แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - ตอนที่ 883
เหล่าซอมบี้ที่เดินวนเวียนไปมาบนถนนเมือง X ดูสกปรกเลอะเทอะ เหม่อลอย และไม่มีชีวิตชีวา…พวกมันค่อยๆ เดินเร่ร่อนไปช้าๆ เหมือนถูกขับเคลื่อนด้วยสัญชาตญาณ ทั้งไร้เป้าหมาย และไร้แรงขับเคลื่อน
แต่ในดวงตาสีแดงเลือดของพวกมันมักมีแววตาโหดเหี้ยมฉายผ่านเป็นบางเวลา กรงเล็บที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อขาดๆ เหมือนผ้าขี้ริ้วผลุบๆ โผล่ๆ คล้ายมีคล้ายไม่มี แต่มันกลับเป็นสิ่งเตือนภัยพวกมนุษย์ที่แอบซุ่มดูอยู่ที่ไหนซักที่ได้เป็นอย่างดี…อย่าได้ลืมความน่ากลัวของสัตว์ประหลาดเหล่านี้
พวกมันทุกตัวล้วนสามารถแปลงร่างเป็นหมาในผู้บ้าคลั่งได้ในพริบตาหากพบเหยื่อ อาจจะดุร้าย และกระกายเลือดกว่าหมาในด้วยซ้ำ หากถูกพวกมันหมายหัว ผู้โชคร้ายคนนั้นก็จะได้สัมผัสอย่างสุดซึ้ง ว่าสัตว์ประหลาดพวกนี้ ไม่เพียงกำลังล่าเหยื่อ แต่กำลังดื่มด่ำไปกับขั้นตอนอันโหดร้ายเหล่านั้นด้วย แม้ว่าพวกมันอาจสูญเสียแขนและขา อาจสูญเสียซึ่งชีวิต…แต่พวกมันก็จะยังคงคำรามเสียงดังก้อง ใช้แรงเฮือกสุดท้ายเพื่อพยายามฉีกทึ้งร่างกายคุณ และกินคุณ…
เมื่อพวกเขาอ้าปาก ปากที่เหมือนกับของคุณ กระทั่งฟันที่ขนาดเท่าๆ กับฟันของคุณ พวกมันจะระเบิดพลังในการกัดอันน่าทึ่งให้เห็น และพลังนั้น ก็น่ากลัวมากพอที่จะบดกระดูกของมนุษย์ให้แหลกละเอียด เล็บของพวกมันสามารถฉีกทึ้งร่างกายอันเปราะบางให้ขาดเป็นชิ้นดั่งเหล็กคมๆ และเพราะเหตุนี้ พวกมันจึงไม่เคยต้องการอาวุธใดๆ…
แต่มนุษย์…เทียบกับซอมบี้ที่เป็นอดีตเพื่อนมนุษย์ด้วยกันมาก่อน มนุษย์ช่างอ่อนแอและเปราะบางเหลือเกิน
ทว่า ณ เวลานี้ มีมนุษย์คนหนึ่งกำลังเลือกซอมบี้พวกนี้ตามอำเภอใจอยู่…
“ตัวนี้แล้วกัน…ถึงจะเป็นแค่ซอมบี้กลายพันธุ์แต่ดูน่าจะคล่องแคล่วอยู่…แล้วก็ตัวนี้ ถึงแม้วิวัฒนาการด้านพลังจิตจะค่อนข้างต่ำ แต่วิวัฒนาการด้านร่างกายกลับสมบูรณ์แบบมาก…อืม คุณค่าทางโภชนาการไปสะสมอยู่ตรงแขนขาทั้งสี่ข้างหมด ก่อนกลายพันธุ์ก็คงเป็นพวกใช้ร่างกายมากกว่าสมองสินะ…ฉิบ! ไม่คิดว่า ที่นี่จะมีซอมบี้ที่เกิดการกลายร่างอยู่ตัวหนึ่งด้วย! ก็ได้ งั้นฉันจะรับไว้อย่างไม่เกรงใจก็แล้วกัน…”
หลังจากที่ “การคัดเลือกในความคิด” นี้ผ่านไปห้านาที ก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติเกิดขึ้นท่ามกลางฝูงซอมบี้
ซอมบี้สามตัวที่อยู่กันคนละทิศพลันชะงักเท้าหยุดพร้อมกัน หลังจากสะบัดศีรษะไปมา พวกมันก็เงยหน้าขึ้นทันที จากนั้นก็ค่อยๆ พากันหันไปมองยังทิศทางหนึ่ง—บริษัทลอว์สัน
พฤติกรรมเล็กๆ นี้ของพวกมันไม่ได้ดึงดูดความสนใจของพวกเดียวกันที่อยู่รอบๆ จนกระทั่งพวกมันออกจากโหมดค้างเติ่ง และเริ่มเคลื่อนไหวช้าๆ
“สวบ!”
