แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - ตอนที่ 858
บทที่ 858 ฝันร้ายที่กำลังก่อตัว
Ink Stone_Fantasy
ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก…
เวลา ผ่านไปแล้วหนึ่งนาที
ท่ามกลางความมืด หยางเหมยถูกอีกฝ่ายดึงขึ้น และมัดติดกับเก้าอี้อีกหนึ่งตัวอย่างง่ายดาย
ในระหว่างนี้ เธอเอาแต่กัดฟันกรอดจ้องเงาดำนี้อยู่ตลอด
“เขาไม่ได้รับผลกระทบจากความมืดหรอ?” หยางเหมยคิด
แต่สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือ การคาดเดาของเธอ ความจริงแล้วถูกเผงเลยทีเดียว
ถึงแม้ส่วนที่กลายพันธุ์สมบูรณ์ของร่างกายนี้จะมีแต่ส่วนหัวเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะเป็นระบบการมองเห็นหรือระบบการรับกลิ่น ล้วนไม่ต่างจากซอมบี้มากแล้ว
และผลลัพธ์จากการลอบโจมตีครั้งนี้ ก็แทบจะอยู่ในการคาดเดาของหลิงม่อทั้งหมด
“ใช้หัวหน้าทีมใหญ่เบี่ยงเบนความสนใจของหยางเหมยก่อน ขณะเดียวกันก็ใช้ตำแหน่งของเขาอำพรางตัวเองที่อยู่ในอีกมุม…สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือต้องทำให้หยางเหมยเห็นปืนกระบอกนั้น แต่ดูจากระดับความสะดุดตาแล้ว เธอไม่มีทางมองไม่เห็นแน่นอน”
“ต่อไปก็เป็นขั้นที่สอง ปิดไฟ เสี้ยววินาทีที่ปิดไฟก็สั่งเจ้ามาสเตอร์บอลให้มุดเข้าไปรอคำสั่งอยู่ใต้เส้นผมเธอ จากนั้นก็ค่อยใช้คำพูดและการกระทำทำให้เธอไขว้เขวอีกครั้ง เดิมทีการปิดไฟทำให้การมองเห็นของคนเราได้รับผลกระทบอยู่แล้ว ถึงแม้จะมีการปรับสภาพสายตา แต่ก็ต้องรอซักพัก…และนั่นก็คือโอกาส”
ท่ามกลางป่ารกร้าง ร่างจริงของหลิงม่อกำลังพึมพำเบาๆ
อวี๋ซือหรานที่นั่งอยู่ข้างๆ พลันพยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วรับคำเสียงยาว “อ๋อออ” พลางถามต่อว่า “แล้วนายคิดจะทำยังไงต่อล่ะ?” เพิ่งสิ้นเสียงถาม น้ำเสียงของเธอก็สงบนิ่งขึ้นมา แถมยังแฝงไปด้วยน้ำเสียงขบขันแปลกๆ “ด้วยสถานะของเธอ ถ้าหายตัวไปคงจะทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายสินะ? ถึงแม้จะไม่มีใครรู้ทันที แต่ถ้าเธออยู่ในห้องของหัวหน้าทีมใหญ่นานเกินไป ก็อาจกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ได้…”
“เรื่องนี้น่ะ…”
ขณะที่ร่างจริงยกมือลูบคาง หุ่นซอมบี้ที่หลิงม่อควบคุมอยู่ได้ก้มหยิบปืนที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นมา
กลไก? ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที จะไปทำของอย่างนั้นขึ้นมาได้ยังไงกัน…
ที่หยางเหมยเห็นว่าปืนห้อยอยู่บนหัว เป็นแค่การใช้ประโยชน์จากแสงสลัวในห้องข้างในทำให้เธอมองผิดไปเท่านั้น
เจ้ามาสเตอร์บอลที่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังหัวหน้าทีมใหญ่ หนวดของมันที่ถูกความมืดปกคลุม…ความสามารถในการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วของหยางเหมย ถูกจำกัดเพราะความเข้าใจผิดนี้เอง เมื่อสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวไป ความรับมือยากของเธอก็ลดลงไปมาก
“ตอนแรกไม่ได้อยากทำให้เธอเดือดร้อน แต่ในเมื่อเธอเดินมาหาถึงที่ ฉันก็ทำได้แค่วางกับดักไปตามสถานการณ์ล่ะนะ…”
หลิงม่อลอบถอนหายใจ เขาดันร่างหัวหน้าทีมใหญ่เข้าไปในห้องข้างใน จากนั้นก็ปิดประตู
หยางเหมยที่ถูกปิดปากด้วยเทปกาวเหมือนกัน ซ้ำยังถูกเจ้ามาสเตอร์บอลกับเชือกควบคุมตัวไว้อย่างแน่นหนาพลันเบิกตากว้าง
“ทิ้งฉันไว้ที่นี่คนเดียว? เขาคิดจะทำอะไรกันแน่!”
