แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - ตอนที่ 841
บทที่ 841 การถ้ำมองอีกหนึ่งวิธี
Ink Stone_Fantasy
“ขอแนะนำตัวเองหน่อยแล้วกัน…ฉันชื่อไคลี่ แต่ในเวลาอย่างนี้ คงไม่จำเป็นต้องแนะนำนามสกุลกันแล้วมั้ง…โดยเฉพาะหลังจากที่เห็นพ่อแม่ตัวเองต่างฝ่ายต่างฉีกทึ้งอีกฝ่ายอย่างบ้าคลั่งกันมาแล้วอ่ะนะ…” ไคลี่หัวเราะ แล้วพูดขึ้น
หลิงม่อที่กำลังเงียบใช้ความคิดพลันสะดุ้ง เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะใช้เสียงพูดแบบนี้ และไม่คิดว่าเธอจะเปิดเผยความลับของตัวเองง่ายๆ อย่างนี้…โดยเฉพาะเสียงหัวเราะของผู้หญิงคนนี้ ที่ทำให้เขารู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ….
“น่าแปลก ฉันมั่นใจว่าเพิ่งเคยเจอเธอเป็นครั้งแรกแท้ๆ แต่ความรู้สึกอย่างนี้…” ทันใดนั้น หัวใจหลิงม่อเต้นแรง เขาตระหนักได้ทันที ความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างนี้ไม่ได้เป็นเพราะรูปร่างหน้าตาของไคลี่ แต่เป็นบุคลิกของเธอต่างหาก…
อันตราย เย็นชา ความเหยียดหยามที่แฝงซ่อนอยู่ในแววตา…นั่นไม่ใช่แววตาที่จะเห็นได้จากมนุษย์ธรรมดา มีเพียงดวงตาของซอมบี้ที่มีระดับสติปัญญาสูงหรือสัตว์กลายพันธุ์เท่านั้น ที่จะมองเห็นแววตาคล้ายกันนี้ได้…
“คงเห็นเราเป็นเหยื่อไปแล้วสินะ…” หลิงม่อเข้าใจขึ้นมาหลายส่วน
การเผชิญหน้ากับผู้หญิงคนนี้ ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจมาก เหมือนตอนที่ชายหนุ่มคนนั้นมองมาทางเขา…
“อะไรกัน ไม่ยอมพูดหรอ? นายไม่อยากรู้หรอว่าทำไมฉันถึงสนใจนายนัก? อืมม…จะว่าไงดีล่ะ แรกเริ่มเดิมทีก็เป็นเพราะความฉงนที่หัวหน้าทีม แล้วก็ผู้บัญชาการหวังมีต่อตัวนายนั่นล่ะ แต่ตอนนี้ เป็นเพราะนายกล้าอยู่ที่นี่ต่อคนเดียว การขัดขืนอย่างเงียบงันมันทำให้รู้สึกน่าสนใจมากเลยล่ะ นายไม่คิดงั้นหรอ?” ไคลี่ถามเสียงเคล้าหัวเราะ
หุ่นซอมบี้ขยับปาก แล้วเปิดปากพูดอย่างลำบากเล็กน้อย “ทำไม…ถึงสนใจฉัน?”
“นายไม่รู้หรอ?…ขอฉันคิดก่อน นายน่าจะจำได้ว่าเคยทำการแลกเปลี่ยนกับพวกฉันใช่ไหม?”