ถูกซอมบี้จำนวนมากรุมจ้องไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีนัก โดยเฉพาะ…เมื่อต้องรับรู้ความรู้สึกถูกรุมจ้องจากหุ่นซอมบี้สามตัวพร้อมกัน!
หลิงม่อที่เป็นผู้ควบคุมรู้สึกกดดันขึ้นมาทันที เขารู้สึกเหมือนตัวเองถูกซอมบี้รุมล้อมเพิ่มขึ้นสามเท่า…
เทียบกับเมื่อก่อน ภายนอกของซอมบี้พวกนี้ดูเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
อย่างแรกคือเรื่องผิว ที่ขาวซีดกว่าเดิม จนทำให้เส้นเลือดดูชัดเจนและสะดุดตามากกว่าเดิม…อาจเป็นเพราะการแข่งขันดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ซอมบี้ส่วนใหญ่จึงได้ดูหิวโหยกันตลอดเวลา สายตาของซอมบี้บางตัวที่จ้องหุ่นซอมบี้ เหมือนจะกระโจนเข้ามาได้ทุกเมื่อ และความรู้สึกอย่างนี้…ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากการถูกฝูงหมาป่าดุร้ายจ้องเลยซักนิด
อย่างที่สองก็คือเรื่องกลิ่น…บนร่างกายของซอมบี้เหล่านี้มีกลิ่นแปลกๆ ของคาวเลือดผสมกลิ่นเหม็นเน่าอยู่ พวกมันไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้ามาเป็นเวลานานมาก เสื้อผ้าของพวกมันจึงขาดวิ่น และหลังจากผ่านการชะล้างด้วยเลือดและวัตถุที่ไม่ทราบแน่ชัด เสื้อผ้าของพวกมันก็กลายเป็นเหมือนผ้ากันเปื้อนหนังของคนขายเนื้อ
สรุปก็คือ…การที่ต้องเดินอยู่ท่ามกลางพวกมันในตอนนี้ รู้สึกกดดันกว่าเมื่อก่อนมาก
ทว่าทั้งพลังจิตตานุภาพและพลังจิตของหลิงม่อล้วนมีการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ดังนั้นสำหรับเขา ความกดดันที่ได้รับในตอนนี้ยังถือว่าอยู่ในขอบเขตที่พอรับได้ กระทั่งไม่ได้รู้สึกลนลานมากนัก…นี่เป็นความรู้สึกที่ค่อนข้างแปลก เพราะเพื่อที่จะควบคุมหุ่นซอมบี้สามตัวพร้อมกันอย่างสมบูรณ์แบบ หลิงม่อก็ได้ดำดิ่งตั้งแต่วินาทีแรกที่เริ่มใช้พลังควบคุมแล้ว…