แกร๊ก—
เสี้ยววินาทีที่ประตูห้องถูกปิด หัวหน้าทีมใหญ่รู้สึกหนังศีรษะตึงชา
แว่นของเขาถูกถอดออก แสงไฟสลัว สิ่งที่เขามองเห็นมีเพียงประกายของมีคมที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เหงื่อเริ่มแตกอีกครั้ง แต่เขากลับไม่กล้าแม้แต่ส่งเสียง “อื้อๆ” ส่งเดชด้วยซ้ำ
“เมื่อกี้ถูกขัดเสียก่อน ตอนนี้พวกเรามาต่อกันเถอะ” หลิงม่อพูด
“เขาอยากต่อกับแกวะ! ในเมื่อจับตัวเลขาหยางได้แล้ว ทำไมไม่ไปถามเธอเอาล่ะ! ฉันยศสูงกว่าแกแค่ขั้นเดียวเองนะเว้ย ไม่มีค่าให้แกมานั่งซักไซ้หรอก…” หัวหน้าทีมใหญ่คิดอย่างน้ำตานองหน้า ขณะเดียวกันก็ได้แต่พยักหน้าอย่างเงียบงัน
“กฎเหมือนเดิม ส่วนเรื่องอื่น ฉันคงไม่ต้องพูดมาก นายรู้ว่าต้องทำยังไง”
พอหลิงม่อพูดจบ หัวหน้าทีมใหญ่ก็พยักหน้าช้าๆ
ฉึบ!
เมื่อเทปกาวถูกกระชากออก หัวหน้าทีมใหญ่ก็เจ็บจนต้องร้องซี๊ด
“ตั้งใจใช่ไหมวะ! นี่มันไม่ได้เรียกว่าการปิดปากแล้ว เรียกว่าการดึงขนต่างหากเล่า!”
ไม่พอใจก็ส่วนไม่พอใจ หัวหน้าทีมใหญ่ทำได้เพียงกัดฟันอดทน…
“ถึงแม้จะเสพติดการทำเป็นเข้ม แต่ก็ยังรู้จักเวล่ำเวลากับเขาอยู่…”
หลิงม่อกระเถิบตัวเข้ามาใกล้ แล้วถาม “ถ้าอย่างนั้นคำถามแรก พวกนายมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ประ…ประมาณหนึ่งเดือน…หรือพูดให้ถูกก็คือ ไปๆ มาๆ ในระหว่างหนึ่งเดือนนี้ แล้วก็มีการปรับเปลี่ยนสมาชิกในระหว่างนี้ด้วย” หัวหน้าทีมใหญ่ตอบเสียงเบา
“เหตุผลที่มา? สาเหตุที่มาที่นี่?” หลิงม่อถามต่อ
“เหตุผลก็คือเพื่อปรับความร่วมมือกันระหว่างทางค่ายใหญ่กับที่นี่ สาเหตุ…เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะสามารถรู้ได้ สถานการณ์คร่าวๆ น่าจะมีแค่ผู้บัญชาการหวังและผู้บัญชาการใหญ่ซูเท่านั้นที่รู้” หัวหน้าทีมใหญ่ตอบ
ผู้บัญชาการหวังอีกแล้ว…สำหรับเจ้าหมอนี่ที่เขายังไม่เคยเจอหน้า หลิงม่อช่างรู้สึกแค้นจนอยากฆ่าเขาซะเหลือเกิน…
“การล่มทีมย่อนของทีมทำลายล้าง ถือเป็นของขวัญชิ้นแรกที่ฉันมอบให้แล้วกัน…ต่อไป ฉันจะไม่เป็นฝ่ายถูกกระทำอีกแล้วล่ะ” ขณะที่คิดในใจ หลิงม่อได้ควบคุมให้หุ่นซอมบี้ถามอย่างตรงไปตรงมา “ผู้บัญชาการหวังเป็นใคร? ตกลงว่าค่ายใหญ่มีท่าทีอย่างไรกับฐานทัพที่ 2 กันแน่? ปัจจุบันเรื่องราวดำเนินไปถึงขั้นไหนแล้ว? อย่าบอกฉันว่านายไม่รู้…”
ปลายมีดแทงเข้าไปอีกเล็กน้อย ขณะเดียวกัน เสียงพูดเย็นชาของหลิงม่อก็ดังขึ้นพร้อมกัน “ถ้าคิดจะโกหกฉัน ก็ลองดูได้”