“อืม…” หุ่นซอมบี้พยักหน้าเบาๆ
ไคลี่ยกมือจับผมตัวเองเล่น เธอใช้นิ้วม้วนผมไปมา “นายเป็นคนที่ระมัดระวังตัวมาก แต่ผู้บัญชาการหวังก็เป็นคนที่มีความสามารถในการสังเกตการณ์ที่โดดเด่นเหมือนกัน สิ่งผิดปกติที่คนอื่นมองข้าม กลับถูกเขาเล็งเห็นในทันที…” พูดถึงตรงนี้ จู่ๆ ไคลี่ก็ชะงัก จากนั้นก็ยิ้มร่าบอกว่า “ถ้ายังไงนายลองทายดูหน่อยดีกว่าไหม? ถ้านายทายถูก ฉันจะปล่อยนายไป”
“เหอะๆ…” หุ่นซอมบี้หัวเราะเสียงแหบแห้ง
“ไม่ทายหรอ? เฮ้อ ไม่สนุกเลยจริงๆ…ในเมื่อเป็นอย่างนี้ นายก็เล่นเป็นเพื่อนฉันหน่อยแล้วกัน”
เพิ่งจะสิ้นเสียงพูด ไคลี่ก็ยกส้นเท้าสัมผัสกำแพงเบาๆ และพุ่งตัวเข้ามาทางหุ่นซอมบี้ของหลิงม่ออย่างรวดเร็วดั่งลูกระเบิด
และภาพที่เกิดในสายตาของหลิงม่อ รวดเร็วมากจนเขารู้สึกเหมือนตาลายไปชั่วขณะ จนกระทั่งในเสี้ยววินาทีถัดมา หญิงสาวก็มาโผล่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างน่าประหลาด…
“โคตรเร็ว!”
ม่านตาหลิงม่อหดเล็กลง รีบควบคุมหุ่นซอมบี้ให้กระโจนถอยหลัง
ไคลี่ที่ทิ้งตัวลงพื้นยิ้มอ่อน พลันยกมือหมายพุ่งเข้าไปจับคอหุ่นซอมบี้ทันทีอย่างไม่เชื่องช้าแม้แต่น้อย
“หลบได้ไม่เลวนี่ แต่เอาแต่หลบอย่างเดียวไม่มีประโยชน์หรอกนะ…”
หลิงม่อขมวดคิ้วแน่น ถึงแม้การเคลื่อนไหวของไคลี่รวดเร็วไร้เสียง อาจดูเหมือนไม่ได้ทรงพลังมาก แต่สัมผัสถึงอันตรายอย่างรุนแรงได้พุ่งเข้ามาปกคลุมส่วนลึกในจิตใจของหลิงม่อพร้อมกับแขนข้างนั้นของไคลี่
เขายกเท้าขึ้นเตะไปที่ท้องไคลี่ทันที แต่ผู้หญิงคนนี้กลับใช้มืออีกข้างจับเท้าเขาไว้ และอาศัยแรงกระชากประชิดตัวเข้ามาในอ้อมอกของหุ่นซอมบี้อย่างรวดเร็ว
ทว่าท่าทางที่ดูยั่วยวนนี้กลับแฝงไว้ด้วยความน่าสะพรึงกลัว ในมือของเธอมีกริชเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ และกริชเล่มนั้นก็กำลังพุ่งแทงเข้าที่หัวใจของหุ่นซอมบี้อย่างรวดเร็ว
“ตอนนี้…นายหลบไม่พ้นแล้ว” ไคลี่แสยะยิ้ม
“หลบไม่พ้นแล้วจริงๆ…แต่ว่า”
สายตาหลิงม่อแน่นิ่งไม่เปลี่ยน เขาก้มหน้าอยู่ และหลุบตาต่ำอยู่ตลอดเวลา เพื่อซ่อนดวงตาของหุ่นซอมบี้ไว้ไม่ให้เธอเห็น เวลานี้พอเห็นว่าไคลี่แนบชิดอยู่ในอ้อมอก พร้อมกับประกายคมกริชที่วาบวับเข้ามาใกล้พร้อมการเคลื่อนไหวของเธอ เขาไม่เพียงไม่พยายามหลบหลีก แต่กลับยื่นมือไปกระชากเอวบางของไคลี่เข้ามา
“หื้ม?” ไคลี่สะดุ้งไปชั่วขณะ แต่ในสถานการณ์อย่างนี้ เธอไม่สามารถปรับท่วงท่าการเคลื่อนไหวของตัวเองได้ทัน
“นี่นายยอมแพ้ ไม่คิดขัดขืนแล้วงั้นหรอ?” ไคลี่หัวเราะ ในขณะที่มือของเธอพุ่งเข้ามาเร็วกว่าเดิม
ฉึก!