เวลานี้ในประสารทสัมผัสของเขา ร่างจริงของเขาเหมือนดวงแสงแห่งจิตขนาดใหญ่ดวงหนึ่ง และหุ่นซอมบี้สามตัวนี้ ก็เป็นแขนขาของเขา…แต่ส่วนที่สำคัญจริงๆ ก็คือพวกเย่เลี่ยนที่เป็นเหมือนหัวใจของเขา…
การเคลื่อนไหวทั้งหมดของแขนขาล้วนส่งผลกระทบถึงความปลอดภัยของหัวใจ นี่คือความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาหลังจากที่หลิงม่อดำดิ่งไปกับการควบคุมหุ่นซอมบี้…
ดังนั้น ถึงแม้จะถูกซอมบี้เหล่านี้จ้องมองอย่างมุ่งร่ายแค่ไหน หลิงม่อก็ยังคงตั้งสมาธิมั่น กระทั่งมองตอบพวกมัน
ซอมบี้พวกนี้ไม่ลงมือส่งเดช เพราะที่นี่มีซอมบี้หัวหน้าฝูงอยู่…แต่ซอมบี้หัวหน้าฝูงจะปล่อยให้หุ่นซอมบี้ทั้งสามตัวออกไปจากที่นี่ง่ายๆ หรือ? หลิงม่อเองก็ไม่รู้ ซอมบี้ไม่ใช่สัตว์ร้อยเปอร์เซ็นต์ พวกมันมีวิธีการคิดที่ซับซ้อนกว่า บางทีอาจมีกฏการอยู่ร่วมกันที่ซับซ้อนยิ่งกว่าด้วย…
“เวลาอย่างนี้ไม่เสี่ยงดีกว่า แต่เพื่อการเคลื่อนไหวในอนาคต ไปสังเกตการณ์เจ้าซอมบี้หัวหน้าฝูงไว้หน่อยก็ดี…” หลิงม่อเพิ่งจะคิดอย่างนี้ ก็ได้ยินเสียงคำรามต่ำดังมาไม่ไกล
ซอมบี้แทบทุกตัวพากันหันขวับไปทางนั้น ซอมบี้บางตัวยังอ้าปากเปล่งเสียงขานรับด้วย
“นายว่าสัตว์ประหลาดพวกนี้เหมือนทหารที่เพิ่งถูกฝึกใหม่ไหม? ฉันเคยได้ยินเรื่องกองทัพมด แต่ยังไม่เคยเห็นกองทัพซอมบี้เลย คิดแล้วก็ขนลุกแปลกๆ” จางซินเฉิงมองออกไปนอกหน้าต่าง แล้วพูดขึ้นโดยไม่หันหน้ากลับมา
เย่ไคกำลังนั่งหลับตารวบรวมสมาธิอยู่ข้างกำแพง ได้ยินเข้าก็ตอบอย่างเย็นชา “แล้วยังไง? ไม่ว่าพวกมันจะวิวัฒนาการอีกแค่ไหน มนุษย์ก็ไม่มีทางถูกเล่นงานง่ายๆ”
“ฉันก็ไม่ได้กลัวว่าจะถูกเล่นงานหรอกนะ…”
จางซินเฉิงยังพูดไม่ทันจบ เจ้าลิงผอมก็พูดแทรกขึ้นด้วยสีหน้าเศร้าสลด “พอแล้ว พวกนายหยุดพูดเรื่องนี้กันเถอะ ฉันต่างหากที่ได้ยินชัดเจนที่สุด ความทุกข์อย่างนี้พวกนายเข้าใจบ้างไหม? ฉันรู้สึกเหมือนมีซอมบี้หลายร้อยตัวกำลังคำรามก้องในหูของฉัน! พวกนายเข้าใจความรู้สึกนี้บ้างไหม?!”