“เฮ้ย! หมอนี่มันอะไรกันวะ! ทั้งที่เป็นแค่คนธรรมดาแท้ๆ ทำไมหลังจากฆ่าซอมบี้ไม่กี่ตัว ถึงได้ดูมีรังสีอำมหิตแผ่ปกคลุมไปทั้งตัวอย่างนี้ล่ะ! ต้องขอโทษจริงๆ ที่ปกติมองข้ามนายไป แต่ก็ไม่ถึงกับต้องทำขนาดนี้ก็ได้มั้ง…”
หัวหน้าทีมใหญ่ยังคงน้ำตานองหน้าต่อไป “ได้ยินมาว่าผู้บัญชาการหวังเป็นสมาชิกคนสำคัญ และเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ก่อตั้งฟอลคอนรุ่นแรก…ตัวเขาเป็นคนที่เก่งมากอยู่แล้ว หลังจากพลังพิเศษถูกปลุกตื่นก็ยิ่งแข็งแกร่งกว่าเดิม แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าเขามีพลังพิเศษอะไรกันแน่ รู้แค่ว่า เขาสามารถนำทีมทีมทำลายล้างได้ในชั่วข้ามคืน เมื่อก่อนคนที่สนับสนุนผู้บัญชาการใหญ่ซูมีไม่น้อย แต่หลังจากเรื่องคราวก่อน ผู้บัญชาการหวังก็เริ่มเข้ามาแทนที่เธอ…”
“เรื่องคราวก่อน?”
“หา?” หัวหน้าทีมใหญ่ชะงัก
“เจ้าของเดิมของร่างนี้คงจะรู้สินะ…แต่ว่า…” หลิงม่อมุมปากกระตุก บอกว่า “เล่ามาให้ละเอียด”
“ก็เรื่อง…กลยุทธ์ซอมบี้ไง…”
พอประโยคนี้หลุดออกจากปากหัวหน้าทีมใหญ่ หลิงม่อก็ตะลึงไปทันที
…………
เมื่อฟอลคอนลงหลักปักฐานอย่างมั่นคงในเมือง X การเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจหนึ่งก็กำลังก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ
ซอมบี้ที่หลั่งไหลมาที่ค่ายไม่ขาดสายเริ่มลดน้อยลง แม้แต่สัตว์กลายพันธุ์ก็เริ่มไม่ปรากฏตัวให้เห็น…
ปรากฏการณ์ผิดปกตินี้ แรกเริ่มเดิมทีถูกมองว่าเป็นเรื่องน่ายินดี แต่เมื่อเวลาผ่านไป กลับเริ่มมีคนเข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ พวกมัน…สัตว์ประหลาดพวกนั้นไม่ได้ยอมแพ้ เพียงแค่เปลี่ยนกลยุทธ์เท่านั้น
อยู่ๆ สิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์หนึ่งก็เปลี่ยนวิสัยการล่าเหยื่อ นั่นทำให้มนุษย์ผู้ตกเป็นเหยื่อต่างพากันอกสั่นขวัญแขวน
มีเพียงต้องรู้ว่าพวกมันมีกลยุทธ์การล่าอย่างไร มนุษย์จึงจะสามารถต่อต้านได้ แต่พอสถานการณ์พลิกผัน มนุษย์กลับรู้สึกเหมือนยืนอยู่ท่ามกลางห่ากระสุน ไม่รู้ว่าเหล่าสัตว์ประหลาดจะปรากฏตัวอย่างไร ไม่รู้ว่าพวกมันจะเริ่มโจมตีเมื่อไหร่…
หน่วยงานที่เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นกลุ่มแรก คือทีมค้นหาย่อยของฟอลคอน
จำนวนทีมย่อยเหล่านี้มีมาก และยึดพื้นที่ที่ต่างกันเป็นหน่วยเคลื่อนไหว จากนั้นก็ค่อยๆ เดินหน้าเข้าไปยังตัวเมืองทีละนิดๆ
