางรั้งเขาไว้โดยไม่มีเหตุผลแน่นอน ดังนั้นสมองของมู่เฉินจึงเริ่มคาดเดาไปต่างๆ นานา “มีซอมบี้หรอ? ซอมบี้ระดับสูง?”
ชายที่ชื่อจางสี่เองก็กระโดดลงไปด้วย เขากับหลัวหมิงยืนอยู่ใกล้ๆ ประตูเหล็ก ทั้งสอวจ้องมาที่ประตูเครื่องด้วยสีหน้าตึงเครียด
หลัวหมิงตะโกนเสียงดัง “รีบลงมาเถอะ พวกเราจะล่าช้าไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว…”
“ล่าช้าไม่ได้…หรือไม่อยากล่าช้าอีกแล้วกันแน่” เสียงพูดเย็นชาของหลิงม่อดังออกมาจากข้างใน
หลัวหมิงชะงัก แววตาเขาฉายแววพิรุธเล็กน้อย แต่เขายังไม่ทันได้พูดอะไร จู่ๆ จางสี่ที่เอาแต่ปิดปากเงียบมาโดยตลอดก็ก้าวออกไปด้านข้าง แล้วบอกว่า “รีบลงมาเถอะ พวกคุณต้องรีบไปที่ฟอลคอนที่ 2 อีกไม่ใช่หรอ?”
น้ำเสียงของเขาฟังดูกระด้างแข็ง แต่กลับไม่ได้เบาเลยแม้แต่น้อย ส่วนหลัวหมิง หลังจากเหลือบมองเขาด้วยหางตา ก็รีบพูดเสริม “นั่นน่ะสิ พี่หลิง…”
“รีบไป? หึหึ…ถ้าคุณรีบขนาดนี้ ก็มาช่วยผมขนสัมภาระหน่อยสิ?” หลิงม่อยิ้มเย็น แล้วพูดขึ้น
“ขน…” หลัวหมิงชะงักไปอีกครั้ง เขารีบหันไปสบตากับจางสี่ทันที และหันไปบอกว่า “พี่หลิงอย่าล้อเล่นสิ ของพวกนั้นเป็นของส่วนตัวของพี่ทั้งนั้น ผมจะกล้า…”
“ไม่กล้าเข้ามาแล้วสินะ?” หลิงม่อพูดแทรก
หลัวหมิงขมวดคิ้วมุ่น หลิงม่อพูดต่อว่า “ในเมื่อส่งคนมารับฉันมากมายขนาดนั้น ทำไมต้องทำลับๆ ล่อๆ อยู่ข้างหลังประตูด้วยล่ะ?”
พอประโยคนี้หลุดออกจากปากหลิงม่อ หลัวหมิงก็หน้าถอดสีทันที และโพล่งออกไปว่า “เขารู้ได้ยังไง?”
จางสี่เองก็เริ่มเผยสีหน้าอำมหิตขึ้น เขากระชับปืนในมือแน่น
อีกคนที่ตกตะลึงไม่ต่างไปจากพวกเขา คือมู่เฉินที่ยังคงอยู่ในเฮลิคอปเตอร์นั่นเอง เขามองแผ่นหลังหลิงม่อด้วยสีหน้าตะลึง จากนั้นก็มองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง ขณะเดียวกัน เขาก็สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของหลี่ย่าหลินและเย่เลี่ยนอย่างรวดเร็ว เด็กสาวสองคนนั้นค่อยๆ ย่องไปอยู่ข้างหลังนักบินและผู้ช่วยนักบินอย่างเงียบเชียบ และเริ่มลงมือจัดการอีกฝ่ายทันทีที่พวกเขาคิดจะทำอะไรบางอย่าง
“อย่าขยับน้า~~ไม่อย่างนั้นฉันไม่รับประกันว่าหัวของนายจะยังอยู่บนบ่าเหมือนเดิมหรือเปล่า” หลี่ย่าหลินพูดกลั้วเสียงหัวเราะเย็นชา เวลานี้ จูบอสรพิษซึ่งเป็นอาวุธประจำกายของเธอได้จ่ออยู่ตรงขมับของนักบินคนนั้นแล้ว เพียงแค่ออกแรงอีกนิดเดียว ปลายกริชอันแหลมคมก็สามารถแทงทะลุกะโหลกเขาทันที