เมื่อปลายมีดปักแทงเข้าไปในเนื้อกาย หลิงม่อควบคุมให้ร่างกายหุ่นซอมบี้กระตุกสั่น
กริชที่เดิมควรแทงทะลุหัวใจกลับแทงเฉียดไปเล็กน้อย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ปลายมีดก็ยังแทงลึกเข้าไปในร่างกายของหุ่นซอมบี้แล้ว
ขณะเดียวกัน แขนอีกข้างที่เหลืออยู่ของซอมบี้ได้รั้งตัวไคลี่เข้าหาตัวเอง จากนั้นก็ส่งหมัดออกไปเต็มแรง
พลั่ก!
ร่างกายบอบบางของไคลี่กระเด็นลอยออกไป และกระแทกเข้ากับพื้นด้านหลัง
ทว่าในเสี้ยววินาทีที่ใกล้จะร่วงถึงพื้น เธอกลับใช้ปืนยิงระเบิดที่อยู่ในมือยันพื้นได้ทันเวลา ท่ามกลางเสียงเสียดสีแทงแก้วหู เธอพยายาม เธอประคองร่างเอาไว้ได้สำเร็จ
ไคลี่กุมท้องอย่างเจ็บปวด กระอักเลือดออกมาหนึ่งคำ “อั๊ก” แล้วเธอก็เงยหน้ามองหุ่นซอมบี้อย่างเหลือเชื่อ
สายตาของเธอหยุดมองที่แผงอกของหุ่นซอมบี้ ตรงจุดนั้น กริชของเธอแทงลึกเข้าไปจนเหลือแต่ด้ามจับให้เห็น…
แต่หุ่นซอมบี้กลับยังคงนิ่งไม่ไหวติง เขาค่อยๆ เก็บหมัดกลับไป และยังคงเอาแต่ก้มหน้าก้มตาอย่างน่าสงสัย…
“แกไม่อยากอยู่แล้วหรอ?”
เธอยันตัวลุกขึ้นยืนช้าๆ สีหน้าของเธอค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปทีละน้อย
ไม่ช้า รอยยิ้มลิงโลดก็ปรากฏอยู่บนใบหน้าเธอ เธอแลบลิ้นเลียเลือดตรงมุมปาก แล้วพูดว่า “เมื่อกี้ฉันพูดผิดไป ความจริงนายน่าสนใจมาก…วิธีการต่อสู้อย่างนี้ ฉันเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก” อยู่ๆ เธอก็เหลือบมองประตู บอกว่า “เขาไล่ตามมาแล้ว ดูเหมือนจะรู้ว่านายอยู่ที่นี่แล้วล่ะ”
ในตอนนั้นเอง พลังงานทางจิตกลุ่มหนึ่งได้ทะลุประตูเข้ามา และพุ่งตรงไปยังดวงแสงแห่งจิตของหุ่นซอมบี้ทันที
“นายเป็นเหยื่อที่น่าสนใจมาก ฉันเดาว่าพรรคพวกของนายก็ต้องน่าสนใจมากด้วยแน่ๆ แต่นายไม่ต้องห่วง หลังจัดการนาย พวกฉันก็จะไล่ตามพวกนั้นไป จากนั้นก็ค่อยๆ ล่าพวกเขาทีละคนๆ…”
ไคลี่ชักปืนพกกระบอกหนึ่งออกมาอย่างรวดเร็วดั่งสายฟ้า ทว่าไม่รอให้เธอลั่นไก หุ่นซอมบี้ชิงคำรามเสียงต่ำ วิ่งพุ่งไปทางหน้าต่างอย่างรวดเร็ว
ไคลี่เคลื่อนไหวตามไปอย่างรวดเร็ว ปากปืนเล็งไปยังหุ่นซอมบี้ในที่สุด
ปัง ปัง ปัง…เมื่อเสียงปืนดัง ร่างกายของหุ่นซอมบี้ก็กระตุกสั่นไปหลายครั้งติดกัน
ทว่าเท้าของมันก็ยังคงวิ่งต่อไปไม่หยุด ไม่นานมันก็วิ่งมาถึงบริเวณใกล้ๆ หน้าต่าง และกระโดดออกไปข้างนอกทันที
ในเสี้ยววินาทีที่ยันขอบหน้าต่าง หุ่นซอมบี้พยายามบิดหมุนร่างกายหันกลับมา และขว้างวัตถุสีดำบางอย่างออกจากมือ พุ่งเข้าไปในห้อง
“ยังคิดจะหนีอีกหรอ? เอ๋ นั่นมัน…”
สีหน้าไคลี่เปลี่ยนไปทันที ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มก็ถีบประตูห้องเข้ามา
“ถอยเร็ว!”