“เจ้าลิงผอม…” กู่ซวงซวงมองหน้าเขาอย่างเห็นใจ จากนั้นก็เงยหน้ามองชั้นบน “ไม่รู้ว่าพวกเขาจะได้ยินไหม…”
“เธอหมายถึง ‘เขา’ คนเดียวต่างหากล่ะมั้ง?” เจ้าลิงผอมบอก
“นายพูดบ้าอะไรของนาย!” กู่ซวงซวงถลึงตามองเขาด้วยพวงแก้มแดงระเรื่อ พลางกอดเข่าสะบัดหน้าหนี…
อวี่เหวินซวยและมู่เฉินที่อยู่ชั้นบนต่างก็ได้ยินเสียงเหล่านั้น ทว่าการตอบสนองของพวกเขากลับเหมือนกัน…
“เอะอะจริง…”
“ซอมบี้ก็เหมือนกับคน พออยู่ด้วยกันเยอะๆ ก็เอะอะโวยวาย…”
“เฮ้อ ฉันดื่มต่อดีกว่า นายก็นอนต่อเถอะ”
พวกเขาสองคนไม่ใช่ว่าไม่สนใจหลิงม่อ ทว่าสำหรับพวกเขา ท่าทางขมวดคิ้วของหลิงม่อไม่ได้ต่างอะไรจากกำลังกลั้นหายใจและใช้เรี่ยวแรงเลย…ซึ่งหมายความว่าเขากำลังพยายามทำอะไรบางอย่างอยู่นั่นเอง…
“นี่มัน…”
ในโลกแห่งดวงจิต หลิงม่อกำลังยืนนิ่งเพราะความตกตะลึง
ความจริงแล้ว หุ่นซอมบี้ทั้งสามตัวของเขาก็กำลังหยุดเดินเช่นกัน…สิ่งที่สามารถเรียกร้องเสียงขานรับจากฝูงซอมบี้ได้ ก็คงจะมีแต่ซอมบี้หัวหน้าฝูงเท่านั้น
และแค่ฟังเสียงคำราม หลิงม่อก็สัมผัสได้เลยว่าเจ้านั่นไม่ใช่ซอมบี้ที่รับมือได้ง่ายๆ แน่นอน
หลิงม่อหันกลับมาดูหุ่นซอมบี้กลายร่างตัวนี้ของตัวเอง ในใจเริ่มมีเค้าโครงรางๆ…
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ซอมบี้ที่สามารถปกครองถนนเส้นนี้ได้ ต้องเป็นซอมบี้ที่แข็งแกร่งมากแน่ๆ ร้ายดีอย่างไรที่นี่ก็เป็นย่านธุรกิจ ซอมบี้ที่เกิดหลังจากภัยพิบัติระบาดต้องมีอยู่ไม่น้อยแน่นอน แต่ตอนนี้…พวกมันกลับมีความเป็นไปได้ที่จะลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วถึงเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์…ถ้าอย่างนั้น แล้วซอมบี้เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ที่หายไปจะไปอยู่ที่ไหนได้ล่ะ? แน่นอนว่าต้องอยู่ในท้องของซอมบี้พวกนี้น่ะสิ…และพวกซอมบี้ระดับสูงของที่นี่ ก็เป็นไปได้มากว่าจะไปรวมอยู่ในท้องของซอมบี้หัวหน้าฝูงตัวนั้น”
การวิเคราะห์อย่างนี้ความจริงแล้วเป็นเหมือนการคาดเดามากกว่า แต่หลังจากที่ได้ยินเสียงคำรามนั้น หลิงม่อกลับมีความคิดอย่างนี้ผุดขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
“ไปดูหน่อยแล้วกัน!”
ถึงยังไงหลิงม่อก็ไม่ใช่ซอมบี้ระดับต่ำ ไม่นานเขาจึงได้สติกลับมาจากความรู้หวาดกลัวตามสัญชาตญาณนี้อย่างรวดเร็ว และรีบควบคุมหุ่นซอบี้กลายร่างตัวนั้นให้เข้าไปใกล้ ฝ่าเท้าของหุ่นซอมบี้ตัวนี้ใหญ่มาก ซ้ำยังมีตาปลาหนาๆ ปูดขึ้นมาที่ใต้เท้าด้วย มันทั้งหนาและนุ่มมาก เหมือนมีเบาะรองนิ่มๆ ติดไว้ใต้เท้าทั้งสองข้างเลยทีเดียว อาศัยเบาะรองเนื้อทั้งสองอันนี้ หุ่นซอมบี้กลายร่างสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเงียบเชียบกว่าปกติ ซ้ำความเร็วและความสามารถในการดีดตัวกระโดดสูงก็ยังน่าทึ่งมากด้วย