นักบินคนนั้นร่างกายแข็งทื่อ เขาค่อยๆ ยกมือออกจากปุ่มกดบนแผงควบคุม
ส่วนฝั่งผู้ช่วยนักบินนั้นกำลังถูกปากปืนเย็นๆ จ่อที่ท้ายทอย เขาตัวสั่นเทิ้มเบาๆ ในขณะที่ค่อยๆ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะ
ทว่าในตอนนั้นเอง ประตูเหล็กบานนั้นก็ถูกเปิดออกดัง “ปัง” แล้วคนสิบกว่าคนก็วิ่งออกมาจากข้างใน
ทันทีที่คนเหล่านี้วิ่งออกมา พวกเขาก็รีบตั้งแถวเป็นรูปครึ่งวงกลมล้อมรอบเฮลิคอปเตอร์ลำนี้ พร้อมกับยกปากปืนขึ้นจ่อมาทางประตูเครื่องอย่างพร้อมเพรียง
เพียงชั่วพริบตา ดาดฟ้าที่เงียบกริบก็ได้คุกรุ่นไปด้วยกลิ่นอายสังหารไปทั่วทิศ
“ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ ไม่คิดเลยว่าทำขนาดนี้แล้วยังจะถูกจับได้อีก”
เสียงทุ้มต่ำของผู้ชายคนหนึ่งดังออกมาจากหลังประตูเหล็กบานนั้น ไม่นานชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมเตี้ยก็เดินออกมา ชายคนนั้นสวมแว่นกรอบทอง สภาพดูอิดโรยเล็กน้อย แต่เมื่อมองมาทางเฮลิคอปเตอร์ เขากลับกระตุกมุมปากเผยรอยยิ้มเย็นชา
“แต่มารู้ตอนนี้ก็สายไปแล้ว อย่างมาก พวกฉันก็แค่ต้องเปลืองแรงเพิ่มอีกหน่อยเท่านั้น บอกตามตรง ฉันไม่คิดว่าจะหลอกแกมาได้จริงๆ ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์รอแกอยู่ที่นี่ตั้งสามวัน” ชายสวมแว่นหันไปมองหลัวหมิงและจางสี่ เขายิ้มบอกว่า “พวกนายสองคนทำดีมาก สามวันที่ผ่านมา พวกนายต้องลำบากไปตามหาตามสถานที่น่าสงสัยเหล่านั้น”
“ไม่เป็นไรครับ…” หลัวหมิงพูดเสียงเบา
“พวกนั้น…เชี่ย! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย?” มู่เฉินช็อก โดยเฉพาะหลังจากที่ได้ยินสิ่งที่ชายสวมแว่นพูด เขาก็คลั่งไปทันที “ฟอลคอนที่ 2 ทำอย่างนี้กับนายได้ไง? ไม่ใช่สิ…ถ้าหากพวกนั้นเป็นคนของฟอลคอนที่ 2 พวกเราต้องถูกจับตั้งแต่สามวันก่อนแล้วสิ…”
มู่เฉินกำลังวิเคราะห์อย่างปวดสมอง แต่ก็ได้ยินหลิงม่อบอกว่า “พวกเขาไม่ใช่คนของฟอลคอนที่ 2 แต่เป็นคนของฟอลคอนที่ 1” พูดไป เขาก็หันไปมองหลัวหมิง แล้วแค่นเสียงหัวเราะเย็นชา “หมอนั่นฝีมือการแสดงไม่เลว แถมยังเป็นผู้มีพลังจิตอีกต่างหาก”
ส่วนชายอีกคนที่ชื่อจางสี่เอง ก็ถูกคัดเลือกโดยฟอลคอนที่ 1 มาโดยเฉพาะเช่นกัน เขาเป็นคนพูดน้อย แถมยังหน้าตาน่ากลัว ถึงจะไม่พูดอะไร ก็ไม่ถูกใครสงสัยง่ายๆ โดยเฉพาะเมื่อมีหลัวหมิงอยู่ด้วย ก็ยิ่งมีช่องโหว่น้อยลง…
“ในเมื่อแกรู้หมดแล้ว ก็ลงมาซะเถอะ ซ่อนตัวอยู่ในนั้นไปก็ไม่มีประโยชน์น่า” ชายสวมแว่นพูดขึ้นอีกครั้ง
—————————————————————————–