สิ่งของมีประโยชน์ทุกชิ้นล้วนถูกพวกเขากวาดเก็บจนเรียบ และพอเจอของที่ยากจะเอามาได้พวกเขาก็จะจดบันทึกไว้ทันที เพื่อที่จะให้ทีมย่อยที่ระดับสูงกว่าออกมาจัดการต่อ
สำหรับฐานทัพฟอลคอนที่กำลังยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ นี่เป็นวิธีการค้นหาที่มีประสิทธิภาพสูง และมีอัตราการตายที่ต่ำที่สุดวิธีหนึ่ง…
แต่เมื่อทีมค้นหาเริ่มหายตัวไป ความสมดุลนี้ก็ได้ถูกทำลายลง
ทีมแล้วทีมเล่า ทีมค้นหาหายตัวไปในจุดที่แตกต่างกันอย่างต่อเนื่อง
ไม่มีการช่วยเหลือ ไม่พบศพ ไม่เหลือแม้กระทั่งอุปกรณ์ติดตัวใดๆ ของพวกเขา…
ซอมบี้บนท้องถนนก็เริ่มลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว นั่นทำให้ทีมช่วยเหลือที่พกอาวุธติดตัวต่างตื่นกลัวกันถ้วนหน้า
ไม่มีซอมบี้จำนวนมหาศาล นั่นก็หมายความว่าประสิทธิภาพของอาวุธก็ลดลงตามไปด้วย…
แม้กระทั่งเสียงปืนเสียงระเบิดก็ยังไม่สามารถดึงดูดซอมบี้ให้ปรากฏตัวออกมาได้อีก สิ่งที่ดึงดูดพวกมันได้ เหมือนจะมีแต่สิ่งมีชีวิตเท่านั้น…
แรกเริ่ม สถานการณ์นี้ยังไม่เป็นที่สนใจของคนเบื้องบน จนกระทั่ง…
“อะไรนะ?” หลิงม่อหัวใจกระตุกวูบ พลางถาม
การต่อต้านของเหยื่อ ได้เร่งวิวัฒนาการของผู้ล่า…แต่วิวัฒนาการดังกล่าว มันคืออะไรกันแน่?
“พวกมัน…ก็เหมือนกับเรา ที่แบ่งอาณาเขต และแบ่งกลุ่มกัน…”
เสียงพูดของหัวหน้าทีมใหญ่กระตุกสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ “ถึงแม้ไม่แน่ใจ แต่…ก็รู้สึกได้ไม่ยาก กองทัพ ซอมบี้เริ่มวิวัฒนาการกองทัพขึ้นมาแล้ว…ซอมบี้ที่เหลืออยู่บนท้องถนน เป็นแค่ระดับต่ำกว่าที่ถูกกำจัดสำหรับพวกมัน และเป็นหนึ่งในแหล่งกำเนิดอาหารของพวกมันด้วย ทว่าเมื่อซอมบี้บนท้องถนนเริ่มมีการวิวัฒนาการจนถึงระดับกลายพันธุ์ พวกมันก็จะเลือกอาคารหลังหนึ่งเพื่อเข้าไป…”
“สถานที่เหล่านั้น แม้แต่พวกฉันก็ยังไม่อาจเข้าใกล้ อาณาเขตที่พวกมันครอบครองเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นก็หมายความว่าการค้นหาของเราก็เริ่มยากขึ้นเหมือนกัน…เมื่อสถานการณ์อย่างนี้ดำเนินไปเรื่อยๆ จึงส่งผลกระทบต่ออำนาจของผู้บัญชาการใหญ่ซู ในทางตรงกันข้าม ผู้บัญชาการหวังที่มีทีมยอดฝีมืออยู่ภายใต้บังคับบัญชา กลับเริ่มเผยเขี้ยวเล็บออกมา…”
กองทัพ…
ม่านตาหลิงม่อหดตัว เขาค่อยๆ กำหมัดแน่น
ฝันร้าย ดูเหมือนจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว…
—————————————————————————–