ไคลี่ตะโกนเสียงดัง เธอกระโจนถอยหลังโดยเร็ว และพุ่งกระแทกร่างชายหนุ่มให้ล้มออกไปนอกประตูพร้อมกัน
ขณะเดียวกันเธอใช้ปลายเท้าเกี่ยวบานประตูที่เพิ่งถูกถีบออกให้ปิดดัง “ปัง”
“บึ้ม!”
เสียงอึกทึกดังสนั่น พร้อมกันนั้นอาคารชั้นนี้ราวเกิดแรงสั่นสะเทือน
เหล่าสมาชิกที่เฝ้าประตูต่างหันไปมองทางเดินอย่างตื่นตะลึง แม้แต่เจ้าหน้าที่ยามที่ยืนอยู่บนถนนก็ยังต้องถอยหลังไปหลายก้าว
พลั่ก!
ร่างหุ่นซอมบี้ตกลงมาบนพื้น ไม่นานก็พยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
มันอ้าปากกระอักเลือดออกมาหนึ่งคำ แล้วเงยหน้ามองเศษกระจกที่ร่วงลงมาอย่างต่อเนื่องหลังถูกระเบิดจนแหลก
ควันดำโขมงมากมายพรั่งพรูออกมาทางหน้าต่าง เศษชิ้นส่วนอาคารบางส่วนก็พุ่งออกมาพร้อมคลื่นสะเทือนนี้ และกระจายไปทั่วทิศ
“ระเบิดภายในสองวินาทีเลยหรอ…ด้านอานุภาพก็ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร…” หลิงม่อคิดในใจ
ร่างกายของหุ่นซอมบี้ตัวนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทว่าสิ่งที่ไหลออกมาจากบาดแผลกระสุนกลับไม่ใช่เลือด แต่เป็นของเหลวหนืดสีดำ…
“เชื้อไวรัสถูกกระตุ้นออกมาเพราะได้รับบาดเจ็บ ขณะเดียวกันก็เร่งกระบวนการทำลายร่างกายให้เร็วขึ้น…ส่วนการโจมตีจากพลังจิตเมื่อกี้ ก็เกือบทำให้สายสัมพันธ์ทางจิตของเราขาด…โชคดีที่ตัวหุ่นซอมบี้ไม่มีดวงแสงแห่งจิต ดังนั้นการโจมตีของเขาจึงพลาดเป้าไปเสียส่วนใหญ่ ไม่ได้แสดงผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมอย่างที่มันควรจะเป็นออกมา” ร่างกายของหุ่นซอมบี้โงนเงนอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็เงยหน้ามองหน้าต่าง “ตอนแรกกะว่าจะหาจังหวะดีๆ แต่ในสถานการณ์อย่างนั้นก็คงทำได้แค่เท่านั้น…น่าเสียดาย…”
ก่อนที่กระโจนลงมา หลิงม่อมองเห็นบานประตูที่เปิดออก รวมถึงไคลี่ที่ถอยออกไปแล้ว…จากความสามารถในการตอบสนองและฝีมือของอีกฝ่าย น่าจะไม่ถึงขั้นโดนระเบิดจนตาย…
แต่แค่สามารถรักษาร่างกายหุ่นซอมบี้เอาไว้ได้อย่างครบถ้วนก็ถือไม่เลวแล้ว หลิงม่อเองก็ไม่ได้หวังว่าจะสามารถกำจัดพวกเขาได้ในทันทีที่โจมตีครั้งแรก…ถ้าหากง่ายดายอย่างนั้นจริงๆ ก็แสดงว่ายอดฝีมือของฟอลคอนฝีมืออ่อนไปแล้ว…
พอเห็นว่าร่างกายใกล้จะหมดสภาพเต็มที หลิงม่อจึงควบคุมให้หุ่นซอมบี้ฮึดเอาแรงเฮือกสุดท้าย หันหน้าออกวิ่งไปตามแนวผนัง และหายตัวไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว…
“แค่กๆ…”
ท่ามกลางควันและฝุ่นมากมาย ไคลี่ผลักบานประตูนิรภัยที่กระแทกลงบนตัวเธอออก
เธอโอบกอดปืนยิงระเบิดกระบอกนั้นไว้ในอ้อมแขน เพื่อป้องกันร่างกายของตัวเองไว้ แต่ในขณะที่เลือดลมตีขึ้น เธอก็ยังอดไอแห้งออกมาหลายครั้งไม่ได้ เธอกระแอมไอ พลางหัวเราะติดๆ ขัดๆ พูดว่า “ร้ายกาจสุดๆ! ฮ่าฮ่าฮ่า คนคนนี้น่าสนใจอย่างที่คิดจริงๆ!”