และนี่ก็เป็นประโยชน์ของซอมบี้ระดับสูง และก็เป็นอันตรายของพวกมันด้วย หลังจากที่ซอมบี้ทุกตัวผ่านวิวัฒนาการมาช่วงหนึ่ง พวกมันจะวิวัฒนาการจุดเด่นบางอย่างขึ้นมาตามความต้องการของตัวเอง และสำหรับมนุษย์ที่ไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพวกมันนัก แม้เป็นการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย ก็หมายถึงอันตรายถึงชีวิตได้เลยทีเดียว
แต่ตอนนี้สำหรับหลิงม่อ การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยนี้กลับสำคัญกว่าเวลาไหน เพราะมันสามารถช่วยให้หุ่นซอมบี้ตัวนี้เข้าใกล้เจ้าซอมบี้หัวหน้าฝูงที่เอาแต่คำรามลั่นเป็นระยะๆ ตัวนั้นได้…
ภายใต้การควบคุมอย่างระมัดระวังของหลิงม่อ ไม่นานหุ่นซอมบี้ก็เดินแหวกฝูงซอมบี้ และเริ่มมองเห็นรถออฟโรดคันหนึ่งผ่านช่องว่างแคบๆ
บนหลังคารถออฟโรดคันนั้นมีซอมบี้นั่งอยู่ตัวหนึ่ง หากมองจากมุมที่หุ่นซอมบี้ยืนอยู่ จะมองเห็นด้านข้างของมันพอดี…
“ไอ้ฉิบหาย…”
หลังจากที่จ้องมองนานถึงสามวินาที หลิงม่อก็อดสบถเสียงดังในใจไม่ได้
ถึงแม้จะเตรียมใจมาบ้างแล้ว แต่ว่าตัวนี้…ตัวนี้วิวัฒนาการสุดโต่งเกินไปไหม!
เทียบกับร่างกายขนาดใหญ่ของมัน หัวของมันเล็กจนแทบมองไม่เห็นแล้ว!
แค่เห็นแขนข้างหนึ่งของมัน หลิงม่อก็ไม่สงสัยเลยว่ามันสามารถทุบรถออฟโรดคันนั้นให้แบนได้ด้วยมือข้างเดียวแน่นอน
แล้วลองนึกภาพดู ว่าซอมบี้ยักษ์รูปร่างประหลาดๆ ตัวหนึ่ง กลับนั่งห้อยขาโตงเตงอยู่บนหลังคารถ และเงยหน้ามองท้องฟ้าพร้อมส่ายตัวไปมา!
ส่วนเสียงคำรามประหลาดของมัน…แค่ดูขนาดหัวของมันก็จะรู้เอง ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย…
“สติปัญญาต่ำมาก เป็นก้อนเนื้อยักษ์ที่เคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณเท่านั้นหรอ…” หลิงม่อคิดอย่างปวดหัว
ความจริง ซอมบี้ที่อาศัยแค่เรี่ยวแรงมหาศาลอย่างเดียวก็รับมือยากไม่น้อยเหมือนกัน เพราะกับดักใช้ไม่ค่อยได้ผลกับมันนัก และมันอาจมองข้ามกับดักนั้นไปเลยก็ได้…รถถังในร่างคนที่รู้จักแต่พุ่งชนอย่างเดียว ก็คงเหลือแต่วิธีใช้ไม้แข็งเข้าชนเท่านั้น
“โฮกก!”
เจ้าก้อนเนื้อยักษ์เงยหน้าคำรามอีกครั้ง และหลังจากคำรามครั้งนี้เสร็จ อยู่ๆ มันก็กระโดดลงจากรถออฟโรด และยืนบนพื้นดัง “ปึง”
“เชี่ย นี่มันโชคดีขี้หมาอะไรกัน?” หลิงม่อชะงักไปชั่วขณะ ทำไมอยู่ๆ มันถึงได้เคลื่อนไหวในเวลานี้!
หรือว่า…เป็นเพราะท้องฟ้าเปลี่ยนจากปลอดโปร่งเป็นมีเมฆมาก?
หลิงม่อเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ค่อนข้างครึ้มขึ้นเล็กน้อย และแอบคิดอย่างสัปดนว่า “หรือว่าอาจถึงเวลาอึของมันแล้วก็ได้…”
แต่ว่า โดยทั่วไปแล้วซอมบี้จะไม่ถ่ายอุจจาระกัน เพราะพวกมันมีระบบย่อยอาหารและการดูดซึมที่ยอดเยี่ยมมาก…
—————————————————————————–