ชายหนุ่มคนนั้นเองก็กวัดแกว่งแขนไปมาและตะเกียกตะกายลุกขึ้น เขามองเข้าไปในห้องด้วยสีหน้าย่ำแย่ และจ้องตรงไปยังหน้าต่างบานนั้น
“ไอ้หลิงม่อ…” ชายหนุ่มกำหมัดแน่น เขานิ่งเงียบอย่างโกรธแค้นครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปถลึงตาจ้องไคลี่ ถามว่า “เธอไล่ตามเขาทันแล้ว ทำไมไม่ส่งสัญญาณบอกฉันทันที? แล้วทำไมไม่สู้เต็มกำลังตั้งแต่แรก? ฉันเคยบอกเธอแล้ว ว่านี่คือภารกิจ…”
ไคลี่กระอักเลือดออกมาอีกหนึ่งคำ เธอเอนหลังพิงผนัง หัวเราะบอกว่า “ฉันก็ไม่คิดว่าเขาจะอึดขนาดนี้นี่…อีกอย่าง นายไม่คิดว่าอย่างนี้น่าสนุกกว่าหรอ? สัตว์ร้ายที่หนีไปหลังได้รับบาดเจ็บ สุดท้ายก็จะนำพาผู้ล่าไปยังเหยื่อตัวอื่นๆ…กลัวก็แต่ว่าเขาจะตายระหว่างทางไปเสียก่อน อย่างนั้นภารกิจคงล้มเหลวสินะ?”
ชายหนุ่มคำรามอย่างโกรธจัด “ถ้าล้มเหลวจริงๆ เธอรู้ใช่ไหมว่าฉันจะรายงานว่ายังไง…”
สวบ!
เงาร่างของไคลี่หายวับไปจากที่เดิมทันที พริบตาเดียว มือคู่หนึ่งก็มาโผล่อยู่ที่บ่าของชายหนุ่มจากด้านหลัง
“ก็ตามใจนายสิ แต่ว่า ตอนนี้นายจะมาขวางการล่าของฉันไม่ได้นะ” ไคลี่เขย่งปลายเท้า แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแนบชิดติดศีรษะด้านหลังเขา
และพอพูดจบ เธอก็กระโดดถอยออกไปสองก้าว เพื่อดึงระยะห่างจากชายหนุ่มทันที
“จุ๊ๆ อย่าโจมตีฉันสิ…” ไคลี่ยังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้า ทว่าดวงตาทั้งคู่กลับหรี่เล็กลงอย่างอันตราย “ฉันไม่ชอบความสามารถพิเศษของนายที่ชอบแอบอ่านความคิดของคนอื่นเลยนะ…มันทำให้ฉันรู้สึกอยากฆ่าคน…”
เธอมองไปที่ไหล่ของชายหนุ่ม จากนั้นก็สูดดมกลิ่นอย่างเคลิบเคลิ้ม “อีกอย่างถ้าฉันเป็นนาย ฉันจะจัดการกับแผลก่อน…”
—————————————————————————–